ปราศ, ปราศจาก | (ปฺราด, ปฺราดสะ-) ก. พ้นไป, ไม่มี. |
กระทำโดยประมาท | ก. กระทำความผิดมิใช่โดยเจตนา แต่กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่. |
ขาว ๑ | ว. มีสีอย่างสำลี, โดยปริยายหมายความว่า แจ่มแจ้ง, สะอาดบริสุทธิ์, ปราศจากมลทิน. |
คลื่นความถี่ | น. คลื่นวิทยุหรือคลื่นแฮรตเซียนซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความถี่ต่ำกว่าสามล้านเมกะเฮิรตซ์ลงมาที่ถูกแพร่กระจายในที่ว่างโดยปราศจากสื่อนำที่ประดิษฐ์ขึ้น. |
เงียบ | ว. ไม่มีเสียง เช่น นั่งเงียบ, ไม่มีเสียงอื้ออึง เช่น บ้านนี้เงียบ, สงบ, ปราศจากเสียงรบกวนหรือการก่อกวน, เช่น เหตุการณ์เงียบลงแล้ว |
น้ำประปา | น. น้ำที่ผ่านกระบวนการทำให้สะอาดปราศจากเชื้อโรค แล้วจ่ายไปให้ประชาชนบริโภคใช้สอย. |
นิรมาน | (-ระมาน) ว. ปราศจากการถือรั้น, ไม่มีความดื้อดึง, ไม่ถือตัว. |
นิรันตราย | (-รันตะราย) ว. ปราศจากอันตราย. |
นิรามิษ | ปราศจากความยินดีอันเป็นเครื่องล่อใจ. |
นิราศ ๑ | (-ราด) ก. ไปจาก, ระเหระหน, ปราศจาก. |
นิราศ ๒ | (-ราด) ก. ปราศจากความหวัง, ไม่มีความต้องการ, หมดอยาก, เฉยอยู่. |
นิษกรม | (นิดสะกฺรม) ก. เฉย, ปราศจากกิริยา, เช่น ใจเน่งนิษกรม (อนิรุทธ์). |
บริสุทธิ์ | (บอริสุด) ว. แท้, ไม่มีอะไรเจือปน, เช่น ทองบริสุทธิ์, ปราศจากมลทิน, ปราศจากความผิด, เช่น เป็นผู้บริสุทธิ์, หมดจดไม่มีตำหนิ เช่น เพชรบริสุทธิ์ เครื่องแก้วบริสุทธิ์ |
บ้าจี้ | ว. อาการที่พูดหรือแสดงโดยขาดสติเมื่อถูกจี้ทำให้ตกใจ, ทำตามโดยปราศจากการไตร่ตรองเมื่อถูกยุหรือแนะ. |
บำราศ | (บำราด) ก. หายไป, จากไป, พรากไป, ปราศจาก, โบราณเขียนเป็น บำราส ก็มี เช่น ใจรักบำราสนฤบดีเปลือง จิตตข้าทุราทวา (อนิรุทธ์). (แผลงมาจาก ปราศ) |
ประปา | น. นํ้าที่เกรอะกรองให้สะอาดปราศจากเชื้อโรคแล้วจ่ายไปให้ประชาชนบริโภคใช้สอย เรียกว่า นํ้าประปา, เรียกรัฐวิสาหกิจซึ่งมีหน้าที่จัดทำและจำหน่ายนํ้าประปา ว่า การประปา, เรียกสิ่งอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการนี้ เช่น ก๊อกประปา ท่อประปา. |
ประมาท | กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้กระทำอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่. |
ประมาทเลินเล่อ | ก. กระทำโดยปราศจากความระมัดระวังหรือละเลยในสิ่งที่ควรกระทำ. |
ปราชาปัตยวิวาหะ | (ปฺราชาปัดตะยะ-) น. การสมรสวิธีหนึ่งที่บิดายกลูกสาวให้เจ้าบ่าวโดยปราศจากการเรียกร้องอย่างใดอย่างหนึ่งจากเจ้าบ่าว. |
ปลอด | (ปฺลอด) ก. พ้นจาก, ปราศจาก, เช่น ปลอดคน ปลอดภัย |
ปลอดโปร่ง | (-โปฺร่ง) ว. ผ่องใสปราศจากความขุ่นมัว. |
ผ่อง ๑ | ว. ปลั่ง, ปราศจากมลทิน, ไม่ขุ่นมัว, เช่น ผิวผ่อง หน้าผ่อง ขาวผ่อง. |
ผิดนัด | ลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดเวลา หรือเจ้าหนี้ไม่รับชำระหนี้ โดยปราศจากมูลเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้. |
พรากเด็ก | น. เป็นฐานความผิดอาญา ที่ผู้กระทำพาเอาเด็กอายุไม่เกิน ๑๕ ปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควร. |
พิมล | (พิมน) ว. ปราศจากมลทิน, ปราศจากความมัวหมอง |
ไพชน | น. ที่เงียบ, ที่สงัด, ที่ปราศจากคน. |
มุทะลุ | ว. มีนิสัยดุดัน ชอบทำอะไรอย่างหุนหันพลันแล่นหรือโดยขาดสติปราศจากความยั้งคิด. |
ไม้ไหลลอย | น. ไม้ต้น ไม้ซุง ไม้ท่อน ไม้เสา ไม้เข็ม ไม้หลัก ไม้เหลี่ยม ไม้กระดานซึ่งเป็นไม้หวงห้าม ที่ได้ไหลลอยโดยปราศจากการควบคุม. |
รหิต | ก. ปราศจาก, หายไป. |
ร้าง | ว. ที่ถูกทอดทิ้ง เช่น พ่อร้าง แม่ร้าง, ว่างเปล่า, ปราศจากผู้คน, เช่น บ้านร้าง เมืองร้าง. |
ราบคาบ | เรียบร้อยปราศจากเสี้ยนหนามหรือความกระด้างกระเดื่อง เช่น บ้านเมืองสงบราบคาบ ตำรวจปราบโจรผู้ร้ายเสียราบคาบ. |
ราบรื่น | ว. เรียบร้อย, ปราศจากอุปสรรคใด ๆ, เช่น งานสำเร็จลงอย่างราบรื่น ชีวิตสมรสราบรื่น. |
ไร้ | ว. ขัดสน, ไม่มี, ปราศจาก, เช่น ไร้ทรัพย์ ไร้ความสามารถ. |
ลาภมิควรได้ | น. ทรัพย์ที่บุคคลได้มาเพราะบุคคลอีกคนหนึ่งกระทำเพื่อชำระหนี้ หรือได้มาเพราะประการอื่น โดยปราศจากมูลอันจะอ้างกฎหมายได้ และเป็นทางให้บุคคลอีกคนหนึ่งเสียเปรียบ รวมตลอดถึงการได้มาเพราะเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งมิได้มี มิได้เป็นขึ้น หรือเป็นเหตุที่ได้สิ้นสุดไปเสียก่อนแล้ว. |
โล่ง | ว. มีลักษณะว่าง เตียน ไม่มีอะไรกีดกั้นหรือปิดบัง เช่น ที่โล่ง ป่าถูกตัดต้นไม้เสียโล่ง, ที่เปิดตลอดไม่มีอะไรกีดกั้นหรือปิดบัง เช่น ห้องโล่ง, โดยปริยายหมายความว่า ปราศจากอุปสรรค เช่น เปิดทางโล่งแล้ว. |
วิชน | (วิ-ชน) ว. ปราศจากคน, ร้าง. |
วิมล | ว. ปราศจากมลทิน, ไม่มีตำหนิ, ใส, สะอาด, บริสุทธิ์, กระจ่าง, งาม. |
วิรตะ, วิรัต | ว. ปราศจากความยินดี, ไม่ยินดี. |
วิรัช ๑ | ว. ปราศจากธุลี, ไม่มีมลทิน, บริสุทธิ์, สะอาด. |
วิราคะ | น. ความปราศจากราคะ, ความหน่าย, ความไม่ไยดี |
วิโรค | ว. ไม่เจ็บไข้, ปราศจากโรค. |
วิศัลย์ | ว. ปราศจากความเสียดแทง, ไม่ทุกข์ร้อน. |
วีต- | (วีตะ-) ว. ไปแล้ว, หมดแล้ว, ปราศจาก, มักใช้ประกอบหน้าศัพท์อื่น เช่น วีตราคะ ว่า หมดราคะ วีตโลภะ ว่า หมดความโลภ. |
ศ | (สอ) พยัญชนะตัวที่ ๓๘ เรียกว่า ศอ ศาลา เป็นอักษรสูง ใช้เป็นพยัญชนะต้น และเป็นตัวสะกดในมาตรากดหรือแม่กด เช่น ปราศจาก อัศวิน อากาศ. |
สงบ | (สะหฺงบ) ก. ระงับ เช่น สงบจิตสงบใจ สงบสติอารมณ์ สงบศึก, หยุดนิ่ง เช่น คลื่นลมสงบ พายุสงบ, กลับเป็นปรกติ เช่น เหตุการณ์สงบแล้ว, ปราศจากสิ่งรบกวน เช่น จิตใจสงบ, ไม่กำเริบ เช่น อาการไข้สงบลง ภูเขาไฟสงบ, ไม่วุ่นวาย เช่น บ้านเมืองสงบปราศจากโจรผู้ร้าย. |
สงบเงียบ | ก. ปราศจากเสียงรบกวน เช่น เด็ก ๆ ไม่อยู่บ้าน ทำให้บ้านสงบเงียบ. |
สงบราบคาบ | ก. เรียบร้อยปราศจากเสี้ยนหนามหรือความกระด้างกระเดื่อง เช่น บ้านเมืองสงบราบคาบ. |
สงัด | (สะหฺงัด) ว. เงียบเชียบ, สงบเงียบเพราะปราศจากเสียงรบกวน, เช่น ดึกสงัด ยามสงัด. |
สำลี ๒ | น. ชื่อเรียกปุยฝ้ายที่นำมาฟอกให้ขาวปราศจากไขมันและสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ เพื่อใช้ในทางการแพทย์เป็นต้น |
สุขภาพ | น. ภาวะที่ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ การสูบบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ. |
Immunity from Jurisdiction of Diplomatic Agents | ความคุ้มกันจากอำนาจศาลของตัวแทนทางการทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตรา 31 ว่า?1. ให้ตัวแทนทางการทูตได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางอาญาของรัฐผู้รับ ตัวแทนทางการทูตยังจะได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางแพ่ง และทางการปกครองของรัฐผู้รับด้วย เว้นแต่ในกรณีของก) การดำเนินคดีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับนอกจากตัวแทนทางการทูตครอบครองไว้ในนามของ รัฐผู้ส่งเพื่อความมุ่งประสงค์ของคณะผู้แทนข) การดำเนินคดีเกี่ยวกับการสืบมรดกซึ่งเกี่ยวพันถึงตัวแทนทางการทูตในฐานะผู้ จัดการมรดกโดยพินัยกรรม ผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาท หรือผู้รับมรดกในฐานะเอกชน และมิใช่ในนามของรัฐผู้ส่งค) การดำเนินคดีเกี่ยวกับกิจกรรมใดในทางวิชาชีพ หรือพาณิชย์ ซึ่งตัวแทนทางการทูตได้กระทำในรัฐผู้รับ นอกเหนือจากการหน้าที่ทางการของตน 2. ตัวแทนทางการทูตไม่จำเป็นต้องให้การในฐานะพยาน 3. มาตรการบังคับคดี ไม่อาจดำเนินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับตัวแทนทางการทูต เว้นแต่ในกรณีซึ่งอยู่ภายใต้อนุวรรค (ก) (ข) และ (ค) ของวรรค 1 ของข้อนี้ และโดยมีเงื่อนไขว่ามาตรการที่เกี่ยวข้องอาจดำเนินไปได้โดยปราศจากการละเมิด ความละเมิดมิได้ในตัวบุคคลของตัวผู้แทนทางการทูต หรือที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต 4. ความคุ้มกันของตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ ไม่ยกเว้นตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้ส่ง?เกี่ยวกับความคุ้มกันตัว แทนทางการทูตจากขอบเขตของอำนาจศาลทางแพ่ง อาจกล่าวได้อย่างกว้างๆ ว่า ตัวแทนทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทน ทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทนทางการ ทูตจะถูกฟ้องมิได้ และถูกจับกุมมิได้เกี่ยวกับหนี้สิน รวมทั้งทรัพย์สินของเขา เช่น เครื่องเรือน รถยนต์ ม้า และสิ่งอื่นๆ ทำนองนั้นก็จะถูกยืดเพื่อใช้หนี้มิได้ ตัวแทนทางการทูตจะถูกกีดกันมิให้ออกไปจากรัฐผู้รับในฐานะที่ยังมิได้ชดใช้ หนี้สินของเขานั้นก็มิได้เช่นกัน อนึ่ง นักกฎมายบางกลุ่มเห็นว่า ตัวแทนทางการทูตจะถูกหมายศาลเรียกตัว (Subpoenaed) ไม่ได้ หรือแม้แต่ถูกขอร้องให้ไปปรากฎตัวเป็นพยานในศาลแพ่งหรือศาลอาญาก็ไม่ได้ อย่างไรก็ดี ถ้าหากตัวแทนทางการทูตสมัครใจที่จะไปปรากฏตัวเป็นพยานในศาล ก็ย่อมจะทำได้ แต่จะต้องขออนุมัติจากรัฐบาลในประเทศของเขาก่อน [การทูต] |
Inviolability of Residence and Property of Diplomatic Agents | หมายถึง ความละเมิดมิได้ของทำเนียบและทรัพย์สินของตัวแทนทางการทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 30 ว่า ?1. ให้ที่อยู่ส่วนตัวของตัวแทนทางการทูต ได้อุปโภคความละเมิดมิได้และความคุ้มครอง เช่นเดียวกับสถานที่ของคณะผู้แทน 2. ให้กระดาษเอกสาร หนังสือโต้ตอบ และยกเว้นที่ได้บัญญัติไว้ในวรรค 3 ของข้อ 31 ทรัพย์สินของตัวแทนทางการทูตได้อุปโภคและละเมิดมิได้เช่นกัน?วรรค 3 ของข้อ 31 ในอนุสัญญากรุงเวียนนาได้บัญญัติว่า มาตรการบังคับคดีไม่อาจดำเนินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับตัวแทนทางการทูต (เว้นแต่ในกรณีซึ่งอยู่ภายใต้อนุวรรค (ก) (ข) และ (ค) ของวรรค 1 ของข้อนี้ และโดยเงื่อนไขว่า มาตรการที่เกี่ยวข้องอาจดำเนินไปได้ โดยปราศจาการละเมิด) หรือที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต [การทูต] |
Marshall Plan | แผนการมาร์แชล ในโอกาสวันประสาทปริญญาของนักศึกษามหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ดในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ค.ศ. 1947 ยอร์ช ซี.มาร์แชล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ สมัยนั้น ได้กล่าวอยู่ตอนหนึ่งในสุนทรพจน์ว่า?สหรัฐอเมริกาควรจะทำทุกอย่างเท่าที่จะ สามารถกระทำได้ เพื่อช่วยให้ดินแดนต่าง ๆ ในโลกได้กลับคืนสู่ภาวะปกติทางเศรษฐกิจ เพราะหากปราศจากภาวะดังกล่าว โลกก็จะไม่มีเสถียรภาพที่สถาพร นโยบายของสหรัฐฯ มิได้มุ่งจะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศใดหรือลัทธิใด หากมุ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อความหิวโหย ความยากจน ความสิ้นหวัง และความยุ่งเหยิง การที่จะให้สหรัฐอเมริการับภาระในการจัดวางโครงการแต่ฝ่ายเดียว เพื่อช่วยให้ทวีปยุโรปสามารถช่วยตนเองทางเศรษฐกิจขึ้นใหม่ นับว่ายังไม่เหมาะสมและถูกต้องนัก ควรจะให้เป็นภาระหน้าที่ของชนชาวยุโรปทั้งหลายเอง บทบาทของสหรัฐฯ ควรจะเป็นเพียงผู้เสนอให้ความความช่วยเหลือฉันมิตร ในการร่างโครงการช่วยเหลือทวีปยุโรป และให้ความสนับสนุนแก่โครงการนั้น ตราบที่โอกาสจะเอื้ออำนวยต่อการกระทำเช่นนั้นได้?จากสุนทรพจน์ข้างต้น พอจะเข้าใจจุดประสงค์สำคัญของสหรัฐอเมริกาได้ไม่ยากว่า ไม่ต้องการให้ทวีปยุโรป ซึ่งกำลังอ่อนแอโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจหลังจากเสร็จสงครามใหม่ ๆ ต้องตกไปอยู่ใต้อำนาจครอบงำของฝ่ายคอมมิวนิสต์นั่นเอง [การทูต] |
New Diplomacy | การทูตแบบใหม่ ภายหลังสงครามโลกครั้งแรก หรือตั้งแต่ ค.ศ. 1918 เป็นต้นมา ได้เกิดการทูตแบบใหม่ ซึ่งแตกต่างไปจาการทูตแบบเก่า อันได้ปฏิบัติกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี นักวิชาการบางท่านมีความเอนเอียงที่จะตำหนิว่า การที่เกิดสงครามโลกขึ้นนั้น เป็นเพราะการทูตประสบความล้มเหลวมากกว่าอย่างไรก็ดี บางท่านเห็นว่าแม้ส่วนประกอบของการทูตจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลา แต่เนื้อหาหรือสาระสำคัญของการทูตยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เป็นการผสมผสานเข้าด้วยกันระหว่างการทูตแบบเก่ากับการทูตแบบใหม่อาจกล่าวได้ ว่า มีปัจจัยสำคัญ ๆ อยู่สามประการ ที่มีอิทธิพลหรือบังเกิดผลโดยเฉพาะต่อวิธีการหรือทฤษฎีของการเจรจาระหว่าง ประเทศ กล่าวคือ ข้อแรก ชุมชนนานาชาติทั้งหลายเกิดการตื่นตัวมากขึ้น ข้อที่สอง ได้มีการเล็งเห็นความสำคัญของมติสาธารณะ ( Public Opinion) มากขึ้น และประการสุดท้าย เป็นเพราะการสื่อสารคมนาคมได้เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็วอดีตนักการทูตผู้มี ชื่อเสียงคนหนึ่งของอินเดีย ได้แสดงความไม่พอใจและรังเกียจความหยาบอย่างปราศจากหน่วยก้านของการดำเนิน การทูตแบบใหม่ เช่น การโฆษณาชวนเชื่อเข้าใส่กัน การใช้ถ้อยคำในเชิงผรุสวาทต่อกัน การเรียกร้องกันอย่างดื้อ ๆ ขาดความละมุนละไมและประณีต อาทิเช่น การเรียกร้องข้ามหัวรัฐบาลไปยังประชาชนโดยตรงในค่ายของฝ่ายตรงกันข้ามการ กระทำต่าง ๆ ที่จะให้รัฐบาลต้องเสียชื่อหรือขาดความน่าเชื่อถือ ตลอดจนการใส่ร้ายป้ายสีกันด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา ห้ามไม่ให้ประชาชนติดต่อกันทางสังคม และอื่น ๆ เป็นต้น [การทูต] |
Organization of European Economic Cooperation | คือองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจของยุโรป สัญญาที่ก่อตั้งองค์การนี้ได้มีการลงนามกัน ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 16 เมษายน ค.ศ.1948 โดยรัฐบาลของประเทศออสเตรีย เบลเยี่ยม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส กรีซ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักแซมเบิร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ปอร์ตุเกส อังกฤษ สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี โดยแม่ทัพของฝรั่งเศส อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาที่ประจำอยู่ในเขตยึดครองในเยอรมนี (หลังเสร็จสงครามโลกครั้งที่สอง)จุดประสงค์สำคัญที่สุดขององค์การนี้คือ ต้องการให้ทวีปยุโรปมีภาวะเศรษฐกิจกลับคืนมาใหม่อย่างมั่นคง ด้วยการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิก สำนักงานใหญ่ขององค์การนี้ตั้งอยู่ ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสอย่างไรก็ดี บัดนี้ได้มีองค์การตั้งขึ้นใหม่แทนองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจของยุโรป เรียกว่า องค์การร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Cooperation and Development ) หรือ OECD สำหรับสัญญาจัดตั้งองค์การโอดีซีดีนี้ ได้มีการลงนามกัน ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1960 โดยรัฐบาลของประเทศออสเตรีย เบลเยี่ยม แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ไอซ์แลนด์ ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักแซมเบิร์ก นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ปอร์ตุเกส อังกฤษ สเปน สวีเดน สวิตเซอร์แลนด์ ตุรกี อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา สัญญาดังกล่าวมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 1961จุดประสงค์สำคัญขององค์การโออีซีดี มีดังนี้1. เพื่อให้บรรดาประเทศสมาชิกได้มีความเติบโตทางเศรษฐกิจ มีแรงงาน อาชีพ และมาตรฐานการครองชีพให้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็พยายามรักษาเสถียรภาพทางการคลังไว้เพื่อเป็นการเกื้อกูลต่อการ พัฒนาเศรษฐกิจของโลก2. ระหว่างการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ให้ประเทศสมาชิกมีโอกาสขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคง รวมทั้งในประเทศที่มิได้เป็นสมาชิกด้วย3. ต้องการมีส่วนเกื้อกูลต่อการขยายตัวทางการค้าในรูปพหุภาคี และปราศจากการกีดกันแต่อย่างใด ตามพันธกรณีระหว่างประเทศองค์การสำคัญในองค์การโออีซีดีคือคณะมนตรี ( Council ) ซึ่งประกอบด้วยประเทศสมาชิกทั้งหมด มีคณะกรรมการบริหารรวมทั้งเลขาธิการ สำนักงานใหญ่ขององค์การตั้งอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส [การทูต] |
Parliamentary Diplomacy | การทูตแบบรัฐสภา หรือบางครั้งเรียกว่า Organization Diplomacy เช่น การทูตในองค์การสหประชาชาติ การทูตแบบนี้ต่างกับการทูตตามปกติที่ดำเนินกันในนครหลวงของประเทศ กล่าวคือ1. นักการทูตมีโอกาสติดต่อโดยใกล้ชิดกับสื่อมวลชนและกับนัการทูตด้วยกันจาก ประเทศอื่น ๆ รวมทั้งจากประเทศที่ไม่เป็นมิตรภายในองค์การสหประชาติ มากกว่าในนครหลวงของประเทศ แต่มีโอกาสน้อยกว่าที่จะติดต่อกับคนชาติของตนอย่างใกล้ชิด2. การพบปะติดต่อกับบรรดานักการทูตด้วยกันในองค์การสหประชาชาติ จะเป็นไปอย่างเป็นกันเองมากกว่าในนครหลวงของประเทศ3. ในองค์การสหประชาติ ประเทศเล็ก ๆ สามารถมีอิทธิพลในการเจรจากับประเทศใหญ่ ๆ ได้มากกว่าในนครของตน เพราะตามปกติ นักการทูตในนครหลวงมักจะติดต่ออย่างเป็นทางการกับนักการทูตในระดับเดียวกัน เท่านั้น แต่ข้อนี้มิได้ปฏิบัติกันอย่างเคร่งครัดนักในสหประชาชาติ ในแง่การปรึกษาหารือกันระหว่างกลุ่ม ในสมัยก่อนที่สงครามเย็นจะสิ้นสุดในสหประชาชาติได้แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม (Blocs) ด้วยกัน คือกลุ่มเอเชียอัฟริกา กลุ่มเครือจักรภพ (Commonwealth) กลุ่มคอมมิวนิสต์ กลุ่มละตินอเมริกัน กลุ่มยุโรปตะวันตก กลุ่มสแกนดิเนเวีย และกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่ ประเทศที่มิได้ผูกพันเป็นทางการกับกลุ่มใด ๆ ที่กล่าวมา อนึ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับสงครามเย็น สมาชิกประเทศในสหประชาชาติจะรวมกลุ่มกันตามแนวนี้ คือ ประเทศนิยมฝักใฝ่กับประเทศฝ่ายตะวันตก (Pro-West members) ประเทศที่นิยมค่ายประเทศคอมมิวนิสต์ (Pro-Communist members) และประเทศที่ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายใด (Non-aligned members)เกี่ยวกับเรื่องการทูตในการประชุมสหประชาชาติ ในสมัยสงครามเย็น นักการทูตชั้นนำของอินเดียผู้หนึ่งให้ข้อวิจารณ์ว่า ไม่ว่าจะเป็นการประชุมพิจารณากัน การทะเลาะเบาะแว้งด้วยคำผรุสวาทหรือการแถลงโผงผางต่อกันนั้น ล้วนเป็นลักษณะที่ตรงกันข้ามกับลักษณะวิสัยของการทูตทั้งสิ้น ดังนั้น สิ่งที่เป็นไปในการประชุมสหประชาชาติ จึงแทบจะเรียกไม่ได้เลยว่าเป็นการทูต เพราะการทูตที่แท้จริงจะกระทำกันด้วยอารมณ์สงบ ใช้ความสุขุมคัมภีรภาพ ปราศจากกามุ่งโฆษณาตนแต่อย่างใด การแสดงต่าง ๆ เช่น สุนทรพจน์และภาพยนตร์นั้นจะต้องมีผู้ฟังหรือผู้ชม แต่สำหรับการทูตจะไม่มีผู้ฟังหรือผู้ชม (Audience) หากกล่าวเพียงสั้น ๆ ก็คือ ผู้พูดในสหประชาชาติมุ่งโฆษณาหาเสียง หรือคะแนนนิยมจากโลกภายนอก แต่ในการทูตนั้น ผู้พูดมุ่งจะให้มีการตกลงกันให้ได้ในเรื่องที่เจรจากันเป็นจุดประสงค์สำคัญ [การทูต] |
Work of the United Nations for the Independence of Colonial Peoples | งานขององค์การสหประชาชาติ ในการช่วยให้ชาติอาณานิคมทั้งหลายได้รับความเป็นเอกราช นับตั้งแต่เริ่มตั้งองค์การสหประชาชาติเมื่อปี ค.ศ.1945 เป็นต้นมา มีชนชาติของดินแดนที่ยังมิได้ปกครองตนเอง รวมทั้งดินแดนในภาวะทรัสตีตามส่วนต่าง ๆ ของโลก ได้รับความเป็นเอกราชไปแล้วไม่น้อยกว่า 170 ล้านคน ดินแดนที่แต่ก่อนยังไม่มีฐานะปกครองตนเองราว 50 แห่งได้กลายฐานะเป็นรัฐเอกราช มีอธิปไตยไปแล้ว ขณะนี้ยังเหลือดินแดนที่ยังมิได้ปกครองตนเองอีกไม่มาก กำลังจะได้รับฐานะเป็นประเทศเอกราชต่อไปแม้ว่าปัจจัยสำคัญที่สุดซึ่งทำให้ เกิดวิวัฒนาการอันมีความสำคคัญทางประวัติศาสตร์ จะได้แก่ความปรารถนาอย่างแรงกล้าของประชาชนในดินแดนเมืองขึ้นทั้งหลาย แต่องค์การสหประชาชาติก็ได้แสดงบทบาทสำคัญในการส่งเสริมและสนับสนุนชนชาติ ที่ยังมิได้เป็นเอกราช และชาติที่ยังปกครองดินแดนเหล่านั้นอยู่ ให้รีบเร่งที่จะให้ชาชาติในดินแดนเหล่านั้นได้รับฐานะเป็นเอกราชโดยเร็วที่ สุดเท่าที่จะเป็นไปได้การที่องค์การสหประชาชาติมีบทบาทหน้าที่ดังกล่าวเพราะ ถือตามหลักแห่งความเชื่อศรัทธาที่ว่า มนุษย์ไม่ว่าชายหรือหญิง และชาติทั้งหลายไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ย่อมมีสิทธิเท่าเทียมกัน และได้ยืนยันความตั้งใจอันแน่วแน่ของประเทศสมาชิกที่จะใช้กลไกระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้ชนชาติทั้งหลายในโลกได้ประสบความก้าวหน้าทั้งในทางเศรษฐกิจและ สังคมนอกจากนั้น เพื่อเร่งรัดให้ชนชาติที่ยังอยูใต้การปกครองแบบอาณานิคมได้ก้าวหน้าไปสู่ เอกราช สมัชชาของสหประชาชาติ (General Assembly of the United Nations) ก็ได้ออกปฏิญญา (Declaration) เกี่ยวกับการให้ความเป็นเอกราชแก่ประเทศและชนชาติอาณานิคม เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1960 ซึ่งในปฏิญญานั้น ได้ประกาศยืนยันความจำเป็นที่จะให้ลัทธิอาณานิคมไม่ว่าในรูปใด สิ้นสุดลงโดยเร็วและปราศจากเงื่อนไขใด ๆ สมัชชายังได้ประกาศด้วยว่า การที่บังคับชนชาติอื่นให้ตกอยู่ใต้อำนาจการปกครอง แล้วเรียกร้องประโยชน์จากชนชาติเหล่านั้น ถือว่าเป็นการปฏิเสธไม่ยอมรับสิทธิมนุษยชนขั้นมูลฐาน เป็นการขัดกับกฎบัตรของสหประชาชาติ เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมสันติภาพและความร่วมมือของโลกสมัชชาสหประชาชาติ ยังได้ประกาศต่อไปว่า จะต้องมีการดำเนินการโดยด่วนที่สุด โดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อสงวนใด ๆ ตามเจตนารมณ์ ซึ่งแสดงออกอย่างเสรี โดยไม่จำกัดความแตกต่างในเรื่องเชื้อชาติ หลักความเชื่อถือ หรือผิว เพื่อให้ดินแดนทั้งหลายที่ยังไม่ได้มีการปกครองของตนเองเหล่านั้นได้รับความ เป็นเอกราชและอิสรภาพโดยสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1961 สมัชชาสหประชาชาติก็ได้จัดตั้งคณะกรรมการพิเศษขึ้นคณะหนึ่ง เพื่อตรวจดูและให้มีการปฏิบัติให้เป็นตามคำปฏิญญาของสหประชาชาติ และถึงสิ้นปี ค.ศ. 1962 คณะกรรมการดังกล่าวได้ประชุมกันหลายต่อหลายครั้งทั้งในและนอกสำนักงานใหญ่ ขององค์การสหประชาชาติ แล้วรวบรวมเรื่องราวหลักฐานจากบรรดาตัวแทนของพรรคการเมืองทั้งหลาย จากดินแดนที่ยังไม่ได้รับการปกครองตนเอง แล้วคณะกรรมการได้ตั้งข้อเสนอแนะต่าง ๆ โดยมุ่งจะเร่งรัดให้การปกครองอาณานิคมสิ้นสุดลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ [การทูต] |
Work of the United Nations on Human Rights | งานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน งานสำคัญชิ้นหนึ่งของสหประชาชาติคือ วควมมปรารถนาที่จะให้ประเทศทั้งหลายต่างเคารพและให้ความคุ้มครองแก่สิทธิ มนุษยชนตลอดทั่วโลก ดังมาตรา 1 ในกฎบัตรของสหประชาติได้บัญญัติไว้ว่า?1. เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และมีเจตนามุ่งมั่นต่อจุดหมายปลายทางนี้ จะได้ดำเนินมาตรการร่วมกันให้บังเกิดผลจริงจัง เพื่อการป้องกันและขจัดปัดเป่าการคุกคามต่อสันติภาพ รวมทังเพื่อปราบปรามการรุกรานหรือการล่วงละเมิดอื่น ๆ ต่อสันติภาพ ตลอดจนนำมาโดยสันติวิธี และสอดคล้องกับหลักแห่งความยุติธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งการปรับปรุงหรือระงับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การล่วงละเมิดสันติภาพได้ 2. เพื่อพัฒนาสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชาติทั้งปวงโดยยึดการเคารพต่อหลักการ แห่งสิทธิเท่าเทียมกัน และการกำหนดเจตจำนงของตนเองแห่งประชาชนทั้งปวงเป็นมูลฐานและจะได้ดำเนิน มาตรการอันเหมาะสมอย่างอื่น เพื่อเป็นกำลังแก่สันติภาพสากล 3. เพื่อทำการร่วมมือระหว่างประเทศ ในอันที่จะแก้ปัญหาระหว่างประเทศในทางเศรษฐกิจ การสังคม วัฒนธรรม และมนุษยธรรม รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพ อันเป็นหลักมูลฐานสำหรับทุก ๆ คนโดยปราศจากความแตกต่างด้านเชื้อชาติ เพศ ภาษา หรือศาสนา 4. เพื่อเป็นศูนย์กลางและประสานการดำเนินงานของประชาชาติทั้งปวงในอันที่จะ บรรลุจุดหมายปลายทางเหล่านี้ร่วมกันด้วยความกลมกลืน"ดังนั้น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1948 สมัชชาแห่งสหประชาชาติจึงได้ลงข้อมติรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชุมชนระหว่างประเทศ ที่ได้ยอมรับผิดชอบที่จะให้ความคุ้มครอง และเคารพปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยข้อความรวม 30 มาตรา กล่าวถึง1. สิทธิของพลเมืองทุกคนที่จะมีเสรีภาพ และความเสมอภาค รวมทั้งสิทธิทางการเมือง2. สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม มาตรา 1 และ 2 เป็นมาตราที่กล่าวถึงหลักทั่วไป เช่น มนุษย์ปุถุชนทั้งหลายต่างเกิดมาพร้อมกับ อิสรภาพ และทรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้น ทุกคนย่อมมีสิทธิและอิสรภาพตามที่ระบุในปฏิญญาสากล โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างใด ๆ เชื้อชาติ เพศ ภาษา ศาสนา ความเห็นทางการเมือง หรืออื่น ๆ ต้นกำเนิดแห่งชาติหรือสังคม ทรัพย์สินหรือสถานภาพอื่น ๆ ส่วนสิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมืองนั้น ได้รับการรับรองอยู่ในมาตร 3 ถึง 21 ของปฏิญญาสากล เช่น รับรองว่าทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ มีเสรีภาพและความมั่นคงปลอดภัย มีอิสรภาพจากความเป็นทาสหรือตกเป็นทาสรับใช้ มีเสรีภาพจากการถูกทรมาน หรือการถูกลงโทษอย่างโหดร้าย สิทธิที่จะได้รับการรับรองเป็นบุคคลภายใต้กฎหมาย ได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย มีเสรีภาพจากการถูกจับกุม กักขัง หรือถูกเนรเทศโดยพลการ มีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ สิทธิที่จะมีสัญชาติ รวมทั้งสิทธิที่จะแต่งงานและมีครอบครัว เป็นต้นส่วนมาตรา 22 ถึง 27 กล่าวถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และทางวัฒนธรรม เช่น มีสิทธิที่จะอยู่ภายใต้การประกันสังคม สิทธิที่จะทำงาน สิทธิที่จะพักผ่อนและมีเวลาว่าง สิทธิที่จะมีมาตรฐานการครองชีพสูงพอที่จะให้มีสุขภาพอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดี สิทธิที่จะได้รับการศึกษาและมีส่วนร่วมในชีวิตความเป็นอยู่ตามวัฒนธรรมของ ชุมชน มาตรา 28 ถึง 30 กล่าวถึงการรับรองว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะมีขีวิตอยู่ท่ามกลางความสงบเรียบร้อยของสังคมและระหว่าง ประเทศ และขณะเดียวกันได้เน้นว่า ทุกคนต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อชุมชนด้วยสมัชชาสหประชาชาติได้ประกาศ ให้ถือปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนนี้ เป็นมาตรฐานร่วมกันที่ทุกประชาชาติจะต้องปฏิบัติตามให้ได้ และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกของสหประชาชาติช่วยกันส่งเสริมรับรองเคารพสิทธิและ เสรีภาพตามที่ปรากฎในปฏิญญาสากลโดยทั่วกัน โดยเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนนี้ สมัชชาสหประชาชาติจึงลงมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1950 ให้ถือวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชนทั่วโลก [การทูต] |
ออกเทน | ค่าออกเทนเป็นตัวเลขที่บอกถึงคุณภาพการต้านทานการน็อค หรือความสามารถของน้ำมันเบนซินที่จะเผาไหม้โดยปราศจากการน็อคในเครื่องยนต์ ทดสอบได้หลายวิธี อาทิ <br>Research Octane Number (RON) เป็นการวัดโดยใช้เครื่องยนต์มาตรฐาน CFR F-1 วัดที่รอบเครื่องยนต์ต่ำ 600 รอบต่อนาที และอุณหภูมิไอน้ำมันผสมต่ำประมาณ 125 องศาฟาเรนไฮต์ <br>Motor Octane Number (MON) เป็นการวัดโดยใช้เครื่องยนต์มาตรฐาน CFR F-2 วัดที่รอบเครื่องยนต์รอบสูง 900 รอบต่อนาทีและอุณหภูมิไอน้ำมันผสม 300 องศาฟาเรนไฮต์ <br>Road Octane Number ทำการวัดโดยใช้รถยนต์จริงๆ วิ่งบนถนนซึ่งความเร็วและภาระเปลี่ยแนปลงไปต่างๆ กัน เพือ่ให้ได้ใกล้เคียงกับควาเมป็นจริงมากที่สุด วิธีนี้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก [ปิโตรเลี่ยม] |
Abscess, Sterile | ฝีที่ปราศจากจุลชีพ, ฝีไร้เชื้อ [การแพทย์] |
Adamson's Fringe | ช่องว่างที่ปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
Aluminum Chloride, Anhydrous | อลูมินัมคลอไรด์ที่ปราศจากน้ำ [การแพทย์] |
Anhydrous | ปราศจากน้ำ, ไม่มีน้ำผลึก, แอนฮัยดรัส [การแพทย์] |
Anhydrous Form | รูปที่ปราศจากน้ำ, สารปราศจากน้ำ, ไม่มีโมเลกุลของน้ำอยู่ด้วย [การแพทย์] |
Asepsis | ทำให้ปราศจากเชื้อโรค [การแพทย์] |
Aseptic | ปราศจากเชื้อ, เทคนิคฆ่าเชื้อ, ปลอดเชื้อ [การแพทย์] |
Aseptic Area | สถานที่ปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
Aseptic Conditions | ภาวะที่สอาด, สภาวะที่ปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
Aseptic Processing | กระบวนการปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
Aseptic Technic | วิธีที่ปราศจากเชื้อ, วิธีเตรียมแบบปราศจากเชื้อ, วิธีการเตรียมแบบปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
Aseptic Technique | วิธีที่ไร้เชื้อ, เทคนิคไร้เชื้อ, วิธีการที่ปราศจากเชื้อ, เทคนิคปลอดเชื้อ, เทคนิคที่ปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
Association, Non-Statistical | ความสัมพันธ์ที่ปราศจากนัยสำคัญทางสถิติ [การแพทย์] |
Autoclave | เครื่องนึ่งอัด, ตู้นึ่ง, ทำให้ปราศจากเชื้อโดยวิธีนึ่ง, หม้อนึ่งฆ่าเชื้อ, นึ่ง, การอบความร้อน, ตู้อบฆ่าเชื้อ, ออโตเคลฟ, การฆ่าเชื้อโดยไอน้ำ, การนึ่งฆ่าเชื้อ, เครื่องนึ่ง [การแพทย์] |
Band-Aid, Sterile | ผ้าพันแผลปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
Cardiac Pathology, No Underlying | หัวใจที่ปราศจากพยาธิสภาพมาก่อน [การแพทย์] |
Cholecystitis, Acalculous | การเกิดถุงน้ำดีอักเสบชนิดไม่มีก้อนนิ่ว, โรคถุงน้ำดีอักเสบปราศจากนิ่ว [การแพทย์] |
Copepod | ปราศจาก [การแพทย์] |
Crime without Victims | อาชญากรรมที่ปราศจากเจ้าทุกข์ [การแพทย์] |
Crystallization, Sterile | การตกผลึกให้ปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
De-Aerate | ปราศจากฟองอากาศ [การแพทย์] |
Diet, Electrolyte-Free | อาหารปราศจากอนุมูลกรดและด่าง [การแพทย์] |
Diet, Protein-Free | อาหารปราศจากโปรตีน [การแพทย์] |
Disinfectants | ยาล้างเชื้อ(โรค), ดิสอินเฟคแทนส์, ยาทำลายเชื้อ, ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ, น้ำยาฆ่าเชื้อโรค, สารฆ่าเชื้อจุลินทรีย์, ยาทำให้ปราศจากเชื้อ, ยาฆ่าเชื้อ, ยาฆ่าเชื้อโรค [การแพทย์] |
Distilled Water, Air-Free | น้ำกลั่นที่ปราศจากอากาศ [การแพทย์] |
Endocarditis, Non-Infective | โรคเยื่อบุหัวใจอักเสบปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
Endocarditis, Noninfective | โรคเยื่อบุหัวใจอักเสบปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
Fluids, Nonelectrolyte | ของเหลวที่ปราศจากอีเล็กโตรไลท์ [การแพทย์] |
Gauze, Sterilized | ผ้าก๊อซปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
Gloves, Sterilized | ถุงมือที่ปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
Inflammation, Sterile | การอักเสบชนิดที่ปราศจากการติดเชื้อ [การแพทย์] |
Inhibition, Loss of | ปราศจากการควบคุม [การแพทย์] |
Intertrigo | การอักเสบที่ซอกหลืบรอยพับชนิดปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
Luken's Tubes | ภาชนะที่สะอาดปราศจากเชื้อ [การแพทย์] |
absent | (prep) ปราศจาก |
acquit | (vt) ทำให้ปราศจากข้อผูกพัน, See also: ทำให้ปราศจากภาระ |
anhydrous | (adj) ปราศจากน้ำ, Syn. waterless, dried up |
animal rights | (n) สิทธิของสัตว์ที่จะมีชีวิตอยู่อย่างอิสระปราศจากการหารประโยชน์ของมนุษย์หรือถูกมนุษย์ทารุณหรือกักขัง |
antisepsis | (n) การทำให้ปราศจากเชื้อจุลินทรีย์ |
antiseptic | (adj) ที่ปราศจากเชื้อโรค, Syn. sterile, germ-free, clean |
aseptic | (adj) ซึ่งปราศจากเชื้อโรคหรือจุลินทรีย์, Syn. clean, germ-free |
against someone's will | (idm) ปราศจากความเห็นพ้อง |
barren | (adj) ปราศจากพืชผล, See also: แห้งแล้ง, ขาดแคลน |
benighted | (adj) ซึ่งปราศจากความเข้าใจ |
be without | (phrv) ไม่มี, See also: ปราศจาก, ไร้ |
beyond reasonable doubt | (idm) ปราศจากข้อสงสัย (สำนวนกฎหมาย), See also: ไม่มีข้อกังขา |
causeless | (adj) ที่ปราศจากเหตุผล, Syn. groundless |
chaste | (adj) ซึ่งรักษาพรหมจารี, See also: ปราศจากมลทิน, บริสุทธิ์, สะอาดบริสุทธิ์, Syn. pure, virgin |
coast along | (phrv) เคลื่อนไปเรื่อยๆ (โดยปราศจากการถีบสำหรับจักรยาน หรือการติดเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์), See also: แล่นไปเรื่อย |
dispense with | (phrv) ทำโดยปราศจาก, See also: งด, Syn. do without, go without, live without, manage out |
do without | (phrv) ทำโดยปราศจาก, See also: ทำโดยไม่มี |
do without | (phrv) กระทำโดยปราศจาก, See also: ทำโดยไม่มี, Syn. go without, manage without |
doubting Thomas | (idm) คนที่ไม่เชื่อสิ่งใดหากปราศจากข้อพิสูจน์ / หลักฐาน |
footloose and fancy-free | (idm) ปราศจากการผูกมัด, See also: ไม่รับผิดชอบ |
dark | (n) ความมืด, See also: ความมืดมิด, ที่มืด, มุมมืด, เงามืด, การปราศจากแสง, Syn. darkness, dimness |
decaffeinated | (adj) ซึ่งไม่มีคาเฟอีน, See also: ปราศจากสารคาเฟอีน |
deprived | (adj) ปราศจากสิ่งจำเป็น (เช่น อาหาร เงิน และ อื่นๆ), See also: ขาดแคลน, Syn. dispossed, stripped |
devoid | (adj) ซึ่งขาดแคลนมาก, See also: ปราศจากบางอย่างโดยสิ้นเชิง, Syn. bare, void |
dispassionate | (adj) สงบ, See also: เป็นกลาง, ปราศจากอคติ, เยือกเย็น, Syn. detached |
easily | (adv) อย่างแท้จริง, See also: โดยปราศจากข้อสงสัย, Syn. by far, clearly, undoubtedly |
ex | (prf) ไม่มี, See also: ปราศจาก, Syn. not, without |
fearless | (adj) กล้าหาญ, See also: ปราศจากความกลัว, ใจกล้า, ใจเด็ด, Syn. brave, resolute, unafraid, Ant. cowardly |
give up | (phrv) ยื่นหรือเสนอให้ทำโดยปราศจาก (เงิน หรือเวลา) |
go without | (phrv) ดำเนินไปหรือทำโดยปราศจาก, Syn. do without, manage without |
go without | (phrv) เดินทางไปโดยปราศจาก, See also: ไปโดยไม่เอาหรือไม่มี |
hands-down | (adj) ยอมรับโดยปราศจากข้อสงสัย, See also: ยอมรับโดยปราศจากคำถาม, Syn. unquestionable |
haste | (n) ความหุนหันพลันแล่น, See also: การปราศจากความไตร่ตรอง |
immaculate | (adj) บริสุทธิ์, See also: ปราศจากมลทิน, ไร้ราคี, Syn. pure, unblemished, unflawed, Ant. blemished, flawed |
irrational | (adj) ไม่มีเหตุผล, See also: ปราศจากเหตุผล, Syn. unreasonable, absurd, illogical, Ant. rational, logical |
irrationality | (n) ความไม่มีเหตุผล, See also: การกระทำหรือความคิดที่ปราศจากเหตุผล |
live without | (phrv) ดำรงอยู่ได้โดยปราศจาก, See also: มีชีวิตอยู่โดยไม่มี บางสิ่ง, Syn. depense with, do without, go without, manage without |
lack | (vt) ขาด, See also: ไร้, ปราศจาก, ไม่มี, มีไม่พอ |
libertine | (n) ผู้ประพฤติผิดศีลธรรมจรรยา, See also: คนที่ปราศจากศีลธรรม, คนที่หลงระเริงในโลกียสุข, Syn. debauchee, lecher, sensualist, Ant. prude |
licentious | (adj) ไร้ศีลธรรม, See also: ปราศจากศีลธรรม |
lidless | (adj) ที่ปราศจากฝา |
lonely | (adj) ห่างไกลผู้คน, See also: ปราศจากผู้คน, ไม่มีคนอยู่, Syn. uninhabited, unpopulated, desolate, bleak, Ant. crowded, bustling, busy |
loose | (adv) อย่างเป็นอิสระ, See also: ปราศจากข้อผูกมัด, Syn. freely |
loveless | (adj) ที่ปราศจากความรัก |
merciless | (adj) ไร้ความปราณี, See also: ปราศจากความเมตตา, ใจยักษ์, ใจดำ, โหดร้าย, Syn. uncompassionate, harsh, pitiless, Ant. kind, sensitive |
minus | (prep) ปราศจาก, See also: ไม่มี, Syn. without |
moneylender | (n) ผู้ให้ยืมเงินโดยปราศจากดอกเบี้ย |
a | (prf) ไม่ (ย่อมาจาก an-), See also: ปราศจาก, ใช้นำหน้าเสียงพยัญชนะ |
painless | (adj) ซึ่งไม่เจ็บปวด, See also: ปราศจากความเจ็บ, Syn. harmless |
pro bono | (n) งานที่ปราศจากค่าตอบแทน |
acentric chromosome | เศษชิ้นส่วนของโครโมโซมที่ปราศจาก centromere |
an- | (คำเสริมหน้า) ซึ่งหมายถึง ไม่, ปราศจาก, ขาดแคลน, Syn. not, without |
anaerobic | (แอนแอโร' บิค) adj. ซึ่งดำรงชีพได้โดยปราศจากอากาศหรือออกซิเจน |
anhydr- | (คำเสริมหน้า) มีความหมายว่า 'ปราศจากน้ำ' (without water) |
anhydrous | (แอนไฮ' ดรัส) adj. ปราศจากน้ำ, ซึ่งเอาน้ำออกหมด (with all waer removed) |
antisepsis | (แอนทีเซพ' ซิส) n. การทำให้ปราศจากเชื้อจุลินทรีย์, Syn. asepsis |
antiseptic | (แอนทีเซพ' ทิค) adj., n. ซึ่งป้องกันหรือทำให้ปราศจากเชื้อจุลินทรีย์, สารหรือ ยาที่มีฤทธิ์ดังกล่าว, Syn. aseptic, disinfectant |
aplomb | (อะพลอม'อะพลัม') n. ความสุขุม, ความมั่นใจ, ความปราศจากความประหม่า |
asepsis | (อะเซพ'ซิส) n. ภาวะปราศจากเชื้อโรคหรือจุลินทรีย์, วิธีการทำให้ปราศจากเชื้อโรค, Syn. antisepsis, Ant. sepsis |
aseptic | (อะเซพ'ทิค) adj. ปราศจากเชื้อโรคหรือจุลินทรีย์. -asepticism n., Syn. antiseptic, Ant. septic |
barren | (บาร์'เริน) adj. แห้งแล้ง, ปราศจากพืชผล, ไม่ได้ผล, ไม่มีบุตร, เป็นหมัน, ขาดแคลน, ไม่น่าสนใจ, ไร้ความคิด, จืดชืด, Syn. sterile, Ant. fertile, creative |
blank | (แบลงคฺ) { blanked, blanking, blanks } adj. ว่าง, ว่างเปล่า, ปราศจากเรื่องราว, ยังไม่ได้เขียนหรือพิมพ์อะไร, จืดชืด, ไม่น่าสนใจ, โดยสิ้นเชิง, ทั้งสิ้น, ซีด, ไร้สี n. สถานที่ว่างเปล่า, ช่องว่างสำหรับเติม, แบบฟอร์มที่ว่างเปล่า, จุดขาวตรงกลางของเป้า, เป้า, กระสุนเปล่า, เครื่องห |
blithe | (ไบลธฺ) adj. ร่าเริง, สนุกสนาน, บันเทิงใจ, สะเพร่า, ไม่ระวัง, ไม่ไตร่ตรอง, ปราศจากสติ |
candid | (แคน'ดิด) adj. เปิดเผย, ตรงไปตรงมา, ปราศจากอคติ, เป็นธรรม, ซื่อตรง, ขาว, ใส, บริสุทธิ์ n. ภาพที่ไม่ได้วางท่า, See also: candidness n. ดูcandid, Syn. impartial |
fishy | (ฟิช'ชี) adj. คล้ายปลา (กลิ่น, รสหรืออื่น ๆ) , ซึ่งประกอบด้วยปลา, ซึ่งมีปลาอุดมสมบูรณ์, เหลือเชื่อ, ไม่น่าเป็นไปได้, น่าสงสัย, ทื่อ, ปราศจากความรู้สึก |
free | (ฟรี) { freed, freeing, frees } adj., adv. อิสระ, เสรี, เป็นไทย, ไม่มีข้อจำกัด, ไม่มีพิธีรีตอง, ไม่ปิดบัง, ได้รับการยกเว้นภาษี, ปลอดภัย, ทั่วไป, ปราศจาก, หลวม, ว่าง, ปลอด, ไม่ถูกขัดขวาง, ไม่แน่นอน, ไม่คงที่ vt. ทำให้อิสระ, See also: freeness n. คำที่มีความหมายเห |
graphics adapter card | ตัวปรับภาพหมายถึงแผ่นวงจร (card) ที่เมื่อนำไปเสียบเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วทำให้จอภาพแสดงภาพได้ เท่าที่รู้จักกันในเวลานี้มีชื่อเรียกว่า CGA EGA VGA และ SVGA ถ้าปราศจากแผ่นวงจรเหล่านี้ แม้โปรแกรมจะเป็นโปรแกรมภาพ ก็จะแสดงภาพไม่ได้ ดู CGA EGA VGA และ SVGA |
guiltless | (กิลทฺ'เลส) adj. ปราศจาก ความผิด, ไร้มลทิน., See also: guiltlessness n., Syn. innocent |
haste | (เฮสทฺ) n. ความรวดเร็ว, ความเร่งด่วน, ความเร่งรีบ, ความหุ่นหันพลันแล่น, การปราศจากการไตร่ตรอง. vt., vi. เร่ง, เร่งรีบ, รีบ., See also: hasteful adj. |
impassionate | (-แพช'ชะเน็ท) adj. เต็มไปด้วยอารมณ์, มีอารมณ์เร่าร้อน, กระตือรือร้น adj. ไร้อารมณ์, ใจเย็น, ปราศจากอคตี |
imperturbation | (อิมเพอเทอเบ' เชิน) n. การปราศจากการถูกรบกวน, ความสงบ, ความเงียบ, ความใจเย็น, Syn. calmness |
impotence | (อิม' พะเทินซฺ) n. ความอ่อนแอ, การปราศจากกำลังหรืออำนาจ, การหย่อน หรือไร้สมรรถภาพทางเพศ, กามตายด้าน., Syn. impotency, impotentness, weakness |
intrepid | (อินเทรพ'พิด) adj. ไม่กลัว, ปราศจากความกลัว, กล้า, กล้าหาญ., See also: intrepidity n. |
less | (เลส) adv. น้อยกว่า, แทบจะไม่. adj. น้อยกว่า, เล็กน้อย, ไม่ใหญ่นัก, ไม่มากนัก. n. จำนวนที่น้อยกว่า. -prep. ลบออก, ปราศจาก |
minus | (ไม'นัส) prep., adj. ลบ, ลบออก, ปราศจาก, ไร้, เป็นลบ. n. เครื่องหมาย"-", จำนวนลบ, การขาดแคลน, การสูญเสีย |
nil | (นิล) n. การไม่มีอะไร, ศูนย์, การปราศจาก |
normal | (นอร์'เมิล) adj. ปกติ, ธรรมดา, โดยธรรมชาติ, เป็นประจำ, เป็นมาตรฐาน, มีจิตปกติ, เป็นมุมฉาก, ตั้งฉาก, ซึ่งปราศจากการติดเชื้อ. n. มาตรฐาน, ปกติวิสัย, รูปแบบธรรมดา, ค่าเฉลี่ย, เส้นตั้งฉาก., See also: normality n., Syn. usual |
quiet | (ไค'อิท) adj., vt., vi. (ทำให้) เงียบ, สงบ, สงัด, ปราศจากสิ่งรบกวน, เรียบ ๆ , อยู่เฉย, นิ่งเฉย n. ความเงียบ, ความสงบ, การปราศจากสิ่งรบกวน, ความสงัด, สันติ, See also: quietly adv. quietness n., Syn. tranquillity, calm, serene |
refined | (รีไฟนดฺ') adj. สุภาพเรียบร้อย, ขัดเกลา, สละสลวย, ปราศจากสิ่งสกปรก, กลั่น, กรอง, ประณีต, ละเอียดลออ, See also: refinedly adv. refinedness n., Syn. subtle |
sans | (แซนซ, ซาน) prep. ปราศจาก, ไม่มี |
sans serif | แซนเซอริฟ <คำอ่าน>เป็นแบบอักษร (font) ภาษาอังกฤษแบบหนึ่งที่ไม่มีส่วนงอนโค้งของส่วนปลายสุดของตัวอักขระ ส่วนงอนโค้งนี้ในภาษาอังกฤษ เรียกกันว่า serif ฉะนั้น sans serif ก็หมายความว่าปราศจากส่วนนี้ (sans เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ปราศจาก) แบบอักษรชนิดนี้จะมีลักษณะเป็นตัวตรง ๆ เหมาะสำหรับใช้พิมพ์ชื่อเรื่อง พาดหัวตัวโต ๆ ว่ากันว่าให้อ่านง่าย ในระบบวินโดว์ของพีซี กรอบสนทนาทั้งหมดใช้แบบอักษรนี้ ฉะนั้น ต้องระวังอย่าลบแบบอักษรนี้ออกจากหน่วยความจำโดยเด็ดขาด ดู serif เปรียบเทียบ |
shadowbox | (แชด'โดบอคซฺ) vi. ชกมวยหน้ากระจกโดยปราศจากคู่ชกเพื่อส่องดูท่าทางการชกของตัวเอง, หลบหลีก, หลีกเลี่ยง, See also: shadowboxing n. |
sterile | (สเทอ'ไรลฺ, สเทอ'รีล) adj. ปราศจากเชื้อ, ปราศจากเชื้อจุลินทรีย์, เป็นหมัน, ไม่มีลูก, ไม่ |
sterilisation | (สเทอริไลเซ'เชิน) n. การทำให้ปราศจากเชื้อ, การทำให้ปราศจากเชื้อจุลินทรีย์, การทำให้เป็นหมัน, การทำให้ไร้ผล, ภาวะที่ปราศจากเชื้อ, ภาวะที่ไร้ผล, การเป็นหมัน, Syn. purification |
sterilise | (สเทอ'ระไลซ) vt. ทำให้ปราศจากเชื้อ, ทำให้ปราศจากเชื้อจุลินทรีย์, ทำให้เป็นหมัน, ทำให้ไร้ผล, ทำให้แห้งแล้ง., See also: sterilisable adj. sterizable adj. steriliser adj. sterilizer n., Syn. purify, sanitize, cleanse |
sterilization | (สเทอริไลเซ'เชิน) n. การทำให้ปราศจากเชื้อ, การทำให้ปราศจากเชื้อจุลินทรีย์, การทำให้เป็นหมัน, การทำให้ไร้ผล, ภาวะที่ปราศจากเชื้อ, ภาวะที่ไร้ผล, การเป็นหมัน, Syn. purification |
sterilize | (สเทอ'ระไลซ) vt. ทำให้ปราศจากเชื้อ, ทำให้ปราศจากเชื้อจุลินทรีย์, ทำให้เป็นหมัน, ทำให้ไร้ผล, ทำให้แห้งแล้ง., See also: sterilisable adj. sterizable adj. steriliser adj. sterilizer n., Syn. purify, sanitize, cleanse |
still | (สทิล) adj. ยังคง, สงบ, สงัด, ปราศจากเสียง, ปราศจากสิ่งรบกวน, นิ่ง, ไม่ไหล, ไม่มีฟอง, เกี่ยวกับภาพนิ่ง n. ความเงียบ, ความเงียบสงบ, ภาพนิ่ง, ภาพเดี่ยว, เครื่องกลั่น, โรงกลั่น adv. ในขณะนี้, บัดนี้, จนกระทั่งขณะนี้, แม้กระนั้น, ยังคง, คง, ยัง, แน่นิ่ง, เงียบสงัด, ยืนหยัด, ตลอดเวลา |
stoical | (สโท'อิเคิล) adj. ปลงตก, ปราศจากตัณหาราคะ, ปราศจากความโลภหลง., Syn. resigned, impassive, patient |
un- | (คำเสรมหน้า) ไม่, ไม่ม, ปราศจาก, ไร, สลัด, เอาออก, เลก, ยกเลิก, ทำให้สูญเสย, ตรงกันข้าม |
uneventful | (อันอีเวนทฺ'ฟูล) adj. สงบ, ปกติ, เรื่อย ๆ , ปราศจากเหตุการณ์., See also: uneventfully adv. uneventfulness n., Syn. placid |
vacuum | (แวค'คิวอัม) n. สูญญากาศ, ช่องว่างที่ปราศจากอากาศ, ความว่างเปล่า, เครื่องดูดฝุ่น adj. เกี่ยวกับสูญญากาศ, ไร้อากาศหรือแก๊ส. vt. ทำความสะอาดด้วยเครื่องดูดฝุ่น. vi. ใช้เครื่องดูดฝุ่น. pl. vacuums, vacua, Syn. void, emptiness, gap, blank |
wanting | (วอน'ทิง) adj. ขาดแคลน, ไม่มี prep. ปราศจาก, ลบ, เอาออก, Syn. lacking, missing |
windless | (วินดฺ'ลิส) adj. ปราศจากลม, เรียบ, สงบ, หอบ, See also: windlessly adv. windlessness n. |
without | (วิธ'เอาทฺ) prep., adv., n. ปราศจาก, ไม่มี, พ้น, นอก, ภายนอก, ข้างนอก, ส่วนที่อยู่ภายนอก conj. นอกจาก, Syn. not with |