ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: เขา, -เขา- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ be direct | [บี เดอะ เร็ค] (phrase) ตรงไปตรงมา He is direct. เขาเป็นคนตรงไปตรงมา | sense of humor | [เซนส์ ออฟ ฮิวเมอร์] (phrase) อารมณ์ขัน He has a sense of humor. เขาเป็นคนมีอารมณ์ขัน | ฌาณ | (n) ฌาณ หรือ อธิจิต(supraconscious) เป็นจิตที่เป็นที่สุดของปัญญา คือความรู้ชัดธรรมชาติของมนุษย์ว่านี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา(คือความรู้มรรค 8 การคิดปฏิบัติเพื่อดับทุกข์) เป็นจิตที่อยู่เหนือและสามารถ ควบคุมหรือข่ม ได้ทั้งจิตสำนึก(consious) และจิตใต้สำนึก(subconsious) ซึ่งเป็นความรู้ที่สูดของวิญญาณคือความรู้แจ้งของธรรมชาติของมนุษย์ว่า นี้สุข นี้ทุกข์ นี้มิใช่ทุกข์ มิใช่สุข อธิจิตใช้สำหรับดับกิเลส ซึ่งสามารถทำให้เกิดนิมิตขึ้นมาได้ เพื่อดับกิเลสในเวลาที่เกิดกิเลสขึ้น พระผู้มีพระภาค(พระพุทธเจ้า)ได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้ไว้ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์๑๐. วิตักกสัณฐานสูตรว่าด้วย อาการแห่งวิตก การเรียกอธิจิตของตนเอง ถ้าไม่มีพรสวรรค์หรือบารมีที่สะสมมาแต่ปางก่อน จะเรียกไม่ได้ เพราะจิตยังไม่มั่นคงพอ จะต้องเรียนรู้และทำความเพียรที่ทนได้ยาก ฝึกฝน จนเกิดความชำนาญ ซึ่งข้าพเจ้ามีความสามารถที่จะให้คนทั่วไปเรียกอธิจิตของตนเองได้ เช่นให้ผู้ป่วยเรียกอธิจิตของเขาออกมารักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งทางกายและใจของเขาที่เป็นอยู่ โดยสั่งให้จิตของเขาตกอยู่ในภาวะภวังค์ ด้วยการสั่งระงับจิตหยาบที่ทำให้เขาเกิดโรคทั้งทางกายและทางใจ เพื่อเขาจะได้มีจิตที่มั่นคงถึงอธิจิตแล้วสั่งยาหรือภูมิต้านทานในตัวของเขาออกมารักษาโรค ซึ่งได้ผลดีกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์ทางเลือกวิธีอื่น นี่คือประโยชน์จากการเรียกหรือฝึกเรียกอธิจิตของตนเอง ซึ่งพระพุทธเจ้าสามารถเรียก Stem cell ในพระวรกายของพระองค์ออกมารักษาโรคได้นานมาแล้วหรือมากกว่า 2554 ปี ส่วนนักวิทยาศาสตร์พึ่งจะมาค้นพบวิธีใช้ Stem cell รักษาบางโรคเมื่อ 50 ปีมานี้เอง การรักษายังมีข้อบ่กพร่องและเงื่อนไขในการรักษาเพื่อจะได้ผลลัพท์จนเป็นที่น่าพอใจของแพทย์อยู่อีกมาก แต่วิธีของพระพุทธองค์ไม่มีเงื่อนไข ถ้าคนป่วยสามารถเรียกอธิจิตของตนเองได้ ข้าพเจ้าได้ใช้อธิจิตรักษา โรคปวดตามอวัยวะและโรคหวัดป่วยของข้าพเจ้าเอง และรักษาโรคปวดและอัมพาลให้กับคนป่วยแล้วหลายราย ซึ่งได้รับผลเป็นที่น่าพอใจของข้าพเจ้าและของคนป่วย | โบ้ย | [โบ้ย] (vt, slang) การโยนงานหรือภาระหน้าที่ให้ผู้อื่นทำ ตัวอย่าง จู่ๆเขาก็โบ้ยงานมาให้ฉันทำ ทั้งๆที่มันไม่ใช่หน้าที่เลย |
|
| กุศล | (n, adj, adv) การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับจิตใจให้ดีขึ้น ปรับปรุงจิตใจให้ดีขึ้น มากกว่าทำความดีเฉย ๆ การกระทำใด ๆ หากทำแล้วมีผลต่อสภาวะจิตใจของตนเปลี่ยนไปในทางที่สูงขึ้น จึงเรียกว่ากุศล หากการกระทำดีนั้น ๆ ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงจิตใจตนเองเลย ไม่เรียกว่ากุศล แต่เรียกว่า กรรมดี โดยทั่วไป มักจะใช้คู่กันกับคำว่า บุญกุศล แต่คำว่า บุญ กับ กุศล ความหมายต่างกัน (เขียนก็ไม่เหมือนกันแล้วจะให้ความหมายเหมือนกันได้อย่างไร) ตัวอย่าง 1. นาย กอ เป็นคนรวย ชอบที่จะให้ทาน เพราะเขาหวังว่า การให้ทานของเขาจะส่งผลทำให้เขารวย ยิ่ง ๆ ขึ้นไป และอาจจะได้ไปสวรรค์ หลังจากที่เขาตายไป - อันนี้นาย กอ ทำกรรมดี หรือทำบุญ แต่ไม่ได้เกิดกุศลในจิต หรือเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะเขาทำทานก็จริง แต่ไม่มีผลทำให้จิตใจของเขาวางลงจากความโลภ หรืออยากเลย 2. นาย ขอ เป็นคนชั้นกลาง เขาเห็นเด็กกำพร้ามากมายเกิดขึ้น เขาจึงรู้สึกอยากที่จะช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น จึงประหยัดค่าใช้จ่ายของตัวเองมากขึ้น เพื่อที่จะให้ตัวเองมีเงินเหลือมากขึ้น เพื่อที่จะแบ่งไปบริจาคเด็กเหล่านั้น เพื่อที่เด็กเหล่านั้นจะได้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไป - อันนี้ นาย ขอ ทำทั้งกุศล และบุญ เพราะมีผลที่ทำให้เขาต้องประหยัด อดออมมากขึ้น และการประหยัดอดออมนี้เอง จะทำได้ก็คือต้องปล่อยวางความอยากของตนเอง และทำเพราะในใจเกิดจิตเมตตากรุณา |
| เมื่อถึงตอนนั้น | (phrase) When the time comes. Examples: เมื่อถึงตอนนั้น เขา คง ลืม ผม = When it reaches that time, she will probably forget me เมื่อถึงตอนนั้น ผม จะ ขอ เขา แตjงงาน = When it reaches that time, I will ask her to marry me. |
| โหย๊ะ | บ่อยๆ เช่น เขาชอบไปทะเลโหย๊ะ = เขาชอบไปทะเลบ่อยๆ |
| เขา | (n) mountain, See also: hill, Syn. ภูเขา, เทือกเขา, แนวเขา, ขุนเขา, Example: ในที่สุดนักเดินป่าก็ข้ามเขาลูกนั้นสำเร็จ, Count Unit: ลูก, Thai Definition: เนินที่นูนสูงขึ้นไปเป็นจอมเด่น | เขา | (pron) he, See also: she, they, Example: ฉันไม่แน่ใจว่าเขาจะอยู่บ้านตอนบ่ายรึเปล่า, Count Unit: คน, Thai Definition: คำสรรพนามบุรุษที่ 3 ใช้แทนผู้ที่พูดถึง | เขา | (n) horn, Syn. เขาสัตว์, Example: กวางแทบจะสูญพันธ์เพราะมนุษย์ล่าเพื่อต้องการเขาอันสวยงามของมัน, Count Unit: ข้าง, คู่, Thai Definition: สิ่งที่งอกออกมาจากหัวสัตว์บางพวก เช่น กวาง | เขา | (n) dove, Syn. นกเขา, Example: ที่บ้านสวนพ่อจะเลี้ยงนกเขาไว้ดูเล่นแก้เหงา, Count Unit: ตัว, Thai Definition: ชื่อนกในวงศ์ Columbidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับนกลุมพูและนกพิราบ ขนสีน้ำตาล บางชนิดออกสีน้ำตาลแดง ลำตัวมีลาย มักอยู่เป็นคู่หรือเป็นฝูง ชอบหากินเมล็ดพืชบนพื้นดิน ในประเทศไทยมีหลายชนิด | เขา | (n) dove (a kind of bird), See also: the turtledove of the family Columbidae, Syn. นกเขา, Example: ที่บ้านสวนพ่อเลี้ยงนกเขาไว้ดูเล่น แก้เหงา, Count Unit: ตัว, Thai Definition: ชื่อนกในวงศ์ Columbidae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับนกลุมพูและนกพิราบ ขนสีน้ำตาล บางชนิดออกสีน้ำตาลแดง ลำตัวมีลาย มักอยู่เป็นคู่หรือเป็นฝูง ชอบหากินเมล็ดพืชบนพื้นดิน ในประเทศไทยมีหลายชนิด | ภูเขา | (n) mountain, See also: mount, fell, hill, alp, Syn. ภูผา, ขุนเขา, คีรี, เทือกเขา, Example: ภาพภูเขาที่เคยเขียวชอุ่มกลับเป็นเขาหัวโล้นไปหมดแล้ว, Count Unit: ลูก, Thai Definition: เนินที่นูนสูงขึ้นไปเป็นจอมเด่น, เขาขนาดใหญ่หรือสูง | ขุนเขา | (n) great mountain, See also: lofty mountain, high mountain, big mountain, Syn. เทือกเขา, แนวเขา, ยอดเขา, ขุนคีรี, Example: เบื้องหน้าของเมืองหลวงเต็มไปด้วยขุนเขาที่สูงเทียมฟ้า, Count Unit: ลูก, Thai Definition: เนินที่นูนสูงขึ้นไปเป็นจอมเด่น, เขาขนาดใหญ่หรือสูง | ชาวเขา | (n) hill tribe, See also: mountaineer, Syn. คนภูเขา, ชาวดอย, คนดอย, Example: มีชาวเขาหลายเผ่าอาศัยอยู่บริเวณเทือกเขาในภาคเหนือของประเทศ, Count Unit: คน; เผ่า | ตีนเขา | (n) foothill, See also: foot of the mountain, base of the hill, Syn. เชิงเขา, Example: พวกเราเดินช้าๆ ไปทางตีนเขา | ทิวเขา | (n) mountain range, Example: ทิวเขาบรรทัดเป็นทิวเขาที่กั้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา, Count Unit: ทิว, Thai Definition: แนวสันเขาที่ติดต่อกันเป็นพืดไป | พวกเขา | (pron) they, See also: them, Example: กลุ่มจิตรกรชาวฝรั่งเศสเคยถูกโจมตีกล่าวหาว่าภาพเขียนของพวกเขาแหกคอกหาศิลปะไม่ได้, Count Unit: คน, Thai Definition: สรรพนามบุรุษที่ 3 ใช้สำหรับเรียกผู้ที่ถูกเอ่ยถึงที่มีจำนวนมากกว่า 1 | ยอดเขา | (n) peak, See also: top of a mountain, Syn. ยอดดอย, Example: ที่บริเวณยอดเขาจะเห็นเมฆหมอกลอยตัวตัดอยู่ เป็นภาพที่งามประทับใจนักท่องเที่ยวมาก, Thai Definition: ส่วนสูงสุดหรือส่วนเหนือสุดของภูเขาหรือดอย | สันเขา | (n) mountain ridge, Example: พวกกองโจรจะปักหลักพักอาศัยอยู่บริเวณสันเขานี้, Count Unit: สัน, Thai Definition: ส่วนสูงของภูเขาที่ยาวเป็นทิวพืดไป | หุบเขา | (n) valley, See also: ravine, gorge, vale, mountain pass, Syn. ซอกเขา, ช่องเขา, หว่างเขา, Example: เจ้าหน้าที่นับร้อยคนเร่งระดมกำลังค้นหาศพที่กระเด็นกระจายอยู่ทั่วหุบเขา, Count Unit: แห่ง, Thai Definition: แอ่งภูมิประเทศที่เป็นเส้นเป็นแนวยาว 2 ข้างแอ่งขนาบด้วยพื้นแผ่นดินสูงหรือภูเขาหรือเทือกเขา | เขาดิน | (n) Dusit zoo, Example: ประชาชนเห็นภาพนายกพาครอบครัวไปเที่ยวเขาดิน, Thai Definition: ชื่อสวนสัตว์ปิดแห่งหนึ่งอยู่ในกรุงเทพมหานคร | แนวเขา | (n) range of hill, Syn. ทิวเขา, Example: พระอาทิตย์ตกลับแนวเขาไปแล้ว | ไต่เขา | (v) hike, See also: climb, Example: เจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติภูกระดึงได้รีบระดมกำลังร่วมกับเพื่อนนักศึกษาเคราะห์ร้าย ไต่เขาลงไปช่วยกันนำศพขึ้นมาได้สำเร็จ | คนภูเขา | (n) hill tribe, See also: mountaineer, Syn. ชาวเขา, ชาวดอย, คนดอย, Count Unit: คน | คนภูเขา | (n) hill tribe, See also: mountaineer, Syn. ชาวเขา, ชาวดอย, คนดอย, Count Unit: คน | ช่องเขา | (n) mountain pass, See also: ravine, gorge, defile, Syn. หุบเขา, Example: เราต้องเดินทางผ่านช่องเขานี้ไป, Count Unit: ช่อง | ภูเขาไฟ | (n) volcano, Example: เกาะชวาเป็นเกาะที่เกิดจากการเรียงตัวของภูเขาไฟมากมายหลายลูก, Count Unit: ลูก, Thai Definition: ภูเขาที่เกิดขึ้นโดยการปะทุของหินหนืดร้อนแรงดันสูงใต้เปลือกโลก | เขากวาง | (n) antler, Example: ชาวจีนนิยมนำเขากวางมาบดทำยา, Count Unit: คู่, ข้าง, Thai Definition: สิ่งที่งอกออกมาจากหัวสัตว์จำพวกกวาง | เชิงเขา | (n) foothills, See also: foot of the hill, Syn. ตีนเขา, Example: ชาวบ้านไปทำไร่ที่เชิงเขา | เนินเขา | (n) hill, See also: hillock, mount, knoll, rise, height, mound, Syn. เนิน, Example: คนขี่ม้าต้อนฝูงแกะอยู่ที่เนินเขา, Thai Definition: โคกขนาดใหญ่ที่ค่อยลาดสูงขึ้นจากระดับเดิม | ไหล่เขา | (n) mountain slope, See also: hillside, brae, Example: เขาปลูกบ้านบนไหล่เขา, Count Unit: แห่ง, Thai Definition: ส่วนของเขาที่ถัดยอดเขาลงมา | เขตภูเขา | (n) highland, See also: mountain area, Example: ผู้ที่อาศัยในเขตภูเขาเรียกว่าชาวเขา, Count Unit: เขต, Thai Definition: พื้นที่ที่เต็มไปด้วยเนินนูนสูงเด่นหรือที่มีภูเขาอยู่รวมกันหลายลูก เป็นต้น | เครือเขา | (n) vine, See also: creeper, climber, liana, Syn. เถาวัลย์ | เชือกเขา | (n) tough mountain vein, See also: vine, climber, liana, Syn. เถาวัลย์, Count Unit: เส้น | เทือกเขา | (n) mountain range, See also: range of hills, chain of mountains, Syn. แนวเขา, Example: แม่น้ำปิงมีต้นน้ำอยู่ที่เทือกเขาแดนลาวในเขตจังหวัดเชียงใหม่, Thai Definition: แนวเขาที่ต่อเนื่องกันไปเป็นพืด | เขาสูงชัน | (n) sheer rock, See also: steep hill, precipitous hill, high and steep mountain, Example: บริเวณพื้นที่เขาสูงชันทำเป็นสวนไล่ลงมาถึงพื้นราบ, Count Unit: ลูก, Thai Definition: เขาที่มีความสูงแบบตั้งตรงขึ้นไปไม่มีความลาดเอียง | ภูเขาเลากา | (adv) like a mountain, Syn. มากมายก่ายกอง, Example: เขามีงานกองทิ้งไว้เป็นภูเขาเลากาเลย, Thai Definition: ที่สูงใหญ่มาก | คาหนังคาเขา | (adv) red-handedly, See also: clearly, Example: นายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตันถูกจับได้คาหนังคาเขาเพราะไปติดกับดักของฝ่ายตรงข้าม, Thai Definition: จับได้ขณะที่กำลังกระทำผิดหรือพร้อมกับของการ, Notes: (สำนวน) | ลมพัดชายเขา | (n) name of a Thai classical song, Syn. เพลงลมพัดชายเขา, Count Unit: บท, ท่อน, ทำนอง, Thai Definition: ชื่อเพลงไทยทำนองหนึ่ง | เขาทั้งหลาย | (pron) they, See also: them, Syn. พวกเขา, Example: พวกเขาทั้งหลายต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างแข็งขัน, Thai Definition: เป็นสรรพนามบุรุษที่ 3 ใช้แทนผู้ที่เราพูดถึงซึ่งมีจำนวนหลายคน | ถือเขาถือเรา | (v) discriminate, See also: distinguish, be a partisan, separate, Syn. ถือพวก, ถือพวกถือเหล่า, ถือพรรคถือพวก, ถือพวกถือพ้อง, แยกพวก, ถือเราถือเขา, แบ่งพรรคแบ่งพวก, Example: มัวถือเขาถือเรากันอยู่อย่างนี้จะสามัคคีกันได้อย่างไร, Thai Definition: ถือว่าเป็นคนละพวก | ปล่องภูเขาไฟ | (n) crater, Example: มีทางขึ้นไปถึงปากปล่องภูเขาไฟที่มีรูปทรงวงรี ขนาด 100 x 50 หลา, Thai Definition: ช่องที่ทะลุขึ้นจากภูเขาไฟ | ภูเขาน้ำแข็ง | (n) iceberg, Example: ไททานิคเป็นชื่อเรือที่อับปางลงจากการพุ่งชนภูเขาน้ำแข็ง กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ, Count Unit: ลูก, ก้อน, Thai Definition: ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่แตกจากธารน้ำแข็งแถบขั้วโลกล่องลอยไปในทะเล | เอาใจเขามาใส่ใจเรา | (v) be considerate, See also: be thoughtful, Example: ผู้ปกครองควรสั่งสอนให้เด็กเอาใจเขามาใส่ใจเรา และไม่ควรทำร้ายผู้อื่น, Thai Definition: นึกถึงความรู้สึกของผู้อื่นเมื่อเราจะทำอะไรกับเขา |
| กระพี้เขาควาย | น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ชนิด Dalbergia cultrata Graham ex Benth. ในวงศ์ Leguminosae ขึ้นตามป่าเบญจพรรณและป่าทุ่งทั่วไป เว้นแต่ปักษ์ใต้ แก่นสีดำแข็งและหนักมาก ใช้ทำเครื่องเรือน เพลาเกวียน และด้ามเครื่องมือต่าง ๆ. | กางเกงชาวเขา | น. กางเกงแบบชาวเขานุ่ง เป็นกางเกงที่มีเป้ายานลงมา ทำให้ทรงกางเกงดูคล้ายรูปสี่เหลี่ยมคางหมู เช่น ฉันชอบกางเกงชาวเขาเพราะนุ่งสบายดี. | กาหยีเขา | ดู หยี ๒. | ข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า | ก. บังคับขืนใจผู้อื่นให้ทำตามที่ตนต้องการ เช่น จะจัดแจงแต่งตามอารมณ์เรา เหมือนข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า (สังข์ทอง). | ขึ้นเขาลงห้วย | ก. ลำบากสมบุกสมบัน เช่น ชีวิตของฉันไม่ได้สะดวกสบาย ต้องขึ้นเขาลงห้วยมาตลอด | ขึ้นเขาลงห้วย | ไป (ใช้ในความประชด) เช่น จะขึ้นเขาลงห้วยที่ไหนก็ไป ฉันไม่สนใจแล้ว. | เข็นครกขึ้นเขา, เข็นครกขึ้นภูเขา | ก. ทำงานที่ยากลำบากอย่างยิ่งโดยต้องใช้ความเพียรพยายามและอดทนอย่างมาก หรือบางทีก็เกินกำลังความสามารถหรือสติปัญญาของตน. | เขา ๑ | น. เนินที่นูนสูงขึ้นไปเป็นจอมเด่น. | เขามอ | น. เขาจำลองที่ทำไว้ดูเล่นในบ้านเป็นต้น. | เขา ๒ | น. สิ่งที่งอกออกมาจากหัวสัตว์บางพวก มีลักษณะแข็ง. | เขากวาง๑ | น. ชื่อขวากชนิดหนึ่งทำด้วยต้นไม้หรือกิ่งไม้ เสี้ยมปลายให้แหลมเพื่อกีดขวางข้าศึก. | เขากวางอ่อน | น. เขากวางที่งอกใหม่หลังผลัดเขา มีหนังอ่อนนุ่มหุ้ม มีขนสั้นสีน้ำตาลเป็นมัน นิยมใช้ทำยา. | เขาเกก | น. เรียกเขาวัวเขาควายเป็นต้นที่เฉออกไม่เข้ารูปกัน. | เขา ๓ | น. ชื่อนกขนาดกลางหลายชนิดหลายสกุล ในวงศ์ Columbidae ปากสั้นตรงปลายโค้งเล็กน้อย ขนลำตัวสีเทาหรือเทาอมน้ำตาล ขนปีกมีลาย ขาสีชมพู มักอยู่เป็นคู่หรือเป็นฝูง กินเมล็ดพืชบนพื้นดิน ในประเทศไทยมีหลายชนิด เช่น เขาใหญ่หรือเขาหลวง [ Streptopelia chinensis (Scopoli) ] เขาลายเล็ก [ Macropygia ruficeps (Temminck) ] เขาเขียว [ Chalcophaps indica (Linn.) ] เขาชวาหรือเขาเล็ก [ Geopelia striata (Linn.) ] . | เขาเปล้า | ดู เปล้า ๒. | เขา ๔ | ส. คำใช้แทนผู้ที่เราพูดถึง, เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๓. | เขา ๕ | น. เถาวัลย์ เช่น เครือเขา. | เขากวาง ๑ | ดูใน เขา ๒. | เขากวาง ๒ | ดู ปะการัง. | เขาแกะ | น. ชื่อกล้วยไม้ชนิด Rhynchostylis coelestis Rchb. f. ในวงศ์ Orchidaceae ใบโค้ง ๆ คล้ายเขาแกะ ดอกสีฟ้าอมม่วง. | ควายเขาเกก | น. ควายที่มีเขาเฉออกไม่เข้ารูปกัน | ควายเขาเกก | โดยปริยายหมายถึงคนที่เป็นอันธพาลเกะกะเกเร, วัวเขาเกก ก็ว่า. | คาหนังคาเขา | ว. จับได้ในขณะที่กำลังกระทำผิดหรือพร้อมกับของกลาง, ใช้เพี้ยนว่า คาหลังคาเขา ก็มี. | เครือเขา | น. เถาวัลย์. | เครือเขาน้ำ | น. ชื่อไม้เถาชนิด Tetrastigma leucostaphyllum (Dennst.) Mabb. ในวงศ์ Vitaceae ขึ้นในป่าดิบ ลำต้นตอนบนแบนเป็นร่อง ตอนล่างค่อนข้างกลม อุ้มนํ้า นํ้าในลำต้นกินได้. | เครือเขามวก | ดู เครือเขามวกขาว. | เครือเขามวกขาว | น. ชื่อไม้เถาชนิด Parameria laevigata (Juss.) Moldenke ในวงศ์ Apocynaceae มียางเหนียวคล้ายกาว ใช้ทำยาได้, กระทั่งติด กุมาริกา เครือเขามวก ตังติด หรือ เถามวก ก็เรียก. | ช่องเขา | น. เส้นทางที่ใช้เป็นทางข้ามทิวเขาจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง, ช่องที่อยู่ในระหว่างเขา ๒ ลูก. | ชั่วนกเขาเหิน | น. ระยะความสูงที่นกเขาบินขึ้นไปถึงได้ เช่น พระปฐมเจดีย์สูงชั่วนกเขาเหิน. | ชาวเขา | น. กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่แถบภูเขา. | ชาวไทยภูเขา | น. กลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่แถบภูเขาในประเทศไทย. | เชือกเขา | น. เถาวัลย์. | ถือเขาถือเรา | ก. มีความรู้สึกว่าเป็นคนละพวก, แบ่งพรรคแบ่งพวก, ถือเราถือเขา ก็ว่า. | ถือเราถือเขา | ก. มีความรู้สึกว่าเป็นคนละพวก, แบ่งพรรคแบ่งพวก, ถือเขาถือเรา ก็ว่า. | เทือกเขา | น. แนวเขาที่ต่อเนื่องกันไปเป็นพืด. | นกเขา ๑ | น. ชื่อเหยี่ยวขนาดกลาง ในสกุล Accipiter วงศ์ Accipitridae สีเทานํ้าตาลมีลายตลอดตัว อกสีนํ้าตาลลายกระขาว มักอยู่ตามลำพัง เกาะซ่อนตัวบนต้นไม้เพื่อคอยโฉบล่าเหยื่อ มีหลายชนิด เช่น เหยี่ยวนกเขาหงอน [ A. trivergatus (Temminck) ]เหยี่ยวนกเขาชิครา [ A. badius (Gmelin) ] เหยี่ยวนกเขาพันธุ์ญี่ปุ่น [ A. gularis (Temminck & Schlegel) ]. | นกเขา ๑ | ดูใน นก ๑. | นกเขา ๒ | ดู สร้อยนกเขา (๑). | พลับเขา | ดู กระดูกค่าง. | ภูเขา | น. พื้นที่ที่มีระดับสูงขึ้นจากบริเวณรอบ ๆ ตั้งแต่ ๖๐๐ เมตรขึ้นไป. | ภูเขาน้ำแข็ง | น. ก้อนนํ้าแข็งขนาดใหญ่ที่แตกจากธารนํ้าแข็งแถบขั้วโลกล่องลอยไปในทะเล. | ภูเขาไฟ | น. ภูเขาที่เกิดขึ้นโดยการปะทุของหินหนืดร้อนแรงดันสูงใต้เปลือกโลก. | ยกภูเขาออกจากอก | ก. โล่งอก, หมดวิตกกังวล, ปลดเปลื้องภาระที่หนักอกหนักใจให้หมดไป. | รื้อแต่หลังคาเขา หลังคาเราไม่รื้อ | ก. คิดแต่จะเอาของผู้อื่นมาใช้ของของตัวเก็บไว้, คิดแต่จะเอา ไม่คิดจะให้. | รู้เขารู้เรา | ก. รู้จักขอบเขตความสามารถของตนเองและผู้อื่น. | ลมพัดชายเขา | น. ชื่อเพลงไทย อัตรา ๒ ชั้น หน้าทับปรบไก่ | ลมพัดชายเขา | ชื่อเพลงไทยประเภทเพลงเถา | ลมพัดชายเขา | ชื่อเพลงไทยประเภทเพลงตับ. | ลาดเขา | น. ภูมิประเทศชายเขาที่ไม่ถึงกับราบ แต่ก็ไม่ชัน. | วัวเขาเกก | น. วัวที่มีเขาเฉออกไม่เข้ารูปกัน |
| | พระเมรุบรรพต | พระเมรุซึ่งสร้างบนภูเขาสมมุติ [ศัพท์พระราชพิธี] | Mountain ecology | นิเวศวิทยาภูเขา [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | กะเหรี่ยง | ชื่อชนชาวเขาเผ่าหนึ่ง ปกติอาศัยอยู่ทางพรมแดนทิศตะวันตกของประเทศไทย, Example: คำที่มักเขียนผิด กระเหรี่ยง [คำที่มักเขียนผิด] | ประณาม | กล่าวร้ายให้เขาเสียหาย, Example: คำที่มักเขียนผิด คือ ประนาม [คำที่มักเขียนผิด] | All terrain bicycles | จักรยานเสือภูเขา [TU Subject Heading] | All terrain bicycles | จักรยานเสือภูเขา [TU Subject Heading] | Amazon River Valley | หุบเขาแม่น้ำอเมซอน [TU Subject Heading] | Columbidae | นกเขา [TU Subject Heading] | Everest, Mount (China and Nepal) | ยอดเขาเอเวอเรสต์ (จีนและเนปาล) [TU Subject Heading] | Himalaya Mountains | ภูเขาหิมาลัย [TU Subject Heading] | Mastacembelus circumcinctus | ปลาหลดภูเขา [TU Subject Heading] | Mountain people | ชาวเขา [TU Subject Heading] | Mountaineering | การไต่เขา [TU Subject Heading] | Mountaineering accidents | อุบัติเหตุจากการไต่เขา [TU Subject Heading] | Mountaineers | นักไต่เขา [TU Subject Heading] | Mountains | ภูเขา [TU Subject Heading] | Mountains in literature | ภูเขาในวรรณกรรม [TU Subject Heading] | Prasat Preah Vihear (Cambodia) | ปราสาทเขาพระวิหาร [TU Subject Heading] | Valley of the Kings (Egypt) | หุบเขากษัตริย์ (อียิปต์) [TU Subject Heading] | Volcanoes | ภูเขาไฟ [TU Subject Heading] | Quarry Mine and Contour Mine | การทำเหมืองหินและการทำเหมืองตามไหล่เขา, Example: การทำเหมืองแร่โดยการตัดชั้นเหมืองตามไหล่เขา โดยการระเบิดหรือการขุดตัก แล้วใช้อุปกรณ์หรือเครื่องจักรขนถ่ายหิน หรือแร่มายังโรงแต่งแร่ ส่วนเศษหินหรือเปลือกดิน จะดันออกไปทิ้งตามไหล่เขาข้างล่าง [สิ่งแวดล้อม] | Valley Area Method | การฝังกลบในหุบเขา, Example: วิธีการฝังกลบขยะมูลฝอยในบริเวณหุบเขาที่หมด สภาพหรือไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์อื่นใดได้ แต่จะต้องมีระบบการปนเปื้อนสภาพแวดล้อมภาพนอก [สิ่งแวดล้อม] | Intermontanne Plateau | ที่ราบสูงระหว่างเขา [สิ่งแวดล้อม] | Foothill Slope ; Footslope | ที่ลาดเชิงเขา, Example: พื้นที่บริเวณเชิงเขา มีความลาดชันในลักษณะโค้งเว้าเล็กน้อย [สิ่งแวดล้อม] | Hill Evergreen Forest | ป่าดิบเขา, Example: ป่าไม้ผลัดใบประเภทป่าดิบเมืองร้อนชนิดหนึ่ง ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1, 000 เมตรขึ้นไป มีปริมาณน้ำฝนระหว่าง 1, 000-2, 000 มิลลิเมตร พบอยู่บนเขาสูงในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ดอยอินทนนท์ ป่าภูหลวง และป่าภูกระดึง ลักษณะของป่าชนิดนี้จะโปร่งกว่าป่าดิบชื้น เพราะมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่น้อยกว่า อากาศค่อนข้างเย็นเนื่องจากอยู่บนที่สูง พันธุ์ไม้ที่พบเป็นไม้ในวงศ์ก่อ ได้แก่ ก่อขนิดต่างๆ นอกจากนั้นก็มีสนสามพันปี พญาไม้ กำลังเสือโคร่ง บางคร้งก้พบไม้สนเขาขึ้นปะปนอยู่ด้วย ส่วนไม้พื้นล่างมักเป็นพวกเฟิร์น กล้วยไม้ดิน มอสต่างๆ บางแห่งจะพบต้นกุหลาบป่าขึ้นอยู่ตามป่าชนิดนี้จะเป็นป่าที่เป็นต้นน้ำลำธาร [สิ่งแวดล้อม] | Orographic Rain | ฝนภูเขา, Example: น้ำฟ้า หรือฝนที่เกิดจากอากาศลอยตัวขึ้นเมื่อพัดข้ามที่สูง ๆ เช่น ภูเขา หรือสิ่งกีดขวางซึ่งทำหน้าที่คล้ายทิวเขา [สิ่งแวดล้อม] | Mountain | ภูเขา, Example: พื้นที่ที่มีระดับสูงขึ้นจากบริเวณรอบ ๆ ตั้งแต่ 600 ม. ขึ้นไป และมีความลาดชันสูง [สิ่งแวดล้อม] | Intermontanne Basin | ลุ่มน้ำระหว่างเขา [สิ่งแวดล้อม] | Classes of Consuls | เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล แบ่งออกเป็นสองประเภท คือ กงสุลอาชีพ (Consules de Carriere) กับกงสุลกิตติมศักดิ์ (Honorary Consuls) กงสุลอาชีพเป็นคนชาติของรัฐผู้ส่ง และจะประจำทำงานเต็มเวลาในที่ทำการทางกงสุล ส่วนกงสุลกิตติมศักดิ์นั้นไม่มีฐานะเป็นกงสุลอาชีพ โดยมากเป็นนักธุรกิจในต่างประเทศ ซึ่งจะประจำทำงานเพียงส่วนหนึ่งของวัน (ไม่ใช่เต็มวัน) ในสถานที่ทำการทางกงสุลของตน และอาจจะเป็นคนชาติของรัฐที่เขาเป็นตัวแทนอยู่ หรือไม่เป็นคนชาติของรัฐนั้นก็ได้ ความแตกต่างอื่นๆ ระหว่างกงสุลอาชีพกับกงสุลกิตติมศักดิ์ มีดังนี้1. กงสุลอาชีพจะได้รับเงินเดือนประจำ แต่กงสุลกิตติมศักดิ์ไม่มีเงินเดือน2. กงสุลอาชีพมีตำแหน่งหน้าที่ถาวร ส่วนกงสุลกิตติมศักดิ์มีตำแหน่งว่าจ้างเพียงชั่วคราว 3. ส่วนมากกงสุลอาชีพจะต้องเป็นผู้ได้รับการฝึกอบรมหรือมีประสบการณ์มาก่อน ส่วนกงสุลกิตติมศักดิ์ไม่ต้องเป็นเช่นนั้น4. กงสุลอาชีพมีสิทธิได้รับความคุ้มกัน (immunities) และการยกเว้นต่าง ๆ มากกว่ากงสุลกิตติมศักดิ์สำหรับบุคคลที่เป็นหัวหน้าในที่ทำการทางกงสุลนั้น มีตำแหน่งตามลำดับชั้น คือ1) กงสุลใหญ่ (Consuls-general)2) กงสุล (Consuls)3) รองกงสุล (Vice-consuls) [การทูต] | Dean (หรือ Doyen) of the Diplomatic Corps | หัวหน้า (Dean) ของคณะทูตานุทูตในนครหลวงของประเทศใดก็ตาม ได้แก่ ตัวทูตที่อาวุโสที่สุด (คือเป็นทูตอยู่ในประเทศนั้นๆ เป็นเวลานานที่สุด) ตัวหัวหน้าคณะทูตานุทูตจะมีลำดับอาวุโสเหนือทุกคนในคณะทูตานุทูต ทำหน้าที่เป็นโฆษกของคณะทูตเมื่อถึงความจำเป็น และเป็นผู้ดูแลและคุ้มครองบรรดาเอกสิทธ์และความคุ้มกันทางการทูตที่คณะ ทูตานุทูตมีอยู่ แต่หน้าที่ที่แท้จริงนั้น โดยมากเกี่ยวกับเรื่องพิธีการทูตมากกว่า อาทิเช่น เมื่อถึงวันที่ระลึกครบรอบวันเกิดประมุขของรัฐ (เช่นวันเฉลิมพระชนมพรรษาในประเทศไทย) Dean ของคณะทูตจะเป็นผู้กล่าวแสดงความยินดีในโอกาสดังกล่าวในนามของคณะทูตทั้งหมด แต่การที่จะเรียกหรือขอให้บุคคลในคณะทูตไปประชุมเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง นั้น เป็นสิ่งที่ Dean ไม่พึงกระทำ อย่างไรก็ตาม จะไม่มีผู้แทนทางการทูตคนใดไปร่วมการประชุมระหว่างบุคคลในคณะทูตด้วยกัน เกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศโดยมิได้รับคำสั่งโดยเฉพาะจากรัฐบาลของตนก่อน ภริยาของ Dean หรือ Doyen นั้นเรียกว่า Doyenneเมื่อหัวหน้าคณะทูตวายชนม์ขณะที่ดำรงตำแหน่งอยู่ บุคคลในคณะทูตที่มีอาวุโสรองลงมาหรือเป็นบุคคลที่สองจะเป็นผู้รับช่วงงาน ทันที และมีตำแหน่งเรียกว่า อุปทูตชั่วคราว (Chargé d?Affaires ad interim) ทั้งจะต้องดูว่า เอกสารทางราชการต่าง ๆ โดยเฉพาะเอกสารลับหรือปกปิด จะไม่ทิ้งรวมอยู่กับ เอกสารส่วนตัวของทูตผู้วายชนม์อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทาง การทูต ซึ่งได้รับการรับรองเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1961 จากการประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับการติดต่อและความคุ้มกันทางการทูต ได้บัญญัติไว้ว่า?ข้อ 39 (3) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนทางการทูต ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามี สิทธิที่จะได้รับไปจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป(4) ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทนซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว ให้รัฐผู้รับอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่ส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้ามในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในคราอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดกและการรับมรดกนั้น ๆ ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับ เพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่ฝ่ายเดียวของผู้วายชนม์ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทนอนึ่ง อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสหประชาชาติ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางกงสุล เมื่อวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1963 ได้บัญญัติไว้ว่า ?ข้อ 51 ในกรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล หรือของคนในครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว รัฐผู้รับ(ก) จะอนุญาตให้ส่งออกซึ่งสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ โดยมีข้อยกเว้นแก่ทรัพย์สินเช่นว่า ทรัพย์ใด ๆ ที่ได้มาในรัฐผู้รับนั้น ซึ่งการส่งออกของทรัพย์ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลดังกล่าวถึงแก่มรณกรรม(ข) จะไม่เรียกเก็บอากรกองมรดก อากรสืบช่วงมรดกหรืออากรรับมรดก และอากรการโอน ไม่ว่าจะเป็นอากรของชาติ ของภูมิภาค หรือของเทศบาล จากสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการที่สังหาริมทรัพย์นั้นอยู่ในรัฐผู้รับก็เนื่องมาแต่ฝ่ายเดียว จากการที่ผู้วายชนม์อยู่ในรัฐนั้นฐานะบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุลหรือใน ฐานะคนในครอบครัวของบุคคลในที่ทำการกงสุล? ?ข้อ 53(5) กรณีมรณกรรมของบุคคลในสถานที่ทำการทางกงสุล คนในครอบครัวซึ่งเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของบุคคลดังกล่าว จะคงได้รับอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่ได้ประสาทให้แก่ตนต่อไป จนกว่าตนจะออกไปจากรัฐผู้รับ หรือจนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะสามารถให้ตนกระทำดังนั้นได้ แล้วแต่ว่าเวลาไหนจะมาถึงก่อนกัน? [การทูต] | Diplomatic Privilege of Accommodation | มาตรา 21 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตบัญญัติไว้ว่า ?1. รัฐผู้ต้อนรับจะต้องอำนวยความสะดวกตามบทกฎหมายของประเทศของตน ในการจัดการให้ได้มาซึ่งดินแดนของตนให้แก่รัฐผู้ส่ง ซึ่งจำเป็นแก่การปฏิบัติภาระหน้าที่ของรัฐนั้น หรือช่วยเหลือให้รัฐผู้ส่งได้รับอาคารที่พำนักด้วยวิธีการหนึ่งใด 2. ในกรณีจำเป็น รัฐผู้รับจะต้องช่วยให้คณะเจ้าหน้าที่ทางการทูต ได้มีสถานที่อยู่อาศัยอย่างเหมาะสม?เมื่อตัวแทนทางการทูตที่เพิ่งได้รับแต่ง ตั้งได้เดินทางไปถึงประเทศที่เขาจะเข้าดำรงตำแหน่ง ซึ่ง ณ ที่นั้นมีคณะผู้แทนทางการทูตของรัฐบาลของเขาประจำทำงานอยู่แล้ว ตามปกติตัวแทนทูตดังกล่าวจะมีสำนักงานทางการทูตตั้งอยู่แล้วในสถานที่เหมาะ สม มีอุปกรณ์เครื่องใช้ไม้สอยสำหรับการปฏิบัติงานโดยครบครัน และผู้ที่ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าเขาหรืออุปทูตชั่วคราวมักจะเตรียมการไว้ก่อน แล้วเกี่ยวกับที่พักอาศัย เรียกว่าทำเนียบ นอกจากว่าจะมีทำเนียบตั้งอยู่ภายในบริเวณตึกสถานเอกอัครราชทูตซึ่งรัฐบาลของ เขาเป็นเจ้าของเองแต่ถ้าหากตัวแทนทางการทูตที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งใหม่ จะต้องตั้งคณะผู้แทนทางการทูตในประเทศที่เขาเข้าดำรงตำแหน่งเป็นครั้งแรก ก็จะต้องประสบกับปัญหาเรื่องหาสถานที่สำหรับใช้เป็นที่ตั้งสถานเอกอัคร ราชทูตขึ้น ในกรณีเช่นนี้จึงจำเป็นจะต้องอาศัยคำแนะนำและความช่วยเหลือจากกระทรวงการ ต่างประเทศของรัฐผู้รับ กระทรวงการต่างประเทศของบางประเทศจะมีแผนกหนึ่งทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกแก่คณะทูตต่างประเทศโดยเฉพาะ เป็นแผนกหนึ่งในกรมพิธีการทูต ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้อยู่แล้ว [การทูต] | Diplomatic Privileges and Immunities | เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูต เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูตที่ได้ให้แก่เจ้า หน้าที่ทางการทูต โดยถือว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้แทนส่วนตัวของประมุขของรัฐ เหตุผลที่ให้มีการคุ้มกันทางการทูต ก็เพราะถือว่ารัฐบาลหนึ่งใดก็ตามจะถูกกีดกันขัดขวางด้วยการจับกุม หรือกีดกันมิให้ผู้แทนของรัฐบาลนั้นปฏิบัติหน้าที่ในความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศนั้นมิได้ ถ้าหากเห็นว่าผู้แทนนั้นมีพฤติกรรมหรือพฤติการณ์ที่ก้าวร้าวซึ่งรัฐผู้รับ ไม่อาจรับได้ก็ชอบที่รัฐผู้รับจะขอร้องให้รัฐผู้ส่งเรียกตัวผู้แทนของตนกลับ ประเทศได้ อนึ่ง การที่สถานเอกอัครราชทูตได้รับความคุ้มกันจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ เพราะต้องการให้บรรดาผู้แทนทางการทูตเหล่านั้น รวมทั้งบุคคลในครอบครัวของเขาได้มีโอกาสมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในการปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวแทนผลประโยชน์ของประเทศของเขาอนุสัญญากรุง เวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตมีบทบัญญัตินิยามคำว่า เอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางการทูตในเรื่องต่างๆ ไว้มากพอสมควร เช่น เรื่องสถานที่ของคณะผู้แทนทางการทูต รวมทั้งบรรณสารและเอกสาร เรื่องการอำนวยความสะดวกให้แก่การปฏิบัติงานของคณะผู้แทน และเสรีภาพในการเคลื่อนย้ายรวมทั้งการคมนาคมติดต่อ เป็นต้น [การทูต] | Diplomatist หรือ Diplomat | ใช้กับราชการทุกคนที่ประจำทำงานในด้านทางการทูต ไม่ว่าจะประจำอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ หรือในราชการต่างประเทศ คือ ในสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล หรือในสำนักงานทางทูตอื่นๆในทรรศนะของ เซอร์แฮโรลด์ นิโคลสัน นักการทูตยอดเยี่ยมคนหนึ่งของอังกฤษ ได้ระบุไว้ว่า นักการทูตหรือ Diplomat จะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ ยึดถือความเป็นจริง มีความแม่นยำ สงบเยือกเย็น มีความอดกลั้น อารมณ์ดี มีความสงบเสงี่ยมและมีความจงรักภักดี ทั้งยังจะต้องเป็นผู้ที่มีสติปัญญา มีความรู้ มองเห็นการณ์ไกล มีความสุขุมรอบคอบ ใจดีกับแขกและผู้แปลกหน้า มีเสน่ห์ มีความอุตสาหะวิริยะ มีความกล้า และมีปฏิภาณในทำนองเดียวกัน Francoise de Callieres (1645-1717) นักการทูตชั้นเยี่ยมของฝรั่งเศส ซึ่งเคยเป็นเอกอัครราชทูตประจำโปแลนด์ ซาวอย ฮอลแลนด์ บาวาเรีย และลอเรน ได้เขียนหนังสือไว้เล่มหนึ่งชื่อว่า De la miniere avec les souverains เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการเจรจาทางการทูต ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังเป็นที่รับรองกันทั่วไปว่าเป็นหนังสือที่ดีเยี่ยมเล่ม หนึ่ง หรือเป็นจินตกวีนิพนธ์เรื่องการดำเนินการทูตกับเจ้าผู้ครองนคร (Princes) สมัยนั้นCallieres ได้วางมาตรฐานของนักการทูตไว้สูงมากเพราะเขาเห็นว่า ไม่มีงานราชการใด ๆ ที่จะยากยิ่งไปกว่าการเจรจา ในการเจรจานั้น ผู้เจรจาจะต้องสามารถมองเห็นเหตุการณ์ทะลุปรุโปร่ง หรือมีสติปัญญาเฉียบแหลม มีความคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง มีความละมุนละไม มีความรอบรู้และความเข้าใจอย่างกว้างขวาง ตลอดจนข้อสำคัญที่สุด ต้องเป็นผู้มีความสุขุมคัมภีรภาพ สามารถมองเห็นการณ์ไกลชนิดเจาะลึกทีเดียว นอกจากนี้ จะต้องเป็นผู้มีอารมณ์ขันอย่างสม่ำเสมอ ไม่โกรธง่าย มีจิตใจสงบเยือกเย็น มีความอดกลั้น พร้อมเสมอที่จะรับฟังทุกคนที่เขาพบด้วยความตั้งอกตั้งใจ พูดจาอย่างเปิดเผย และมีอารมณ์ร่าเริงไม่หน้าเง้าหน้างอ มีอัธยาศัยไมตรี รวมทั้งมีกิริยาท่าทางเป็นที่ต้องตาต้องใจกับทุกคน ในฐานะนักเจรจา (Negotiator) นักการทูตจะต้องมีคุณลักษณะและคุณสมบัติตามที่กล่าวมานี้เป็นอย่างน้อย เนื่องจากมีการเจรจาเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดของนักการทูตนั่นเอง [การทูต] | Duration of Diplomatic Privileges and Immunities | ระยะเวลาของการอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทาง การทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตราที่ 39 ว่า?1. บุคคลทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ที่จะได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันนั้นตั้งแต่ขณะที่บุคคลนั้นเข้ามาใน อาณาเขตของรัฐผู้รับในการเดินทางไปรับตำแหน่งของตน หรือถ้าอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับแล้ว ตั้งแต่ขณะที่ได้บอกกล่าวการแต่งตั้งของตนต่อกระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงกัน 2. เมื่อภารกิจหน้าที่ของบุคคล ซึ่งอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันยุติลง เอกสิทธิ์และความคุ้มกันตามปกติให้สิ้นสุดลงขณะที่บุคคลนั้นออกไปจากประเทศ หรือเมื่อสิ้นกำหนดอันสมควรที่จะทำเช่นนั้น แต่จะยังมีอยู่จนกระทั่งเวลานั้น แม้ในกรณีของการขัดแย้งด้วยอาวุธ อย่างไรก็ดี ในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำที่ได้ปฏิบัติไปโดยบุคคลเช่นว่านั้น ในการปฏิบัติการหน้าที่ของตนในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน ความคุ้มกันนั้นให้มีอยู่สืบไป 3. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ให้คนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันซึ่งเขามีสิทธิที่จะได้สืบไป จนกว่าจะสิ้นกำหนดเวลาอันสมควรที่จะออกจากประเทศไป 4. ในกรณีการถึงแก่กรรมของบุคคลในคณะผู้แทน ซึ่งไม่ใช่คนชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นอยู่ถาวรในรัฐผู้รับ หรือของคนในครอบครัว ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของบุคคลในคณะผู้แทนดังกล่าว รัฐผู้รับสามารถอนุญาตให้ถอนสังหาริมทรัพย์ของผู้วายชนม์ไป ยกเว้นแต่ทรัพย์สินใดที่ได้มาในประเทศที่การส่งออกซึ่งทรัพย์สินนั้นเป็นอัน ต้องห้าม ในเวลาที่บุคคลในคณะผู้แทน หรือคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทนนั้นถึงแก่กรรม อากรกองมรดก การสืบมรดก และการรับมรดกนั้น ไม่ให้เรียกเก็บแก่สังหาริมทรัพย์ซึ่งอยู่ในรัฐผู้รับเพราะการไปอยู่ ณ ที่นั้นแต่เพียงถ่ายเดียวของผู้วายชนม์ ในฐานะเป็นบุคคลในคณะผู้แทน หรือในฐานะเป็นคนในครอบครัวของบุคคลในคณะผู้แทน? [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | High Commiissioner | ข้าหลวงใหญ่ หรือผู้แทนทางการทูตของแต่ละประเทศที่เป็นสมาชิกสังกัดเครือจักรภพอังกฤษ (The Commonwealth of Nations) และประจำอยู่ ณ ประเทศของสมาคมนี้ด้วยกัน แท้ที่จริงแล้วตำแหน่งนี้ก็เท่ากับตำแหน่งเอกอัคร ราชทูตในกรณีของประเทศที่มิได้เป็นสมาชิกสังกัดในเครือจักรภพนั่นเอง เช่น ในกรณีที่ผู้แทนทางการทูตของประเทศแคนาดาไปประจำ ณ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งทั้งสองเป็นประเทศในเครือจักรภพด้วยกัน เขาจะเรียกผู้แทนทางการทูตของแคนาดานั้นว่า High Commissioner ไม่ใช้คำว่า Ambassador แต่ถ้าผู้แทนทางการทูตของแคนาดาไปประจำประเทศนอกเครือจักรภพ เช่น ประเทศไทย ก็จะเรียกผู้แทนทางการทูตของแคนาดานั้นว่า เอกอัครราชทูต (Ambassador) [การทูต] | Hugo Grotius (1583-1645) | บรมครูทางกฎหมายของเนเธอร์แลนด์ เป็นบุคคลแรกที่ได้ประกาศเสรีภาพของทะเล (Freedom of the Seas) ในตำราของท่านชื่อ Mare Liberumนักกฎหมาย รัฐบุรุษ และปรัชญาเมธีด้านมนุษยธรรมของเนเธอร์แลนด์ผู้นี้ ภายหลังเกิดมาได้ไม่กี่ปีก็ส่อให้เห็นว่าเป็นเด็กที่เฉลียวฉลาดอย่างน่า มหัศจรรย์ เขาเริ่มศึกษาวิชากฎหมายตั้งแต่มีอายุได้ 11 ขวบ ณ สถาบันศึกษาชั้นสูงแห่งเลย์เด็นในเนเธอร์แลนด์ และได้รับปริญญาเอกทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัย ณ เมืองออร์ลีนส์ ในประเทศฝรั่งเศสเมื่อมีอายุได้เพียง 15 ปี โดยที่เป็นผู้ฝักใฝ่ในการเมือง เขาได้ถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิตเมื่อปี ค.ศ. 1618 ด้วยข้อหาทางการเมือง แต่ต่อมาใน ค.ศ. 1621 ได้หลบหนีไปยังประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ 1625 เขาได้แต่งตำรากฎหมายซึ่งถือกันว่าเป็นตำราอมตะชื่อว่า Jure Belli ac Pacis (แปลว่า เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยสงครามและสันติภาพ) เป็นงานเขียนที่เหมาะกับสมัย และเขียนอย่างนักวิชาการอันเยี่ยมยอดที่สุดไม่มีใครเหมือนในสมัยนั้น และด้วยความรู้สึกที่รักความยุติธรรมอย่างแรงกล้าด้วยเหตุนี้ ทั่วโลกจึงขนานนาม Hugo Grotius ว่าเป็นบิดาแห่งกฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎหมายนานาชาติ (Father of the Law of Nations) [การทูต] | Immunity from Jurisdiction of Diplomatic Agents | ความคุ้มกันจากอำนาจศาลของตัวแทนทางการทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตรา 31 ว่า?1. ให้ตัวแทนทางการทูตได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางอาญาของรัฐผู้รับ ตัวแทนทางการทูตยังจะได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางแพ่ง และทางการปกครองของรัฐผู้รับด้วย เว้นแต่ในกรณีของก) การดำเนินคดีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับนอกจากตัวแทนทางการทูตครอบครองไว้ในนามของ รัฐผู้ส่งเพื่อความมุ่งประสงค์ของคณะผู้แทนข) การดำเนินคดีเกี่ยวกับการสืบมรดกซึ่งเกี่ยวพันถึงตัวแทนทางการทูตในฐานะผู้ จัดการมรดกโดยพินัยกรรม ผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาท หรือผู้รับมรดกในฐานะเอกชน และมิใช่ในนามของรัฐผู้ส่งค) การดำเนินคดีเกี่ยวกับกิจกรรมใดในทางวิชาชีพ หรือพาณิชย์ ซึ่งตัวแทนทางการทูตได้กระทำในรัฐผู้รับ นอกเหนือจากการหน้าที่ทางการของตน 2. ตัวแทนทางการทูตไม่จำเป็นต้องให้การในฐานะพยาน 3. มาตรการบังคับคดี ไม่อาจดำเนินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับตัวแทนทางการทูต เว้นแต่ในกรณีซึ่งอยู่ภายใต้อนุวรรค (ก) (ข) และ (ค) ของวรรค 1 ของข้อนี้ และโดยมีเงื่อนไขว่ามาตรการที่เกี่ยวข้องอาจดำเนินไปได้โดยปราศจากการละเมิด ความละเมิดมิได้ในตัวบุคคลของตัวผู้แทนทางการทูต หรือที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต 4. ความคุ้มกันของตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ ไม่ยกเว้นตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้ส่ง?เกี่ยวกับความคุ้มกันตัว แทนทางการทูตจากขอบเขตของอำนาจศาลทางแพ่ง อาจกล่าวได้อย่างกว้างๆ ว่า ตัวแทนทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทน ทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทนทางการ ทูตจะถูกฟ้องมิได้ และถูกจับกุมมิได้เกี่ยวกับหนี้สิน รวมทั้งทรัพย์สินของเขา เช่น เครื่องเรือน รถยนต์ ม้า และสิ่งอื่นๆ ทำนองนั้นก็จะถูกยืดเพื่อใช้หนี้มิได้ ตัวแทนทางการทูตจะถูกกีดกันมิให้ออกไปจากรัฐผู้รับในฐานะที่ยังมิได้ชดใช้ หนี้สินของเขานั้นก็มิได้เช่นกัน อนึ่ง นักกฎมายบางกลุ่มเห็นว่า ตัวแทนทางการทูตจะถูกหมายศาลเรียกตัว (Subpoenaed) ไม่ได้ หรือแม้แต่ถูกขอร้องให้ไปปรากฎตัวเป็นพยานในศาลแพ่งหรือศาลอาญาก็ไม่ได้ อย่างไรก็ดี ถ้าหากตัวแทนทางการทูตสมัครใจที่จะไปปรากฏตัวเป็นพยานในศาล ก็ย่อมจะทำได้ แต่จะต้องขออนุมัติจากรัฐบาลในประเทศของเขาก่อน [การทูต] | Inviolability of the Mission Premises | คือความละเมิดมิได้จากสถานที่ของคณะผู้แทน หมายความว่า บ้านของตัวแทนทางการทูต รวมทั้งสถานที่อื่น ๆ ที่ใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการทูต รวมถึงตึกรามใด ๆ ที่ผู้แทนทางการทูตใช้ดำเนินงานทางการทูตในตำแหน่งที่ของเขา ไม่ว่าสถานที่นั้น ๆ จะเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลของเขาหรือเป็นของเขาเอง หรือแม้แต่เป็นสถานที่ที่ให้ตัวแทนทางการทูตเช่า เหล่านี้จะได้รับความคุ้มกัน (Immunity) ทั้งสิ้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ใด โดยเฉพาะเจ้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่เก็บภาษี หรือเจ้าหน้าที่ศาล จะเข้าไปในที่อยู่หรือทำเนียบของผู้แทนทางการทูตมิได้ นอกจากจะได้รับความยินยอมให้กระทำเช่นนั้นอย่างไรก็ดี หากเกิดอาชญากรรมขึ้นภายในสถานที่ของคณะผู้แทน หรือในที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต โดยบุคคลซึ่งมิได้อุปโภคความละเมิดมิได้ ตัวแทนทางการทูตผู้นั้นจะต้องมอบตัวอาชญากรดังกล่าวให้แก่รัฐบาลท้องถิ่นตาม ที่ขอร้อง กล่าวโดยทั่วไป ตัวแทนทางการทูตจะยอมให้ที่พักพิงในสถานทูตแก่อาชญากรใด ๆ ไม่ได้ เว้นแต่ในกรณีที่เห็นว่าอาชญากรผู้นั้นตกอยู่ในอันตรายที่จะถูกฆ่าจากฝูงชน ที่ใช้ความรุนแรง ก็จะยอมให้เข้าไปพักพิงได้เป็นกรณีพิเศษในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้กล่าวไว้ในข้อ 22 ดังนี้ ?1. สถานที่ของคณะผู้แทนจะถูกละเมิดมิได้ ตัวแทนของรัฐผู้รับไม่อาจเข้าไปในสถานที่นั้นได้ เว้นแต่ด้วนความยินยอมของหัวหน้าคณะผู้แทน 2. รัฐผู้รับมีหน้าที่พิเศษที่จะดำเนินการทั้งมวลที่เหมาะสม เพื่อคุ้มครองสถานที่ของคณะผู้แทนจากการบุกรุกหรือความเสียหายใด ๆ และที่จะป้องกันการรบกวนใด ๆ ต่อความสงบสุขของคณะผู้แทน หรือการทำให้เสื่อมเสียเกียรติ 3. สถานที่ของคณะผู้แทน เครื่องตกแต่ง และทรัพย์สินอื่นของคณะผู้แทนในสถานที่นั้น ตลอดจนพาหนะในการขนส่งของคณะผู้แทน ให้ได้รับความคุ้มกันจาการค้น การเรียกเกณฑ์ การอายัด หรือการบังคับคดี ? [การทูต] | Multiple Representation | คือการเป็นตัวแทนประจำประเทศต่าง ๆ มากกว่าหนึ่งแห่ง ตามหลักทั่วไป รัฐหนึ่งจะแต่งตั้งบุคคลหนึ่งให้ไปประจำเพียงรัฐเดียวในตำแหน่งเอกอัคร ราชทูต แต่มาในทุกวันนี้ เนื่องจากงบประมาณของประเทศมีจำกัด จึงเป็นธรรมเนียมแพร่หลายที่จะตั้งให้เอกอัครราชทูตคนเดียวไปประจำปลาย ประเทศได้ในเวลาเดียวกัน ยกเว้นแต่ว่ารัฐผู้รับหนึ่งใดจะแสดงการคัดค้านอย่างแจ้งชัดเอกอัครราชทูตคน เดียวกัน ซึ่งไปประจำอยู่หลายประเทศนั้น จะมีถิ่นพำนักถาวร (Permanent Residence) อยู่ในนครหลวงของเพียงประเทศหนึ่ง ส่วนในประเทศที่เหลือที่เขาเป็นเอกอัครราชทูตประจำอยู่ด้วยนั้น เขาไปพำนักอยู่เพียงระยะเวลาจำกัดเป็นพัก ๆ รัฐผู้ส่งจะมีคณะผู้แทนทางการทูตของตนไปประจำ ณ นครหลวงของแต่ละประเทศเหล่านั้น ตัวหัวหน้าคณะแต่ละแห่งจะมีตำแหน่งเรียกว่า อุปทูตชั่วคราว (Charge d? Affaires ad interim)เกี่ยวกับเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในข้อ 5 ดังนี้ ?1. หลังจากที่ได้บอกกล่าวแก่รัฐผู้รับที่เกี่ยวข้องตามสมควรแล้ว นอกจากจะมีการคัดค้านอย่างชัดแจ้งโดยรัฐผู้รับรัฐใดรัฐหนึ่ง รัฐผู้ส่งอาจแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้แทน หรือแต่งตั้งบุคคลใดในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายการทูตแล้วแต่กรณี ไปยังมากกว่ารัฐหนึ่งก็ได้ 2. ถ้ารัฐผู้ส่งแต่งตั้งหัวหน้าคณะผู้แทนไปยังรัฐอื่นหนึ่งรัฐหรือมากกว่านั้น รัฐผู้ส่งอาจสถาปนาคณะผู้แทนทางการทูตโดยมีอุปทูตชั่วคราวเป็นหัวหน้าในแต่ ละรัฐที่หัวหน้าคณะผู้แทนไม่มีที่นั่งทำงานของตนเป็นประจำก็ได้ 3. หัวหน้าคณะผู้แทน หรือบุคคลใดในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายการทูตของคณะผู้แทน อาจกระทำการในฐานะเป็นผู้แทนของรัฐผู้ส่งในองค์การระหว่างประเทศใดก็ได้" [การทูต] | Neutralization, Neutrality หรือ Neutralism | คำว่า Neutraliza-tion หมายถึง กระบวนการซึ่งรัฐได้รับการค้ำประกันความเป็นเอกราชและบูรณภาพอย่างถาวรภาย ใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศ รัฐที่ได้รับการประกันรับรองให้เป็นกลาง (Neutralized State) เช่นนี้จะผูกมัดตนว่า จะละเว้นจาการใช้อาวุธโจมตีไม่ว่าประเทศใดทั้งสิ้น นอกเสียจากว่าจะถูกโจมตีก่อน ตัวอย่างอันเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในเรื่องรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความ เป็นกลางอย่างถาวร คือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตามปฏิญญา (Declaration) ซึ่งมีการลงนามกัน ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1815 ประเทศใหญ่ ๆ ในสมัยนั้น คือ ออสเตรีย ฝรั่งเศส อังกฤษ ปรัสเซีย และรัสเซีย ได้รับรองว่า โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม จึงเป็นการจำเป็นที่จะให้รัฐเฮลเวติก(Helvetic Swiss States) ได้รับการประกันความเป็นกลางตลอดไป ทั้งยังประกาศด้วยว่า รัฐสภาของสวิตเซอร์แลนด์ตกลงรับปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ได้ระบุไว้เมื่อไร ความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์ก็จะได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางในทันที และแล้วสมาพันธ์สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ประกาศยอมรับปฏิบัติตาม หรือให้ภาคยานุวัติเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1815 บรรดาประเทศที่รับรองค้ำประกันความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์จึงประกาศ รับรองดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1815 อนึ่ง การค้ำประกันความเป็นกลางในลักษณะที่ครอบคลุมทั้งประเทศของรัฐใดรัฐหนึ่ง นั้น มีความแตกต่างกับการค้ำประกันเพียงดินแดนส่วนใดส่วนหนึ่งของรัฐหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าดินแดนส่วนหนึ่งของรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางจะ ไม่ยอมให้ฝ่ายใดใช้ดินแดนส่วนที่ค้ำประกันนั้นเป็นเวทีสงครามเป็นอันขาด การค้ำประกันความเป็นกลางยังมีอีกแบบหนึ่งคือ รัฐหนึ่งจะประกาศตนแต่ฝ่ายเดียวว่าจะรักษาความเป็นกลางของตนตลอดไปโดยถาวร แต่ในกรณีเช่นนี้ ความเป็นเอกราชและบูรณภาพของรัฐที่ประกาศตนเป็นกลางเพียงฝ่ายเดียว จะไม่ได้รับการค้ำประกันร่วมกันจากรัฐอื่น ๆ แต่อย่างใดส่วนคติหรือลัทธิความเป็นกลาง (Neutralism) เป็นศัพท์ที่หมายถึงสถานภาพของรัฐต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการน้ำประเทศของตนเข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในสงครามเย็น ( Cold War) ที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่ระหว่างกลุ่มประเทศภาคตะวันออกกับกลุ่มประเทศภาค ตะวันตก นอกจากนี้ ผู้นำบางคนในกลุ่มของรัฐที่เป็นกลาง ไม่เห็นด้วยกีบการที่ใช้คำว่า ?Neutralism? เขาเหล่านี้เห็นว่าควรจะใช้คำว่า ?ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด? ( Uncommitted ) มากกว่าจะเห็นได้ว่า คำว่า ?ความเป็นกลาง? ( Neutrality ) นั้น หมายถึงความเป็นกลางโดยถาวร ซึ่งได้รับการค้ำประกันจากกลุ่มประเทศกลุ่มหนึ่ง เช่นในกรณีประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้หรือหมายถึงความเป็นกลางเฉพาะในดินแดน ส่วนหนึ่งของรัฐที่ไม่ยอมให้ใครเข้าไปทำสงครามกันในดินแดนที่เป็นกลางส่วน นั้นเป็นอันขาดก็ได้ ดังนั้น พอจะเห็นได้ว่า แก่นแท้ในความหมายของความเป็นกลาง ( Neutrality) จึงอยู่ที่ท่าที หรือ ทัศนคติของประเทศที่ดำรงตนเป็นกลาง ไม่ต้องการเข้าข้างประเทศคู่สงครามใด ๆ ในสงคราม ในสมัยก่อนผู้คนยังไม่รู้จักความคิดเรื่องความเป็นกลางดังที่รู้จักเข้าใจ กันในปัจจุบัน ความเป็นกลางเป็นผลมาจากการทยอยวางหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของความเป็นกลาง นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน [การทูต] | Niccolo Machiavelli (1469-1527) | คือรัฐบุรุษและปรัชญาเมธีทางการเมืองของสาธารณรัฐ ฟลอเรนส์ (Florence) ระหว่างรับราชการ ท่านดำรงตำแหน่งฝ่ายธุรการหลายตำแหน่งซึ่งไม่สู้มีความสำคัญเท่าใด แต่สิ่งที่ท่านสนใจมากที่สุดได้แก่ศิลปะของการเมือง หนังสือสำคัญ ๆ ที่ท่านประพันธ์ขึ้นไว้คือ The Prince เล่มหนึ่ง อีกเล่มหนึ่งชื่อ The Art of War และอีกเล่มหนึ่งคือ Discourses on the First Ten Books of Livyมีนักเขียนหลายคนวิพากษ์ Machiavelli ที่แสดงความเห็นสนับสนุนว่า รัฐบาลใดก็ตมที่ต้องการรักษาอำนาจการปกครองตนให้เข้มแข็งไว้ ย่อมจะใช้วิถีทางใด ๆ ก็ได้ ถึงแม้หนทางเช่นนั้นจะผิดกฎหมายหรือไร้ศีลธรรมก็ตาม และก็มีนักเขียนอีกหลายคนสนับสนุนท่าน โดยชี้ให้เห็นว่า ท่านเป็นแต่เพียงตีแผ่ให้เห็นพฤติกรรมที่แท้จริงของรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ในยุคสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่มากกว่าอย่างอื่น อาทิเช่น ในหนังสือ The Prince ของท่านตอนหนึ่งอ้างว่า การต่อสู้นั้นมีอยู่สองวิธี วิธีแรกเป็นการต่อสู้โดยวิถีทางกฎหมาย อีกวิธีหนึ่งคือการต่อสู้โดยใช้กำลัง (Force) วิธีแรกนั้นเป็นวิธีที่มนุษย์พึงใช้ ส่วนวิธีที่สองเป็นวิธีเยี่ยงสัตว์ป่า แต่การใช้วิธีแรกมักจะไม่ค่อยได้ผลเสมอไป เพราะไม่เพียงพอ ก็ย่อมจะหันเข้าใช้วิธีที่สองได้ ฉะนั้น ผู้ปกครองประเทศสมัยนั้น ซึ่ง Machiavelli เรียกว่า Prince จึงจำเป็นต้องรู้ดีว่าจะใช้ทั้งวิธีที่มนุษย์จะพึงใช้ และวิธีเยี่ยงสัตว์ป่าอย่างไร ด้วยเหตุนี้ ผู้ปกครองประเทศสมัยนั้นไม่จำเป็นต้องมีสัจธรรม หากการกระทำนั้น ๆ จะทำความเสียหายแก่ผลประโยชน์ของประเทศ ท่านเห็นว่า หากมนุษย์ทุกคนเป็นคนดี กฎเช่นนี้ก็เป็นกฎที่ไม่ถูกต้อง แต่โดยที่มนุษย์ไม่ใช่คนดีทั้งหมด ในเมื่อเขาไม่ยอมให้ความศรัทธาความไว้วางใจในตัวท่าน ก็ไม่มีอะไรที่จะมาห้ามมิให้ท่านเลิกศรัทธากับเขาเหล่านั้นได้ [การทูต] | Order of Precedence | หมายถึง ลำดับอาวุโสทางการทูต โดยถือยศหรือตำแหน่งเป็นบรรทัดฐาน โดยเฉพาะในโอกาสที่ไปร่วมพิธีต่าง ๆ ตลอดจนการเลี้ยงอาหารอย่างเป็นทางการ นักการทูตทั่วโลกต่างถือลำดับอาวุโสเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิถีพิถันกันไม่ น้อย เพราะในฐานะที่เป็นตัวแทนของประเทศ หากมีการจัดลำดับอาวุโสไม่ถูกต้อง เขาผู้นั้นซึ่งคำนึงถึงศักดิ์ศรีในฐานะตัวแทนของประเทศย่อมต้องรู้สึกว่า นอกจากจะไม่ได้รับความถูกต้องแล้ว ยังเป็นการดูแคลนประเทศของตนด้วยในสมัยก่อน ผู้ที่ทำหน้าที่ชี้ขาดในเรื่องลำดับอาวุโสของบรรดาประมุขของรัฐทั้งหลาย คือสมเด็จพระสันตะปาปา ต่อมาในการประชุมคองเกรสแห่งเวียนนาเมื่อปี ค.ศ. 1815 ที่ประชุมได้ตกลงกันให้ถือวันที่เดินทางมาถึงประเทศผู้รับ และได้แจ้งให้ทราบเป็นทางการว่าเป็นเรื่องลำดับอาวุโส ผู้ที่มาถึงก่อนย่อมมีอาวุโสกว่าผู้ทีมาทีหลัง อย่างไรก็ดี มาในทุกวันนี้มีหลายประเทศถือหลักว่า ผู้แทนทางการทูตที่ยื่นสารตราตั้งก่อนจะมีอาวุโสกว่าผู้ยื่นสารตราตั้งที หลัง และในกรณีที่เกิดความเห็นไม่ลงรอยกันระหว่างบุคคลในคณะทูตเรื่องลำดับอาวุโส ประเทศเจ้าภาพหรือประเทศผู้รับจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดอนุสัญญากรุงเวียนนาว่า ด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติเกี่ยวกับลำดับอาวุโสของผู้แทนทางการ ทูตไว้ดังนี้ ?ข้อ 16 1. ให้หัวหน้าคณะผู้แทนมีลำดับอาวุโสในแต่ละชั้นของตนตามลำดับวันและเวลาที่ เข้ารับการหน้าที่ของตนในรัฐผู้รับ เมื่อตนได้ยื่นสารตราตั้ง หรือเมื่อได้บอกกล่าวการมาถึงของตนและได้เสนอสำเนาที่ถูกต้องของสารตราตั้ง ต่อกระทรวงการต่างประเทศของรัฐผู้รับ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงตามแนวปฏิบัติที่มีอยู่ในรัฐผู้รับ ซึ่งจะต้องใช้ในทำนองอันเป็นเอกรูป 2. การเปลี่ยนแปลงในสารตราตั้งของหัวหน้าคณะผู้แทน ซึ่งไม่เกี่ยวพันกับการเปลี่ยนแปลงชั้นใด ๆ จะไม่กระทบกระเทือนลำดับอาวุโสของหัวหน้าคณะผู้แทน 3. ข้อนี้ไม่เป็นที่เสื่อมเสียแก่ทางปฏิบัติใด ซึ่งมีอยู่ในรัฐผู้รับ ในเรื่องลำดับอาวุโสของผู้แทนของโฮลี่ซี ข้อ 17 ลำดับอาวุโสของสมาชิกคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายทูตของคณะผู้แทนนั้น ให้หัวหน้าคณะผู้แทนเป็นผู้บอกกล่าวแก่กระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงกัน? [การทูต] | Passport | หนังสือเดินทาง คือเอกสารทางราชการที่ใช้แสดงตัวและสัญชาติ ซึ่งทางราชการออกให้แก่บุคคลที่จะเดินทางไป หรือพำนักอยู่ชั่วคราวในต่างประเทศเมื่อสมัยก่อนสงครามโลกทั้งสองครั้ง ประเทศต่าง ๆ มิได้ขอให้คนต่างด้าวที่จะเข้าไปในประเทศของตนต้องมีหนังสือเดินทาง มีการเริ่มใช้หนังสือเดินทางอย่างแพร่หลายก็ในระยะหลังสงครามดังกล่าว ทุกวันนี้ ประเทศส่วนมากในโลกต่างต้องการให้คนต่างด้าวที่จะเดินทางเข้าไปในดินแดนของ ตนมีหนังสือเดินทางซึ่งได้รับการตรวจลงตรา (Visa) โดยถูกต้องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลของตนเสียก่อน อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้ประเทศส่วนมากได้มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุลของตนในต่าง ประเทศเป็นผู้ออกหนังสือเดินทางได้ด้วยหนังสือเดินทางที่ใช้กันในปัจจุบันมี อยู่หลายประเภทอันได้แก่1. หนังสือเดินทางทูต (Diplomatic passports ) ออกให้แก่ผู้ที่มีตำแหน่งเอกอัครราชทูต อัครราชทูต เจ้าหน้าที่ต่าง ๆ ของสถานเอกอัครราชทูต และบุคคลอื่น ๆ ที่มีตำแหน่งทางการทูต รวมทั้งบุคคลในครอบครัวของเขาเหล่านั้น2. หนังสือเดินทางพิเศษ (Special passports) ออกให้ แก่ข้าราชการที่ไม่มีสถานะทางการทูต และบุคคลในครอบครัวของเขาเหล่านั้น3. หนังสือเดินทางธรรมดา ( Regular passports ) ออกให้แก่บุคคลธรรมดา (Private persons) ซึ่งมีสิทธิจะขอหนังสือเดินทางดังกล่าวได้ตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของ ประเทศของตนมีบางประเทศได้ออกหนังสือเดินทางประเภทอื่น นอกเหนือจากที่ได้กล่าวมาข้างต้นด้วยเหตุผลเฉพาะ เช่น ภายใต้ระบบของสหรัฐอเมริกา มีการออกหนังสือเดินทางที่เรียกว่า1. หนังสือเดินทางบริการ (Service passports) ออกให้แก่คนอเมริกัน หรือชนชาติที่สวามิภักดิ์ต่อสหรัฐอเมริกาที่อยู่ในต่างประเทศ2. หนังสือเดินทางบุคคลในครอบครัว (Dependent passports) ออกให้แก่บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางนี้ในกรณีที่เดินทางไปชั่วคราว หรือพำนักอยู่นาน ๆ ในต่างประเทศในฐานะที่เป็นบุคคลในครอบครัวของเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ หรือพลเรือนอเมริกันที่ยังรับราชการอยู่นอกเขตประเทศสหรัฐอเมริกา [การทูต] | Persona non grata | เป็นศัพท์ที่ใช้กับนักการทูตหรือผู้แทนทางการทูต ที่ประจำอยู่ในประเทศซึ่งรัฐบาลของประเทศนั้นไม่ปรารถนาให้อยู่ต่อไปอีกแล้ว หลังจากที่ได้ไปประจำทำงานในตำแหน่งอยู่ในประเทศนั้น หรือก่อนหน้าที่นักการทูตผู้นั้นจะเดินทางไปถึงดินแดนของประเทศผู้รับ (Receiving State) นักการทูตที่ถูกประกาศเป็น persona non grata หรือ บุคคลที่ไม่พึงปรารถนานั้น เป็นเพราะสาเหตุดังต่อไปนี้ คือ กล่าวคำดูหมิ่นรัฐบาลของประเทศที่ตนไปประจำอยู่ ละเมิดกฎหมายของบ้านเมืองนั้น แทรกแซงในการเมืองภายในของเขา เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในประเทศของเขา ใช้ถ้อยคำก้าวร้าวต่อประเทศนั้น วิพากษ์ประมุขแห่งประเทศของเขากระทำการอันเป็นที่เสียหายต่อประโยชน์หรือต่อ ความมั่นคงของประเทศ และกระทำการอื่น ๆ ในทำนองนั้นตามปกติรัฐบาลของประเทศเจ้าภาพที่เป็นฝ่ายเสียหายจะขอร้องให้ รัฐบาลผู้ส่ง (Sending government) เรียกตัวนักการทูตผู้กระทำผิดกลับประเทศ ซึ่งตามปกติรัฐบาลผู้ส่งมักจะปฏิบัติตาม รัฐบาลของประเทศผู้เสียหายจะแจ้งให้นักการทูตผู้นั้นทราบว่า รัฐบาลจะไม่ทำการติดต่อเกี่ยวข้องเป็นทางการกับเขาอีกต่อไป หรืออาจจะบอกให้นักการทูตผู้นั้นออกไปจากประเทศโดยไม่เกรงใจแต่อย่างใดก็ได้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในข้อ 9 ดังต่อไปนี้ ?1. รัฐผู้รับอาจบอกกล่าวแก่รัฐผู้ส่งในเวลาใดก็ได้ และโดยมิต้องชี้แจงถึงการวินิจฉัยของตนว่า หัวหน้าคณะผู้แทนหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ไม่พึงโปรด หรือว่าบุคคลอื่นใดในคณะเจ้าหน้าที่ของคณะผู้แทนเป็นที่ไม่พึงยอมรับได้ ในกรณีใดเช่นว่านี้ ให้รัฐผู้ส่งเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นกลับ หรือเลิกการหน้าที่ของผู้นั้นกับคณะผู้แทนเสียก็ได้ตามที่เหมาะสมบุคคลอาจจะ ถูกประกาศให้เป็นผู้ไม่พึงโปรด หรือไม่พึงยอกรับได้ก่อนที่จะมาถึงอาณาเขตของรัฐผู้รับก็ได้ 2. ถ้ารัฐผู้ส่งปฏิเสธ หรือไม่นำพาภายในระยะเวลาอันสมควร ที่จะปฏิบัติตามข้อผูกพันของคนภายใต้วรรค 1 ของข้อนี้ รัฐผู้รับสามารถปฏิเสธที่จะยอมรับนับถือบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้นว่าเป็นบุคคล ในคณะผู้แทนก็ได้? [การทูต] | Personal Diplomacy | คือการเจรจากันโดยตรงระหว่างรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงต่างประเทศด้วยกัน ส่วนการเจรจากันโดยตรงระหว่างประมุขของรัฐ หรือหัวหน้าของรัฐบาล แต่เดิมก็จัดอยู่ในประเภทการมทูตส่วนบุคคล แต่มาในปัจจุบันนี้ มักนิยมเรียกกันว่าเป็นทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) แยกออกต่างหากจากการทูตส่วนบุคคลมีผู้สังเกตการณ์หลายคนเตือนว่า ในกรณีที่เกิดเรื่องหรือปัญหาที่ยังคาราคาซังอยู่นั้น ไม่ควรหันเข้าใช้วิธีส่งผู้แทนพิเศษจากนครหลวงไปแก้ปัญหา ควรให้เอกอัครราชทูตเป็นผู้ดำเนินการมากกว่า เพราะประการแรก การกระทำเช่นนั้นยังผลเสียหายต่อศักดิ์ศรีของตัวเอกอัครราชทูตเอง ทั้งยังกระทบกระเทือนต่อการที่เขาจะปฏิบัติงานให้ประสบผลอย่างเต็มที่ ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในประเทศนั้นในภายหน้าด้วย อีกประการหนึ่ง จะพึงคาดหมายได้อย่างไรว่า ตัวผู้แทนพิเศษที่ส่งไปนั้นจะมีความรอบรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของปัญหา รวมทั้งตัวบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเท่ากับตัวเอกอัครราชทูตเอง ซึ่งได้ประจำทำงานอยู่ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ณ ที่นั่น แม้แต่ แฮโรลด์ นิโคลสัน ก็ไม่เห็นด้วย และได้เตือนว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศหนึ่งไปเยือนและพบปะกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอีกประเทศหนึ่งบ่อย ๆ นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำและไม่ควรสนับสนุน เพราะการกระทำเช่นนี้ นอกจากจะทำให้ประชาชนคาดหมายไปต่าง ๆ นานาแล้ว ยังจะทำให้เกิดเข้าใจผิด และเกิดความสับสนขึ้นมาได้แม้แต่ผู้รอบรู้ในเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติทางการ ทูตบางคนก็ยังแคลงใจว่า การทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) จะได้ประโยชน์และให้ผลจริง ๆ หรือไม่ นอกจากเฉพาะในกรณียกเว้นจริง ๆ เท่านั้น บ้างเห็นว่า การพบปะเจรจาแบบสุดยอดมักจะกลายสภาพเป็นการโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์มากกว่า ที่จะเป็นการเจรจากันอย่างแท้จริง เพราะมีอันตรายอยู่ว่า ผู้ร่วมเจรจามักจะแสดงความคิดเห็นตามความรู้สึกมากกว่าตามข้อเท็จจริง เพราะมัวแต่เป็นห่วงและคำนึงถึงประชามติในประเทศของตนมากเกินไปนอกจากนี้ ผู้เจรจาไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ข้อลดหย่อนหรือทำการประนีประนอม ( ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งหากจะให้เจรจาบังเกิดผล) เพราะกลัวเสียหน้าหากกระทำเช่นนั้น ตามปกติ ถ้าให้นักการทูตเป็นผู้เจรจา เขาจะมีโอกาสมากกว่าที่จะใช้วิธีหลบหลีกอันชาญฉลาดในการเจรจาต่อรอง เพื่อให้เป็นผลตามที่มุ่งประสงค์ [การทูต] | Personal Inviolability of Diplomatic Agents | หมายถึง ตัวบุคคลของตัวแทนทางทูตจะถูกละเมิดมิได้ กล่าวคือ มาตรา 29 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติในเรื่องนี้ไว้ว่า ?ตัวบุคคลของตัวแทนทางการทูตจะถูกละเมิดมิได้ ตัวแทนทางการทุตจะไม่ถูกจับกุมหรือกักขังในรูปใด ๆ ให้รัฐผู้รับปฏิบัติต่อตัวแทนทางการทูตด้วยความเคารพตามสมควร และดำเนินการที่เหมาะสมทั้งมวลที่จะป้องกันการประทุษร้ายใด ๆ ต่อตัวบุคคล เสรีภาพ หรือเกียรติของตัวแทนทางการทูต?ตัวบุคคลของตัวแทนทางการทูตจะถูกละเมิดมิได้ นั้น ได้ถือเป็นปัจจัยหลักในการที่ให้ผู้แทนทางการทูตได้รับสิทธิและความคุ้มกัน ทั้งมวล ถึงกับมีการพูดกันว่า ผู้ใดประทุษร้ายต่อตัวเอกอัครราชทูต จักถือว่าเป็นการทำร้ายต่อประมุขของประเทศซึ่งผู้แทนทางการทูตผู้นั้นเป็น ตัวแทนอยู่ ทั้งยังถือว่าเป็นการยังผลร้ายต่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชาติทั้ง มวลด้วยตัวอย่างเช่น เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1964 ชายหนุ่มญี่ปุ่นคนหนึ่งซึ่งมีจิตวิปลาส ได้ใช้มีดแทง นายเอ็ดวิน โอไรส์ชาวเออร์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศญี่ปุ่น ในเขตนอกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในกรุงโตเกียว รัฐมนตรีว่าการกระทวงมหาดไทยญี่ปุ่นได้ลาออกจากตำแหน่งทันทีและรุ่งขึ้นใน วันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1964 นายอิเคดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในสมัยนั้น ได้ทำการขอโทษต่อประชาชนชาวอเมริกันทางวิทยุโทรทัศน์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ได้มีการดำเนินการในทำนองนี้ และการที่นายกรัฐมนตรีอิเคดะได้ปฏิบัติดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่า การที่ตัวบุคคลของผู้แทนทางการทูตจะถูกละเมิดมิได้นั้น มีความสำคัญมากเพียงใดตัวแทนทางการทูตจะถูกจับ ถูกฟ้องศาล หรือถูกลงโทษฐานประกอบอาชญากรรมนั้นไม่ได้ เพราะถือว่าผู้แทนทางการทูตมิได้อยู่ในอำนาจศาลของรัฐผู้รับ อย่างไรก็ดี หากผู้แทนทางการทูตกระทำความผิดอย่างโจ่งแจ้ง รัฐผู้รับอาจขอให้รัฐผู้ส่งเรียกตัวกลับไปยังประเทศของเขาได้ในทันที [การทูต] | Persons Entitled to Diplomatic Privileges and Immunities | บุคคลทีมีสิทธิที่จะได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้ม ครองกันทางการทูต มาตรา 37 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ว่า ?1. คนในครอบครัวของตัวแทนทางการทูต ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของตัวแทนทางการทูต ถ้าไม่ใช่คนในชาติของรัฐผู้รับ ให้ได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่ระบุไวในข้อ 29 ถึง 36 2. บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการและฝ่ายวิชาการของคณะผู้แทน รวมทั้งคนในครอบครัวของตน ซึ่งประกอบเป็นส่วนของครัวเรือนของตน ตามลำดับ ถ้าไม่ใช่คนในชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในรัฐผู้รับ ให้ได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่ได้ระบุไว้ในข้อ 29 ถึง 35 เว้นแต่ว่าความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางแพ่งและทางปกครองของรัฐผู้รับ ที่ได้ระบุไว้ในวรรค 1 ของข้อ 31 นั้น ไม่ให้ขยายไปถึงการกระทำที่ได้ปฏิบัติไปเกินภารกิจหน้าที่ของตน ให้บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการและฝ่ายวิชาการได้อุปโภคเอกสิทธิ์ ที่ได้ระบุไว้ในข้อ 36 วรรค 1 ในส่วนที่เกี่ยวกับสิ่งของที่ได้นำเข้าเมื่อเข้ารับหน้าที่ครั้งแรกด้วย 3. บุคคลในคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริการของคณะผู้แทนซึ่งไม่ใช่คนในชาติของรัฐผู้ รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในรัฐผู้รับให้ได้อุปโภคความคุ้มกัน ในส่วนที่เกี่ยวกับการกระทำที่ได้ปฏิบัติตามภารกิจหน้าที่ตน การยกเว้นจากค่าภาระผูกพันรวมทั้งภาษีสำหรับค่าบำเหน็จที่ตนได้รับโดยเหตุผล จากการรับจ้างของตน และการยกเว้นที่ได้บรรจุไว้ในข้อ 33 4. คนรับใช้ส่วนตัวของบุคคลในคณะผู้แทน ถ้าไม่ใช่คนในชาติของรัฐผู้รับ หรือมีถิ่นที่อยู่ประจำในรัฐผู้รับ ให้ได้รับการยกเว้นจากค่าภาระผูกพัน หรือภาษีสำหรับค่าบำเหน็จที่เขาได้รับโดยเหตุผลจากการรับจ้างของตนในส่วน อื่น คนรับใช้ส่วนตัวเช่นว่านี้ อาจได้อุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกันเท่าที่รัฐผู้รับยอมให้เท่านั้น อย่างไรก็ดี รัฐผู้รับต้องใช้อำนาจของตนเหนือบุคคลเช่นว่านี้ ในการที่จะไม่แทรกสอดโดยไม่สมควรในการปฏิบัติการหน้าที่ของคณะผู้แทน [การทูต] | Plural Representation | หมายถึง การที่รัฐหนึ่งแต่งตั้งผู้แทนทางการทูตถาวรของตนมากกว่าหนึ่งคนไปประจำรัฐ อีกแห่งหนึ่งนอกประเทศ ในกรณีเช่นนั้น ผู้แทนทางการทูตคนหนึ่งจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนทางทูต ส่วนผู้แทนทางการทูตที่เหลือจะเป็นตัวรองอยู่ใต้บังคับบัญชาของเขา เช่น ในสหประชาชาติมีคณะทูตถาวรประจำสหประชาชาติหลายแห่ง นิยมตั้งเอกอัครราชทูตของตนเป็นจำนวนมากถึง 3 หรือ 4 คนไปประจำอยู่ในคณะ ตัวหัวหน้าคณะทูตถาวรเช่นนั้น จะมีตำแหน่งเรียกว่า เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรแห่งประเทศของตนประจำสหประชาชาติ ส่วนเอกอัครราชทูตคนที่สองในคณะทูตถาวร มีตำแหน่งเรียกว่า รองผู้แทนถาวรการส่งเอกอัครราชทูตหลายคนไปประจำเป็นตัวแทนเช่นนี้ ไม่เป็นที่นิยมกระทำกันแพร่หลายเหมือนกับการส่งหัวหน้าคณะผู้แทนทางการทูตคน เดียวไปประจำในหลายประเทศในเวลาเดียวกัน ดังที่กล่าวมาข้างต้น [การทูต] | Political Appointee | หมายถึง บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งด้วยเหตุผลทางการเมือง คือ ผู้ที่มิได้มีอาชีพทางการทูตโดยแท้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นทูต ซึ่งต่างกับนักการทูตอาชีพ (Career diplomat) ในประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหภาพโซเวียต ธรรมเนียมปฏิบัติโดยทั่วไปจะแต่งตั้งเฉพาะบุคคลที่มีอาชีพนักการทูตแท้ ๆ เข้าดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตและอัครราชทูต อย่างไรก็ดี เฉพาะในกรณีพิเศษจริง ๆ เท่านั้นจึงจะแต่งตั้งบุคคลจากภายนอก และบุคคลจากภายนอกที่ได้รับแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตได้รับผลสำเร็จในการ ปฏิบัติหน้าที่ก็มีอยู่หลายราย ทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก แฮโรลด์ นิโคลสัน ได้ให้ความเห็นไว้ในหนังสือเรื่องการทูตของท่านว่า ในประเทศใหญ่ ๆ เป็นที่พึงปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้นักการทูตอาชีพเท่านั้นเป็นผู้รับผิดชอบ ในการดำเนินนโยบายการต่างประเทศ เพราะได้ผ่านการศึกษาและฝึกฝนในวิชาการทูตมาเป็นอย่างดีแล้ว ส่วนเอกอัครราชทูตที่แต่งตั้งจากคนภายนอกจะมีข้อเสียบางอย่าง เช่น ในการเขียนรายงานไปยังรัฐบาล เช่น รายงานการเมือง เขาอาจมุ่งแต่จะอวดความเฉียบแหลมของเขาเอง และร้อยกรองคำอย่างไพเราะเพราะพริ้ง มากกว่าที่จะมุ่งเสนอรายงานข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบและมีเหตุผลอันสมควร เป็นต้น [การทูต] |
| You're ignoring the obvious dangers to Jake because you have an inappropriate relationship with his father. | คุณกำลังละเลยอันตรายของเจค เพราะคุณไม่ลงรอยกับพ่อของเขา Gyre, Part 1 (2012) | He's dead! | เขาตายแล้ว! Dead Men Don't Wear Plaid (2010) | Take him away. | พาเขาออกไป Lancelot (2008) | Excuse me. | เขา... Conflicted (2009) | He has tommy. | เขามีทอมมี่ Haunted (2009) | - No. - He's sick, Duke. | - เขาป่วย Harmony (2010) | He's sweet. | เขาน่ารัก Pilot (2011) | He was a good man. | เขาเป็นคนดี Thor (2011) | Is he ok? | แล้วเขาเป็นไรไหม Traitor (2012) | He's gone. | เขาจากไปแล้ว The Role You Were Born to Play (2012) | He was angry. | เขาโกรธ Coquilles (2013) | He's right. | เขาพูดถูก Speak of the Devil (2013) | Which they do. | ที่พวกเขาทำ How I Won the War (1967) | He? | เขา? Sex Trek: Charly XXX (2007) | How can I? | - เธอจะบอกเขาหรอ The Ex-Files (2008) | They did it! | พวกเขาทำได้! The Love Guru (2008) | I can'T. | เขาก็จะรวย Uh Oh, Out Come the Skeletons (2009) | They don't? | พวกเขาไม่มี? The Psychic Vortex (2010) | He's busy. | เขายุ่งอยู่ Bombshells (2011) | He's ours. | เราได้ตัวเขาไว้ Prisoner's Dilemma (2013) | They'd put up all the money, I'd do all the work. What, if you don't mind my asking, would you do ? | เขาลงทุน ผมลงแรง แล้วคุณล่ะ Schindler's List (1993) | Tell them they should be. | บอกพวกเขาว่า... Schindler's List (1993) | This is not his problem. This is not your problem ? | ไม่ใช่ปํญหาของเขา Schindler's List (1993) | I am going to make sure they find out. | งั้นฉันจะให้เขารู้ไว้ Schindler's List (1993) | Please. I only know what they tell me. | ฉันรู้แต่ที่เขาสั่งมา... Schindler's List (1993) | I was just the accountant. | ผมก็แค่ทำบัญชีให้เขา Schindler's List (1993) | Out there on the dunes. | ตกลงในภูเขาทราย Aladdin (1992) | Oh, it's sad Aladdin's hit the bottom He's become a one-man rise in crime | เขากลายเป๋น ชายผู้เติบโตท่ามกลางอาชญากรรม Aladdin (1992) | I'd blame parents, except he hasn't got 'em! | ฉันคงตำหนิ ครอบครัวเขา เว้นแต่ว่า เขาไม่มีครอบครัว Aladdin (1992) | Next time gonna use a nom de plume. | ครั้งหน้าฉันจะใช้นามปากกา นั่นเขาไง! Aladdin (1992) | Still I think he's rather tasty | ฉันยังคิดว่า เขาน่าอร่อยดี Aladdin (1992) | -Scoundrel! | พวกเขาเร็ว แต่ฉันเร็วกว่า รับนี่ซะ! Aladdin (1992) | If only they'd look closer | เพียงถ้าพวกเขามองใกล้กว่านี้ Aladdin (1992) | Would they see a poor boy? | พวกเขาจะมองเห็นเด็กยากจนบ้างไหม? ไม่ แน่ๆ Aladdin (1992) | They'd find out, there's so much more to me. | ถ้าเขาพบ เขาคงจะดีกว่าฉันมากกว่านี้ Aladdin (1992) | Oh, father. Rajah was just playing with him, weren't you Rajah. | โอ้ เสด็จพ่อ ราชาแค่เล่นกับเขาก็เท่านั้นเอง ใช่มั้ยราชา Aladdin (1992) | My diamond in the rough! That's him? | นั่น เขารึ Aladdin (1992) | That's the clown we've been waitin' for? Let's have the guards extend him an invitation to the palace, shall we? | เอาละ ให้ยามตามหาเขา และเชิญเขาเข้าพระราชวัง Aladdin (1992) | Oh did he? -Yeah, of course. | เขาว่างั้นเหรอ ใช่ แน่นอน Aladdin (1992) | Well, uh, he wishes there was something he could do to help. | อืม เขาขอให้ มีบางสิ่งที่เขาจะสามารถช่วยเหลือได้ Aladdin (1992) | Hmm, tell him that's very sweet. | อืมม บอกเขาว่า นั่นไพเราะจัง Aladdin (1992) | They've found me! | พวกเขาตามเธอหรือ? Aladdin (1992) | They're after you? | พ่อของฉันคงส่ง พวกเขามา Aladdin (1992) | Hey, get off of me! | ปล่อยเขา Aladdin (1992) | Unhand him, by order of the princess. | ปล่อยเขา ด้วยคำสั่งของเจ้าหญิง เจ้าหญิงจัสมิน Aladdin (1992) | Do as I command. | ปล่อยเขา! Aladdin (1992) | The boy was a criminal. | เขาทำอะไรไว้ Aladdin (1992) | He didn't kidnap me! | เขาไม่ได้ลักพาตัวฉัน ฉันหนีออกไปเอง Aladdin (1992) | Take it easy, Abu. | ใจเย็นๆอาบู เขาไม่กัดหรอก Aladdin (1992) | I think he knows where it is. | ข้าคิดว่าเขารู้ว่ามันอยู่ที่ไหน Aladdin (1992) |
| อ่านใจเขาออก | [ānjai khao øk] (v, exp) EN: read sb's mind ; get an insight into sb's mind FR: lire dans les pensées de qqn | บนยอดเขา | [bon yøtkhao] (n, exp) EN: on the peak ; on the summit ; on the crest FR: au sommet (de la montagne) | บนยอดสุดของภูเขา | [bon yøt sut khøng phūkhao] (xp) EN: on the summit FR: au sommet de la montagne ; au point culminant de la montagne | ชาวเขา | [chāokhao] (n) EN: hill tribe ; mountaineer FR: montagnard [ m ] | ช่องเขา | [chǿngkhao] (n) EN: mountain pass | หินภูเขาไฟ | [hin phūkhaofai] (n, exp) EN: volcanic rock FR: roche volcanique [ f ] | หินตะกอนภูเขาไฟ | [hintakøn phūkhaofai] (n, exp) EN: pyroclastic rock | หุบเขา | [hupkhao] (n) EN: valley ; ravine ; gorge ; vale ; mountain pass ; hollow FR: vallée [ f ] ; vallon [ m ] | การเดินเขา | [kān doēn khao] (n, exp) EN: hiking trip FR: randonnée [ f ] | กางเกงชาวเขา | [kāngkēng chāokhao] (n, exp) EN: hill men pants | การปะทุของภูเขาไฟ | [kān pathu khøng phūkhaofai] (n, exp) EN: volcano eruption FR: éruption volcanique [ f ] | การปีนเขา | [kān pīn khao] (n, exp) EN: mountain climbing FR: alpinisme [ m ] ; escalade [ m ] | การไต่เขา | [kān tai khao] (n, exp) EN: mountain climbing FR: alpinisme [ m ] ; escalade [ m ] | คาหนังคาเขา | [khānangkhākhao] (adv) EN: red-handedly ; clearly FR: en flagrant délit ; la main dans le sac | เขา | [khao] (n) EN: mount ; mountain ; hill FR: mont [ m ] ; colline [ f ] ; montagne [ f ] | เขา | [khao] (n) EN: horn ; animal horn FR: corne [ f ] | เขา | [khao] (n) EN: dove ; turtledove FR: colombe [ f ] | เขา | [khao] (pr) EN: he ; she FR: il ; elle ; lui | เขา | [khao] (pr) EN: they FR: ils ; elles | เขาดิน | [Khaodin] (n, prop) EN: Dusit zoo FR: zoo de Dusit [ m ] | เขาคือใคร | [khao kheū khrai] (x) EN: who is he ? ; who is she ? FR: qui est-ce ? | เขากวาง | [khaokwāng] (n) EN: antler FR: bois [ mpl ] ; andouiller [ m ] | เขามอ | [khaomø] (n) EN: small hill FR: colline [ f ] | เขามออีแดง | [khaomø Ī Daēng] (n, prop) EN: Maw I Daeng | เขาพระสุเมรุ | [Khao Phra Sumēn] (n, prop) EN: Suamne Moutain ; Sumeru mountain | เขาสัตว์ | [khao sat] (n) EN: horn ; animal horn FR: corne (d'animal) [ f ] | เขาทั้งสอง | [khao thang søng] (x) FR: tous deux ; les deux ; eux deux | เขาวัว | [khao wūa] (n, exp) FR: corne de taureau [ f ] ; corne de vache [ f ] | เขตภูเขา | [khēt phūkhao] (n, exp) EN: highland ; mountain area FR: région montagneuse [ f ] | เขื่อนสามหุบเขา | [Kheūoen Sām Hupkhao] (n, prop) EN: Three Gorges Dam | ของเขา | [khøng khao] (adj) FR: son ; sa ; ses | เครือเขา | [khreūakhao] (n) EN: vine | ขุนเขา | [khunkhao] (n) EN: lofty mountain ; peak FR: pic [ m ] | กระรอกบินเล็กเขาสูง | [krarøk bin lek khao sūng] (n, exp) EN: Parti-coloured Flying Squirrel | ไหล่เขา | [laikhao] (n) EN: mountain slope | เขาไม่สู้ฉลาดนัก | [mai sū chalāt nak] (v, exp) EN: not be very clever | หมู่บ้านภูเขา | [mūbān phūkhao] (n, exp) EN: mountain village FR: village de montagne [ m ] | แนวเขา | [naēo khao] (n, exp) EN: mountain range ; range of hill FR: chaîne de montagnes [ f ] | นักปีนเขา | [nak pīn khao] (n, exp) EN: mountaineer ; mountain climber FR: alpiniste [ m ] | นักไต่เขา | [nak tai khao] (n, exp) EN: mountaineer ; mountain climber FR: alpiniste [ m ] | เนินเขา | [noēnkhao] (n) EN: hill FR: colline [ f ] ; côte [ f ] ; montée [ f ] | นกจู๋เต้นเขา(หิน)ปูน | [nok jū ten khao (hin) pūn] (n, exp) EN: Limestone Wren-Babbler FR: Turdinule des rochers [ f ] ; Timalie à calcaire | นกเขา | [nok khao] (n) EN: dove FR: colombe [ f ] | นกเขา | [nok khao] (n, exp) EN: penis FR: pénis [ m ] | นกเขาไฟ | [nok khao fai] (n, exp) EN: Red Collared Dove ; Red Turtle Dove FR: Tourterelle à tête grise [ f ] ; Tourterelle naine (de l'Inde) [ f ] | นกเขาแขก | [nok khao khaēk] (n) EN: dove FR: colombe [ f ] | นกเขาเขียว | [nok khao khīo] (n, exp) EN: Emerald Dove ; Green-winged Pigeon FR: Colombine turvert [ f ] ; Colombe turvert (des Indes) [ f ] | นกเขาลายเล็ก | [nok khao lāi lek] (n, exp) EN: Little Cuckoo-Dove FR: Phasianelle à tête rousse [ f ] | นกเขาลายใหญ่ | [nok khao lāi yai] (n, exp) EN: Barred Cuckoo-Dove FR: Phasianelle onchall [ f ] ; Colombe à longue queue [ f ] | นกเขาหลวง | [nok khao lūang] (n, exp) EN: Spotted Dove FR: Tourterelle tigrine [ f ] ; Tourterelle de Chine [ f ] ; Tourterelle à cou maculé [ f ] ; Tourterelle tigrée [ f ] |
| scale | (vt) ปีน ไต่ (เขา) | keep one's fingers crossed | (phrase) เป็นสำนวน แปลว่า ให้กำลังใจ เช่น He will take the final examination tomorrow. I will keep my fingers crossed for him. พรุ่งนี้เขามีสอบวิชาสุดท้าย ฉันจะเป็นกำลังใจให้เขาค่ะ | take in | (vi) หลงเชื่อ เช่น At first he was completely taken in, but then he realized it was a hoax. ตอนแรกเขาเชื้อสนิทเลย แต่ต่อมาก็ค่อยรู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง | take after | (vt) เหมือน เช่น He takes after his mother. เขาหน้าเหมือนแม่ | a piece of (one's) mind | (phrase) คำวิจารณ์หรือตำหนิอย่างตรงไปตรงมาและรุนแรง, เช่น She gave him a piece of her mind. เธอตำหนิเขาตรงๆ อย่างรุนแรง | nerd | (n, jargon) nerd เป็นคำเรียกบุคคลที่มีระดับสติปัญญาสูงซึ่งมีความสนใจในการเรียนหรือ การศึกษาเรื่องบางเรื่องที่เขาสนใจ คนภายนอกจะมองว่าพวกนี้เป็นพวกที่ไม่เข้าสังคม แต่จริงๆแล้วเป็นเพราะว่าพวกนี้ไม่สนใจและไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเข้าต่างหาก (ความหมายโดยชาว Nerd) | chin up | (idiom) สู้เขา! เชิดหน้าเข้าไว้! (เป็นคำที่ใช้เวลาให้กำลังใจผู้อื่น), Syn. Keep your chin up. | entrant | (n) ผู้มาใหม่, ผู้เข้าทำงานใหม่, สมาชิกใหม่ เช่น They are entrants for a competition. พวกเขาเป็นผู้เข้าร่วมการแข่งขัน | funicular | (n) กระเช้าไฟฟ้าที่เคลื่อนบนรางของรถไฟส่วนใหญ่มักใช้ขึ้นลงเขาที่ไม่สูงนัก, See also: inclined railway, inclined plane, cliff railway, Syn. funicular railway | DEM | (n) แบบจำลองภูมิประเทศเชิงเลข ซึ่งเป็นคำย่อมาจาก Digital Elevation Model (DEM) โดยทำการจัดสร้างขึ้นจากข้อมูลพื้นฐานประกอบด้วยค่าพิกัด X, Y และ Z ของจุดตัวอย่าง ซึ่งในทางทางระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์นิยมนำเข้าข้อมูลเส้นชั้นความสูง ยอดเขา และหลุมยุบ มาใช้ในการจัดสร้างแบบจำลองภูมิประเทศเฃิงเลขในรูปของข้อมูลเฃิงภาพหรือข้อมูลเชิงเส้น | caldera | (n) หลุมปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ ซึ่งเกิดจากปล่องภูเขาที่ระเบิดพ่นเถ้าลาวา แล้วเย็นและยุบตัวลงเป็นหลุม | with a grain of salt | (phrase) ด้วยความระมัดระวัง, ฟังหูไว้หู, เช่น You'd better take his words with a grain of salt. คุณควรจะฟังเขาด้วยความระมัดระวัง ฟังหูไว้หู มีที่มาจากในสมัยโบราณ เกลือเป็นส่วนผสมของยาแก้พิษ ซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยบรรเทาความรุนแรงของยาพิษที่เสพเข้าไปได้ | gaslight | (vt) จัดฉากให้คนหนึ่งๆ รู้สึกว่าสิ่งที่เขาเข้าใจนั้นผิด, ปั่นหัวให้มีความเชื่อที่ผิดๆ จนทำให้เขาตั้งคำถามกับเกี่ยวกับสุขภาพจิตของตนเอง | condescend (to do something) | (vt) ยอมทำ ในลักษณะที่ผู้ทำคิดว่าตนเองอยู่ในระดับทางสังคมหรือตำแหน่งหน้าที่ที่สูงกว่า แต่ยอมลดตัวลงมาทำสิ่งที่อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า เช่น I had to wait almost two hours before he condescended to see us. ฉันต้องรอเกือบสองชั่วโมง กว่าเขาจะยอมออกมาพบฉัน, Syn. deign | condescension | (n) การกระทำที่แสดงให้เห็นว่าผู้กระทำเชื่อว่าตนเองสำคัญหรือฉลาดกว่าผู้อื่น เช่น He gave us very friendly advice without a trace of condescension. เขาให้คำแนะนำที่เป็นมิตรมากๆ กับพวกเรา โดยไม่ได้มีท่าทีว่าเขาคิดว่าตนเองสำคัญหรือฉลาดกว่าเราแต่อย่างใด | gaslighting | (n) การจัดฉากให้คนหนึ่งๆ รู้สึกว่าสิ่งที่เขาเข้าใจนั้นผิด, การปั่นหัวให้มีความเชื่อที่ผิดๆ จนทำให้เขาตั้งคำถามกับเกี่ยวกับสุขภาพจิตของตนเอง | condescending | (adj) ประพฤติตนในลักษณะว่าตนเองสำคัญหรือฉลาดกว่าผู้อื่น เช่น His tone of voice was always so condescending. เขามักจะพูดโดยใช้นำเสียงในลักษณะเหมือนว่าตนเองสำคัญหรือฉลาดกว่าผู้อื่น |
| agglomerate | (n) หินภูเขาไฟ | alpenhorn | (n) แตรขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายเขาสัตว์ (ใช้โดยชาวสวิสแถบเทือกเขาแอลป์), Syn. alphorn | alpenstock | (n) ไม้ที่มีปลายเป็นเหล็กใช้ในการปีนเขา, Syn. staff, cane, crook | alpestrine | (adj) ซึ่งเกี่ยวกับบริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์, Syn. alpine | alphorn | (n) แตรขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายเขาสัตว์ (ใช้โดยชาวสวิสแถบเทือกเขาแอลป์), Syn. alpenhorn | alpine | (adj) ซึ่งเกี่ยวกับเทือกเขาแอลป์, Syn. alpestrine | alpinist | (n) นักปีนเขา, Syn. mountain climber | Alps | (n) เทือกเขาแอลป์ในยุโรปตอนใต้ | Andes | (n) เทือกเขาในอเมริกาตะวันตกเฉียงใต้ | antelope | (n) สัตว์จำพวกที่มีเขาเป็นเกลียว, See also: ละมั่ง | antler | (n) เขากวาง | basalt | (n) หินภูเขาไฟ, Syn. plutonic rock | bay | (n) อ่าว, See also: ที่เว้าของเทือกเขา, Syn. gulf | bothy | (n) กระท่อมบนภูเขาในสก็อตแลนด์ | brae | (n) ส่วนไหล่เขา | bulldog | (vt) จับวัวเหวี่ยงให้นอนบนพื้น โดยจับเขาแล้วบิดคอ | cable car | (n) รถที่เคลื่อนที่โดยสายเคเบิ้ลที่อยู่ด้านบน (มักใช้ขึ้นหรือลงเขา) | Calvary | (n) เนินเขาที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน (ตั้งอยู่ใกล้เมืองเยรูซาเล็ม), Syn. Golgotha | canyon | (n) หุบเขาลึก (มักจะมีสายน้ำไหลระหว่างหุบเขาด้วย), Syn. valley, gully, gorge | chalet | (n) กระท่อมเล็กๆ ส่วนใหญ่อยู่บนภูเขา | col | (n) ช่องเขา, See also: แอ่งของเทือกเขา, ช่องเทือกเขา, Syn. gap, notch | coo | (n) เสียงร้องของนกพิราบหรือนกเขา, See also: เสียงร้องกู่ๆ | cougar | (n) เสือภูเขา, Syn. mountain lion, catamount, puma | cove | (n) ส่วนเว้าตามแนวเขาหรือหน้าผา | crater | (n) ปล่องภูเขาไฟ | crest | (n) ยอด, See also: จุดบนสุด เช่น ยอดเขา, ยอดคลื่น เป็นต้น, Syn. peak, tip, top | catch red-handed | (idm) จับได้ขณะกระทำผิด, See also: จับได้คาหนังคาเขา, Syn. catch in | catch someone in the act | (idm) จับได้คาหนังคาเขา, See also: จับได้ ว่าทำผิดจริง, Syn. catch red-handed | dell | (n) หุบเขาเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและต้นไม้, Syn. dingle, cirque, valley | descend | (vi) ลงมา, See also: เคลื่อนลง, เดินลงมา จากบันได, ภูเขา, Syn. go down | descend | (vt) ลงมา, See also: เคลื่อนลง, เดินลงมา จากบันได, ภูเขา, Syn. go down | didactic | (adj) ซึ่งชอบที่จะสั่งสอนคนอื่นมากกว่าให้เขาเรียนรู้ด้วยตนเอง, Syn. academic, preachy | downhill | (n) การแข่งสกีภูเขา | downhill | (adj) ลงเขา | downhill | (adv) ลงเขา, Ant. uphill | dune | (n) ภูเขาทราย, See also: เนินทราย, สันทราย, Syn. hummock, hump | edelweiss | (n) ดอกไม้สีขาวใบขาวจำพวก Leontopodium alpinum พบบนภูเขาแอลป์ | escarpment | (n) สันเขาหรือหน้าผาสูงชันที่เกิดจากการผุกร่อนหรือการแยกตัวของเปลือกโลก, Syn. bluff, cliff, scarp | faun | (n) เทพเจ้าโรมันที่มีลำตัวเป็นคน หูแหลม มีเขา หางและขาหลังเป็นแพะ, Syn. woodland deity, satyr | feldspar | (n) แร่หินภูเขาไฟ, Syn. felspar | felspar | (n) แร่หินภูเขาไฟ | flank | (n) ด้านข้าง (อาคาร, ภูเขา), See also: ด้านปีก, Syn. wing, side | fold | (n) แอ่งหรือที่ว่างระหว่างเนินเขา | foothill | (n) เนินที่ตีนเขา | gore to death | (phrv) แทงด้วยเขา, See also: ฆ่าด้วยเขา | gaiter | (n) ผ้าพันแข้ง (สำหรับนักไต่เขา / นักเดิน), See also: สนับแข้ง | gap | (n) หุบเขาลึก, Syn. chasm, hollow, ravine, canyon | glen | (n) หุบเขา | gnu | (n) ละมั่งแอฟริกาตระกูล Connochaetes หัวคล้ายวัว เขาโค้งงอ หางยาว, Syn. wildebeest, antelope | gorge | (n) ช่องเขา, See also: ช่องแคบระหว่างหุบเขา, Syn. chasm, canyon, ravine |
| aberdeen angus | พันธุ์วัวชนิดหนึ่งที่ไร้เขา | aconcagua | (อาคองคา' กัว) ชื่อภูเขาในอาเยนตินา | alcaic | (แอลเค' อิค) adj. เกี่ยวกับAlcaeus หรือผลงานของเขา. -Alcaics กลอนหรือบทกวีของ Alcaeus | alibi | (แอล' ละไบ) n., (pl. -bis) ความแก้ตัวของจำเลยที่ว่าเขาไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ, คำแก้ตัว. | alp | (แอลพฺ) n. ภูเขาสูงลูกหนึ่ง abbr. alkaline phosphatase , anterior lobe of pituitary | alpenglow | (แอล' เพนโกล) n. แสงเรืองสีแสดที่มักเห็นบนยอดเขาในเวลาก่อนพระอาทิตย์ หรือหลังพระอาทิตย์ตกเล็กน้อย (a reddish glow) | alpenhorn | (แอล' เพนฮอร์น) n. ด้ามไม้ยาวคล้ายเขาสัตว์ของคนเลี้ยงหรือคนภูเขาในสวิสเซอแลนด์ (alphorn) | alpenstock | ผแอล' เพนสทอค) n. ด้ามไม้ยาวมีปลายเป็นเหล็กใช้ในการปืนเขา | alpestrine | (แอลเพส' ทริน) adj. ซึ่งเกี่ยวกับบริเวณเชิงเทือกเขาแอลพ์ | alpine | (แอล' ไพนฺ, -พิน) adj. ซึ่งเกี่ยวกับเทือกเขาที่สูง, สูงมาก, ซึ่งยกขึ้นสูง, เกี่ยวกับเทือกเขาแอลพ์, ซึ่งเจริญเติบโตบนภูเขาสูง, มีลักษณะคล้ายเทือกเขาแอลพ์. | alps | (แอลพฺ') n. เทือกเขาแอลพ์ในยุโรปตอนใต้ | altai mountains | (แอลไท'-, อาล' ไท-) ชื่อเทือกเขา Altai., Syn. Altaian | altaic | (แอลเท' อิค) n. กลุ่มของภาษาที่ประกอบด้วย Turkic, Mongolian, Tungusic, Korean. -adj. เกี่ยวกับ Altaic, เกี่ยวกับเทือกเขา Altai., Syn. Altaian | amphitheater | (แอม' ฟิเธียเทอะ) n. อาคารรูปครึ่งวงกลม, โรงละครหรือมหรสพรูปครึ่งวงกลม, ห้องใหญ่ที่มีที่นั่งจัดเป็นรูปครึ่งวงกลม, ที่ดินเว้ารูปโค้ง.อัฒจันทร์, ที่มีเขาล้อมรอบ. -amphitheatric (al) adj. | andean | (แอนดี' อัน) adj. เกี่ยวกับหรือคล้ายเทือกเขา Andes ในทวีปอเมริกาใต้ | andes | (แอน' ดีซ) n. ชื่อเทือกเขาในอเมริการตะวันตกเฉียงใต้ | andesite | (แอน' ดิไซทฺ) n. หินภูเขาไฟที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วย plagioclase, feldspar. -andesitic adj. | antler | (แอนทฺ' เลอะ) n. กิ่งเขากวาง. -antlered adj. | appalachia | (แอพพะเล'เซีย) n. ชื่อเทือกเขาในสหรัฐอเมริกา. -Appalachia adj. | arete | (อะเรท') n. สันเขาที่สูงชัน | argali | (อาร'กะลี) n., (pl. -li) แพะป่ามีเขาหนาและเป็นเกลียว., Syn. argal | aristotelian | (อะริสโทเทล'เยิน) adj. เกี่ยวอริสโตเติลหรือคำสอนของเขา. -n. ผู้ปฏิบัติตามคำสอนของอริสโตเติล (of, Aristotle) | arnica | (อาร์'นิคะ) n. ต้นดอกยานภูเขาทอง, ทิงคเจอร์ผสมดอกยานภู่เขาทอง (ใช้ทาบาดแผลภายนอก) (genus Arnica) | attire | (อะไท'เออะ) vt. แต่งตัว, ใส่เสื้อผ้า. -n. เครื่องแต่งตัว, เสื้อผ้า, เขากวาง, Syn. adorn | balkan | (บอล'เคิน) adj. เกี่ยวกับแหลมบอลข่าน (ประชาชน, เทือกเขา, ภาษาและอื่น ๆ) -Phr. (the Balkans ประเทศต่าง ๆ ของแหลมบอลข่าน), See also: balkanite adj. | basalt | (บะซอลทฺ') n. หินภูเขาไฟสีดำชนิดหนึ่ง, See also: basaltic adj. ดูbasalt basaltine adj. ดูbasalt | bay | (เบ) { bayed, baying, bays } n. อ่าวเล็ก, ที่เว้าของเทือกเขา, มุข, ชื่อเสียง (bays) , สีน้ำตาลปนแดง, ม้าหรือสัตว์ที่มีสีน้ำตาลปนแดง, เสียงเห่า, ภาวะหมดหนทาง, ความอับจน, การหอน vi. เห่า, หอน vt. เห่าใส่ adj. สีเทาปนแดง | beam | (บีม) n. คาน, ไม้ขวาง, ขื่อแป, รอด, คร่าว, คันรถ, คันชั่ง, คันไถ, แกนที่ม้วนได้, คานหาม, เขาแกน, ลำแสง, ลำรังสีขนานกัน, สัญญาณวิทยุ, สีหน้าที่ปิติยินดี vi. แผ่รังสีหรือลำแสง, ส่งสัญญาณวิทยุ, เปล่งยิ้มหรือมีสีหน้าที่ปิติยินดี | beamy | (บี'มี) adj. เปล่งแสง, เป็นคานที่กว้างใหญ่, มีเขาเป็นกิ่งก้าน, See also: beaminess n. ดูbeamy | bill gate | เจ้าของบริษัทไมโครซอพต์ เมื่อปี พ.ศ.2542 เขาเป็นผู้ที่ร่ำรวยมากที่สุดในโลก | bomb | (บอมบ์) { bombed, bombing, bombs } n. ระเบิด, ลูกระเบิด, ก้อนวัตถุเหลวที่ขับออกจากภูเขาไฟ, ระเบิดภูเขาไฟ, ความล้มเหลวสิ้นเชิง, อาวุธนิวเคลียร์ vi. ปล่อยลูกระเบิด, ทิ้งลูกระเบิด, ยิงลูกระเบิด, ล้มเหลว, Syn. missile | brae | (เบร) n.ไหล่เขา, ตลิ่งที่ลาดเอียง, เนิน, ข้างฝั่งแม่น้ำ | bunt | (บันทฺ) { bunted, bunting, bunts } vi., vt., n. (การ) ขวิด, ชน, ชนด้วยเขา, ตีลูกเบา, ตีลูกสั้น , ส่วนใบเรือที่โปร่งลม, ตัวอวน, ตัวแห | canyon | (แคน'เยิน) n. หุบเขาลึก, Syn. ravine | caucasian | (คอเค'เซียน, คอแคส'ซิค) adj. ดูCaucasoid, เกี่ยวกับเทือกเขาCaucasusในยุโรป -n. ชาวคอเคเซียน, ชาวผิวขาว, ภาษาคอเคเซียน | caucasic | (คอเค'เซียน, คอแคส'ซิค) adj. ดูCaucasoid, เกี่ยวกับเทือกเขาCaucasusในยุโรป -n. ชาวคอเคเซียน, ชาวผิวขาว, ภาษาคอเคเซียน | caucasus | เทือกเขาในCaucasiaเป็นที่เกิดของชนผิวขาวและแขกอินเดีย | caucasus mountains | เทือกเขาในCaucasiaเป็นที่เกิดของชนผิวขาวและแขกอินเดีย | chain | (เชน) n. โซ่, ลูกโซ่, โซ่ตรวน, สายสร้อย, อนุกรม, เทือกเขา, ทิว, แนว -vt. ผูกมัดด้วยโซ่, ผูกมัด, จำกัด, Syn. series | chine | (ไชนฺ) { chined, chining, chines } n. กระดูกสันหลัง, สันข้างเรือ, สันเขา, หุบเขาที่ลึกและแคบ, มุมตัดของด้านข้างหรือส่วนท้องเรือ, =chime | clone | (โคลน) n. พวกสิ่งมีชีวิตที่สืบพันธุ์จากระบบไร้เพศ., See also: clonal adj. คอมพิวเตอร์เลียนแบบหมายถึง เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำเลียนแบบเครื่องคอมพิวเตอร์ยี่ห้อดัง ๆ ส่วนใหญ่จะมีราคาถูก โดยปกติ เขาแบ่งระดับขั้นของคอมพิวเตอร์กันดังนี้ คือ ถ้าเป็นระดับที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุด ก็มีคอมพิวเตอร์ของบริษัทไอบีเอ็ม IBM แมคอินทอช Macintosh และคอมแพค Compaq ถัดลงมาอยู่ในระดับเทียบเคียงได้ compatible หมายถึง พวกที่มีชื่อ แต่โด่งดังน้อยกว่า เช่น เอ็ปซอน Epson ที่ขั้นต่ำสุดก็คือพวกที่ทำเลียนแบบในราคาถูก .....ถูกจนคนมักจะชอบเสี่ยงซื้อไปใช้ จึงจะเรียกว่า "clone" | clough | (คลัฟ) n. หุบเขาที่แคบ, หุบเขาลึก, ห้วยลึก | coast | (โคสทฺ) { coasted, coasting, coasts } n. ฝั่งทะเล v. แล่นแคร่เลื่อนหิมะ, แล่นเรือไปตามชายฝั่ง, แล่นไหลลงเนินเขา, ไปเรื่อยเปื่อย, See also: coaster n. ดูcoast | col | (คอล) n. ทางหรือแอ่งของเทือกเขา, ช่องเทือกเขา, ช่องเขา | comb | (โคมบ์) { combed, combng, combs } n. หวี, เครื่องมือแยกเส้นใย, รวงผึ้ง, หุบเขาแคบ vt. หวี (ผม) , ขจัดออกด้วยหวี, สาง, สะสาง, เสาะแสวงทุกหนทุกแห่ง, ค้นอย่างละเอียด. vi. (คลื่น) กลิ้งชัด | coo | (คู) { cooed, cooing, coos } vi. ขันกู่ ๆ (เสียงนกพิราบหรือนกเขา) , ร้องเสียงดังกล่าว, พูดกระซิบเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ vt. ร้องเสียงกู่ ๆ n. เสียงร้องกู่ ๆ, See also: cooer n. ดูcoo cooingly adv. ดูcoo interj. เสียงอุทานแสดงความแปลกใจ | copy protection | การป้องกันการคัดลอกหมายถึง วิธีการป้องกันไม่ให้ผู้ใดสามารถคัดลอกได้ ผู้เขียนโปรแกรมมักพยายามทำทุกวิถีทางที่จะกันไม่ให้ผู้หนึ่งผู้ใด มาคัดลอกโปรแกรมหรือแฟ้มข้อมูลที่เขาสร้างขึ้นไว้ เช่นใช้อุปกรณ์ปิดกั้น หรือซ่อนแฟ้มข้อมูลบางแฟ้มไม่ให้มองเห็น อย่างไรก็ตาม เมื่อมีกฎหมายในเรื่องของลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ออกมาแล้ว ผู้ที่จะคัดลอกก็จะต้องระมัดระวังในเรื่องการคัดลอกนี้มากขึ้น | cordilera | (คอร์ดิลแย'ระ) n. แนวเทือกเขา | corniche | (คอร์'นิช) n. ถนนที่วกเวียนตามหน้าผาหรือภูเขา | cornicle | (คอร์'นิเคิล) n. ส่วนที่ยื่นคล้ายเขาเล็ก ๆ ปุ่ม |
| Alp | (n) ภูเขาแอลป์ | antler | (n) เขากวาง | berg | (n) ภูเขาน้ำแข็ง | brae | (n) ไหล่เขา, ตลิ่ง | bugle | (n) แตรทหาร, แตรเดี่ยว, เขาวัวสำหรับเป่า | bugle | (vi) เป่าแตร, เป่าเขาวัว | bugler | (n) คนเป่าแตร, คนเป่าเขาวัว | butte | (n) ภูเขาชัน | canyon | (n) หุบเขาลึก | cordillera | (n) แนวเขา, ทิวเขา, เทือกเขา | crater | (n) ปล่องภูเขาไฟ | dale | (n) หุบเขา, หุบเหว | dell | (n) หุบเขา | dove | (n) นกพิราบ, นกเขา, สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ | edge | (n) ขอบ, ริม, ปาก, สัน, คมมีด, ข้าง, ความคม, เหลี่ยมเขา | elevation | (n) เนินเขา, มูนดิน, โคก, การยกระดับ, การเลื่อนฐานะ | falcon | (n) เหยี่ยวนกเขา | flume | (n) หุบเขาลึก, ร่องน้ำไหล | glen | (n) หุบเขาน้อยๆ | gorge | (n) คอคอด, ทางแคบๆ, หุบเขา, ช่องแคบ | gulch | (n) หุบเขาลึก, ห้วยลึก, ธารน้ำลึก | gully | (n) ซอกเขา, คู, ห้วย, ทางน้ำไหล, รางน้ำ, หุบเขา | he | (pro) เขา(ผู้ชาย) | hill | (n) ภูเขา, ดอย, เนินเขา, ดอน | hillock | (n) ภูเขาน้อย, เนินเขา, โคก, ควน | hillside | (n) ชายเขา, ข้างๆเขา, ไหล่เขา | hilltop | (n) ยอดเขา | hilly | (adj) มีภูเขามาก, เป็นเนิน, สูง, ชัน | him | (pro) เขา(ผู้ชาย) | himself | (pro) ตัวเขาเอง | his | (adj) ของเขา(ผู้ชาย) | horn | (n) แตรรถยนต์, เขาสัตว์ | hornpipe | (n) ปี่ชนิดหนึ่ง, แตรเขาสัตว์ | horny | (adj) มีเขา, แข็งเหมือนเขาสัตว์, เป็นเขาสัตว์ | hump | (n) หนอก, ปุ่ม, โคก, เขา, ตะโหงก | iceberg | (n) ภูเขาน้ำแข็ง | knob | (n) ลูกบิด, ปุ่ม, ตุ่ม, ก้อน, รอยโปน, เขา | labyrinth | (n) เขาวงกต, ทางซับซ้อน, ความยุ่งยาก, หูชั้นใน | mazy | (adj) คดเคี้ยว, วกวน, เหมือนเขาวงกต | mount | (n) ภูเขา, ยอดเขา, เนินเขา | MOUNTAIN mountain range | (n) ทิวเขา, เทือกเขา, บริเวณที่ราบสูง | mountain | (n) ภูเขา, ดอย, เขา | mountaineer | (n) ชาวเขา, นักปีนเขา, นักไต่เขา | mountainous | (adj) มีภูเขามาก, สูง, ใหญ่โต | peak | (n) ยอด, ปลาย, ยอดเขา, จุดสูงสุด, จุดสุดยอด, กะบังหมวกแก๊ป | peregrine | (n) เหยี่ยวนกเขาใหญ่ | pinnacle | (n) ยอดเจดีย์, ยอดภูเขา, ยอดตึก, จุดสุดยอด | range | (n) เทือกเขา, แถว, แนว, ทุ่งเลี้ยงสัตว์, หม้อน้ำ, วิถีกระสุน | rangy | (adj) มีภูเขามาก | ravine | (n) หุบเขาลึก |
| abseiling | (n, vi, vt) เทคนิคการปีนป่ายลงเขาด้วยเชือก ( * w *m Power by iiiita also RYUTAZA) | addax | (n) ละมั่งแอฟริกาขนาดใหญ่จำพวกหนึ่ง มีเขาเป็นเกลียว อาศัยอยู่ในทะเลทราย | adventist | (n) ผู้ที่รอคอยการเสด็จกลับมาครั้งที่สองของพระเยซูคริสต์ (เพื่อรับพวกเขาไปอยู่กับพระองค์บนสวรรค์ ตามพระสัญญาที่พระองค์ได้ให้ไว้ใน พระธรรมยอห์น 14:1-3 ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล) Image: | aqueduct | [อา-ควา-ดัค] (n) สะพานส่งน้ำ หมายถึงสะพานหรือทางที่ใช้ในการขนส่งน้ำ—แทนที่จะขนส่งทางถนนหรือทางรถไฟ—ที่ข้ามช่องเขา (en.wikipedia.org/wiki/Aqueduct) | be caught red-handed | (idiom) จับได้คาหนังคาเขา, Syn. be apprehended | Beltane | (uniq) เทศกาลเฉลิมฉลอง หนึ่งใน เทศกาลแห่งเปลวเพลิง ซึ่งรับทอดมาจากศาสตร์เซลติกโบราณ ซึ่งนิยมจะเฉลิมฉลองกันในยามค่ำคืน เพแกนจะขี่เหล่าปศุสัตว์ระหว่างกองไฟซึ่งก่อ ณ กลางแจ้ง ทั้งสองกอง เป็นความเชื่อว่าจะปกป้องพวกเขาจากโรคร้าย ส่วนคู่หนุ่มสาวที่ปราถณาจะมีชีวิตคู่ที่ชุ่มชื่นก็จะ "กระโดดเหนือกองไฟ" ในคืน Beltane | bukit | (n, malasia) ภูเขา เช่น ภูเก็ต กร่อนมาจากคำว่า bukit | Carbonic Anhydrase Inhibitors (CAIs) | เป็นชั้นของยาที่ระงับกิจกรรมของคาร์บอ ในทางการใช้ทางคลินิกได้รับการจัดตั้งขึ้นเป็นตัวแทนของโรคต้อหิน, ยาขับปัสสาวะ, ยากันชัก, ในการจัดการของเข่มาภูเขา, กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กเป็นแผล, ความผิดปกติของระบบประสาท, หรือโรคกระดูกพรุน | eight-thousander | (n) ยอดเขาแปดพันเมตร คือยอดเขาสิบสี่ยอดที่มีความสูงเกินกว่า 8000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ยอดเขาทั้งสิบสี่ยอดนี้อยู่ในเทือกเขาหิมาลัยและเทือกเขาคาราโครัมในเอเชีย (แปลจาก wikipedia.org) | elf | [เอลฟฺ] (n) เอลฟ์ ตัวละครในนิยายแฟนตาซีหรือเกมคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ มีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่สูงโปร่งและงดงามกว่า ผิวและเรือนผมสีอ่อน ใช้ชีวิตได้ยาวนานเป็นพันๆปีจนเหมือนเป็นอมตะ มักสร้างอาณาจักรอยู่ในป่าเขา โดยมากมีเวทมนตร์, See also: dwarf, Syn. elven | foothill | (n, uniq) ควน หรือ เนินเขาขนาดเล็กในเขตภาคใต้ เช่น ควนจง ควนขี้แรด เป็นต้น เป็นภูเขาขนาดเตี้ย ๆ แถบภาคใต้และมาเลเซียมีจำนวนมาก | hiking | (n) เดินเขา เดินดอย (การออกกำลังกาย/กีฬา) | Hill | [ฮิล] เนินเขา | hitum | (n, adj, malasia) สีดำ เช่นแถบชายแดนไทยมาเลเซีย (ด่านนอก/จังโหลน) มีภูเขาชื่อ ถูเขาไม้สีดา bukit kayu hitam | horn flask | เขาสัตว์ที่บรรจุดินปืน | ibex | แพะป่าภูเขาจำพวก Capra ในยุโรป เอเชียและแอฟริกาเหนือ มีเขาที่ใหญ่และโค้งไปข้างหลัง | Jackalope | (n, name) ชื่อสัตว์ในเทพนิยาย รูปร่างเหมือนกระต่ายแต่มีเขา มีลักษณะที่เป็นส่วนผสมของ กระต่าย, ละมั่ง, กวาง, แพะ ในตำนานบอกว่า มีความสามารถทำเสียงเลียนแบบส่งต่างๆ ได้รวมถึงเสียงคน ปกติเป็นสัตว์ที่ขี้อายแต่ถ้าไปยุ่งกับมันก็อาจจะอันตรายได้ เพิ่มเติม http://en.wikipedia.org/wiki/Jackalope | kailas | (n) เขาไกรลาศ วิมาณของพระอิศวร หรือ พระศิวะ | Klebsiella pneumoniae (K. pneumoniae) | เป็นเชื้อแบคทีเรียที่ปกติอยู่ในลำไส้ของคนและในอุจจาระ. แบคทีเรียเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายเมื่อพวกมันอยู่ในลำไส้ของคุณ. แต่ถ้าพวกมันแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายของคน, พวกเขาสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง. ความเสี่ยงจะสูงขึ้นถ้าคุณป่วย. | lifeguard | [คำอ่าน :: ชีบ-พะ-บาน] (n) lifeguard [ 1 ] - (N) - ชีพบาล คำอ่าน :: ชีบ-พะ-บาน คำหมาย :: ผู้ประกอบวิชาชีพดูแลความปลอดภัยทางน้ำ ให้แก่ผู้ทำกิจกรรมนันทนาการทางน้ำ เช่น สระว่ายน้ำ , สวนน้ำ, ชายหาด, ชายทะเล ที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างเข็มข้น ทั้งทักษะการว่ายน้ำ ปฐมพยาบาล การกู้ชีพ กู้ภัยทางน้ำ รวมทั้งการใช้อุปกรณ์หลากหลายที่เกี่ยวข้องการทำงาน บางพื้นที่ในต่างประเทศ ยังต้องทำงานเกี่ยวข้องกับการงานฉุกเฉิน เช่น การกู้ภัยบนภูเขา การนำส่งผู้ประสพภัยฉุกเฉิน จากภัยพิบัติต่างๆ อ้างอิง :: life = ชีวิต, ชีพ guard = ยาม, ผู้ดูแล ในที่นี้ ขอใช้คำว่า บาล ซึ่งหมายถึงผู้ดูแล เช่น รัฐบาล, คชบาล, โคบาล, ทวารบาล, พยาบาล, อภิบาล, อนุบาล lifeguard [ 2 ] - (N) – ทหารรักษาพระองค์ (ทหารมหาดเล็ก) ในกองทัพ สหราชอาณาจักร (ประเทศอังกฤษ), See also: Lifesaving, Lifesaver | lifesaving | [ชีบ-พะ-รัก] (n) Lifesaving [ 1 ] – ชีพรักษ์ คำอ่าน :: ชีบ-พะ-รัก ความหมาย :: วิชาชีพเกี่ยวกับการดูแลความปลอดภัยทางน้ำ ที่มีการการฝึกอบรมอย่างเข็มข้น ทั้งทักษะการว่ายน้ำ ปฐมพยาบาล การกู้ชีพ กู้ภัยทางน้ำ รวมทั้งการใช้อุปกรณ์หลากหลายที่เกี่ยวข้องการทำงาน ให้แก่ผู้ทำกิจกรรมนันทนาการ เช่น สระว่ายน้ำ , สวนน้ำ, ชายหาด, ชายทะเล ที่ผ่าน บางพื้นที่ในต่างประเทศ ยังต้องทำงานเกี่ยวข้องกับการงานฉุกเฉิน เช่น การกู้ภัยบนภูเขา การนำส่งผู้ประสพภัยฉุกเฉิน จากภัยพิบัติต่างๆ | long-toothed | (slang) มันช่างยาวนานเหลือเกิน มันยาวมาก มันนานมาก นานจนหงำเหงือก มาจากคำว่า 'long-in-the-tooth" (คำอุปมานี้มาจากการสังเกตผู้คนว่าพออายุมากขึ้นเหงือกของเขาก็จะร่นลงไป ทำให้เห็นว่าฟันยาวขึ้น) | namedrop | (vi) การอ้างถึงชื่อผู้อื่นในทำนองว่ารู้จักกับผู้นั้น เพื่อสร้างมูลค่าให้ตนเอง, โดยทั่วไปมีความหมายในเชิงลบ. ตัวอย่าง เช่น I know Lisa of Blackpink and she often comes to my house for dinner. ฉันรู้จักลิซ่าแห่งวง Blackpink นะ เขามาทานอาหารเย็นที่บ้านฉันบ่อยๆ | non-refoulement | (n) หลักการไม่ส่งผู้ลี้ภัยกลับไปยังดินแดนหรือถิ่นที่ชีวิตและเสรีภาพของพวกเขาจะถูกคุกคาม Non-refoulement is a principle in international law, specifically, refugee law, which protects refugees from being returned to places where their lives and freedoms would be threatened.[ Google ] Art.33(1) of the 1951 UN Convention on the Status of Refugees, and its 1967 protocol. | pyroclastic | (adj) ประกอบด้วยหินแร่จากภูเขาไฟ | road map | [โร๊ด แมป] (n) แนวทางการดำเนินการ eg. "the president said he had a road map for normalizing relations with Vietnam" "ท่านประธานธิบดี บอกว่า เขามีแนวทางดำเนินการเพื่อให้ความสัมพันธ์กับ ประเทศเวียตนาม กลับมาเหมือนเดิม", See also: วิธีการ, วิธี, Syn. แนวปฏิบัติ | Sims position | ตําแหน่งซิมส์เป็นตําแหน่งมาตรฐานที่ผู้ป่วยอยู่ทางด้านซ้ายของพวกเขาด้วยสะโพกขวาและหัวเข่างอ แขนส่วนล่างอยู่ด้านหลังต้นขางอ หัวเข่าซ้ายเอียงเล็กน้อย แขนขวาอยู่ในตําแหน่งที่สะดวกสบายต่อหน้าร่างกายแขนขวาวางอยู่ด้านหลังร่างกาย เรียกอีกอย่างว่าตําแหน่ง "ด้าน" | slieve | (n) ภูเขา (มาจากภาษาไอริช sliabh), Syn. Mountain | slieve | (n) ภูเขา (มาจากภาษาไอริช sliabh), Syn. Mountain | sparrowhawk | (n) เหยี่ยวนกเขา | Sulaltern Agency | (n) การถูกกดทับทางสังคม การตกเป็นเบี้ยล่างทางสังคม การปฏิบัติทางสังคมของกลุ่มที่ต้องการต่อรองกับอำนาจที่กดทับพวกเขาอยู่ | swift | (adj) adj. สวิฟท (En.) 1. รวดเร็ว, ว่องไว, ฉับพลัน, ทันควัน : He took a swift look around the room.= เขากวาดสายตาอย่างรวดเร็วไปรอบห้อง ; There was a swift change of plans.= มีการเปลี่ยนแผน (จากแผนหนึ่งไปใช้อีกแผนหนึ่ง) โดยรวดเร็ว | täbäk mountains | (n) ภูเขาแทแบก(ทางภาคตะวันออกของประเทศเกาหลี-) | tepuis | (n, name) ภูเขาหัวตัด | To add insult to injury | (slang) ทำให้บางคนรู้สึกแย่กว่าเดิมหลังจากที่คุณได้ทำให้เขาเจ็บใจหรือเสียใจไปแล้ว ex. After Adam broke up with me, he added insult to injury by telling me that his new girlfriend is my best friend. | united arab emirates | [ยูไน้ถิด อาหรับ เอมิเร็ทสฺ] สหอาหรับเอมิเรตส์ (ไม่มีคำว่า "รัฐ" เพราะไม่เน้นที่ States แต่เน้นที่ คนอาหรับ เขาก่อร่างสร้างประเทศเขาตั้งใจมองไปที่คนเล็กคนน้อย เขาเล็งไปที่ "ชาวอาหรับ" ที่เป็นประชาชนในอาณาบริเวณของเขา เขาจึงใช้ชื่อประเทศว่า United Arab Emirates: ภาษาอาหรับก็บอกชัดเจนอ่านจากคำขวาก่อนคือ อิมิเรต หากดูตรงกลางพบคำว่า "อาระบียะห์" ซึ่งหมายถึงคนอาหรับ และคำสุดท้ายแปลว่ามารวมกัน الإمارات العربيّة المتّحدة ) | validate | (n) ทำให้คนๆ หนึ่งรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า หรือรู้สึกว่าแนวคิดหรือความเห็นของเขามีคุณค่า | Yoo | [ยู] หนึ่งเดียวเท่านั้น เช่น Your only one คนเดียวของคุณ เขาหรือคุณเป็นของเขาคนเดียวเป็นที่ต้องการเป็นที่รักที่กล่าวถึงผู้เดียว | กุศล | (n, adj) กุศล ควรจะหมายถึง การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับจิตใจให้ดีขึ้น ปรับปรุงจิตใจให้ดีขึ้น มากกว่าทำความดีเฉย ๆ การกระทำใด ๆ หากทำแล้วมีผลต่อสภาวะจิตใจของตนเปลี่ยนไปในทางที่สูงขึ้น จึงเรียกว่ากุศล หากการกระทำดีนั้น ๆ ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงจิตใจตนเองเลย ไม่เรียกว่ากุศล แต่เรียกว่า กรรมดี โดยทั่วไป มักจะใช้คู่กันกับคำว่า บุญกุศล แต่คำว่า บุญ กับ กุศล ความหมายต่างกัน (เขียนก็ไม่เหมือนกันแล้วจะให้ความหมายเหมือนกันได้อย่างไร) ตัวอย่าง 1. นาย กอ เป็นคนรวย ชอบที่จะให้ทาน เพราะเขาหวังว่า การให้ทานของเขาจะส่งผลทำให้เขารวย ยิ่ง ๆ ขึ้นไป และอาจจะได้ไปสวรรค์ หลังจากที่เขาตายไป - อันนี้นาย กอ ทำกรรมดี หรือทำบุญ แต่ไม่ได้เกิดกุศลในจิต หรือเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะเขาทำทานก็จริง แต่ไม่มีผลทำให้จิตใจของเขาวางลงจากความโลภ หรืออยากเลย 2. นาย ขอ เป็นคนชั้นกลาง เขาเห็นเด็กกำพร้ามากมายเกิดขึ้น เขาจึงรู้สึกอยากที่จะช่วยเหลือเด็กเหล่านั้น จึงประหยัดค่าใช้จ่ายของตัวเองมากขึ้น เพื่อที่จะให้ตัวเองมีเงินเหลือมากขึ้น เพื่อที่จะแบ่งไปบริจาคเด็กเหล่านั้น เพื่อที่เด็กเหล่านั้นจะได้โตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ดีต่อไป - อันนี้ นาย ขอ ทำทั้งกุศล และบุญ เพราะมีผลที่ทำให้เขาต้องประหยัด อดออมมากขึ้น และการประหยัดอดออมนี้เอง จะทำได้ก็คือต้องปล่อยวางความอยากของตนเอง และทำเพราะในใจเกิดจิตเมตตากรุณา | อุกาบาต | (n) (แอส'เทอรอยด) n. ดาวเคราะห์น้อย, อุกาบาต, กลุ่มวัตถุในอวกาศที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1-480 ไมล์ หรือน้อยกว่าโคจรอยุ่ระหว่างดาวอังคารกับดาวพฤหัส. -adj. คล้ายดาว. -asteroidal adj. (minor planet) หมายเหตุ. ฝรั่งเขาใช่คำว่า asteroid 2014 แต่ไทยใช้คำว่า อุกาบาต 2014, See also: meteorite, pallasite |
| てんこ盛り | [てんこもり, tenkomori] (adv) กองเท่าภูเขา, กองทับกันสูงๆ | 富士山 | [ふじさん, fujisan] (name) ภูเขาฟูจิ | 山 | [やま, yama] (n) ภูเขา | 峠 | [とうげ] (n) 1)สันเขา 2)ช่วงที่ยากหรือลำบากที่สุด(ของงาน โรค ฯลฯ), See also: 峠芝(峠柴, 峠道 | 彼 | [かれ, kare] (pron) สรรพนามบุรุษที่สามที่เป็นเพศชาย, เขา (ผู้ชาย) | 火山 | [かざん, kazan] (n) ภูเขาไฟ |
| 揶揄う | [からかう, karakau] หยอกล้อ, แซว, อำ ตัวอย่าง เขาถูกอำแต่ไม่รู้สึกตัว 彼はからかわれていることに気がついていない。 | 諂う | [へつらう, hetsurau] (vi) ประจบสอพลอ<BR> <BR> eg.<BR> 彼は目上の人にへつらってばかりいる<BR> เขามักจะประจบสอพลอเจ้านายเสมอ | 生意気 | [なまいき, namaiki] (adv) อย่างไม่อาย, อย่างหน้าด้านๆ, อย่างใจกล้าหน้าด้าน, อย่างไร้ยางอาย<BR> <BR> Eg.<BR> 彼の生意気態度は我慢できない。<BR> ทนลักษณะท่าทางหน้าด้านของเขาไม่ได้แล้ว<BR> <BR> 生意気を言うようですが、そうしない方がいいでしょう。<BR> ดูเหมือนว่าจะพูดอย่างไม่อายเลยนะ ไม่ทำแบบนั้นน่าจะดีกว่านะ<BR> | 雪山 | [ゆきやま, yukiyama] (n) ภูเขาหิมะ | あの人 | [あのひと, anohito] (phrase) (เขา, เธอ, หล่อน) คนนั้น, See also: A. เขา, เธอ, หล่อน คนนี้ | あの人 | [あのひと, anohito] (pron) คนนั้น, เขา, เธอ | あの人 | [あの, ano] (pron) คนนั้น, เขา, เธอ, See also: S. あの方 | あの方 | [あのかた, anokata] คนนั้น, เขา, เธอ, เป็นคำสุภาพของ あの人, See also: S. あの人 | あなた | [あなた, anata] (n) คนนั้น, เขา, เธอ | あの人 | [あのひと, anohito] (n) คนนั้น, เขา, เธอ | あの人 | [あのひと, anohito] (n) คนนั้น, เขา, เธอ, See also: S. あ | あの方 | [あのかた, anokata] (n) คนนั้น, เขา, เธอ (あの方 เป็นคำสุภาพของ あの人), See also: S. あの人 | あの人 | [あのひと, anohito, anohito , anohito] (n) คนนั้น, เขา, เธอ, See also: S. あの方 | あの方 | [あのかた, anokata, anokata , anokata] (n) คนนั้น, เขา, เธอ (あの方 เป็นคำสุภาพของ あの人), See also: S. あの人 | 彼 | [かれ, kare, kare , kare] (n) เขา (ผู้ชาย), เพื่อนชาย, แฟน (ผู้ชาย) | 彼 | [かれ, kare, kare , kare] (pron) เขา (ผู้ชาย), เพื่อนชาย, แฟน (ผู้ชาย) | 山脈 | [さんみゃく, sanmyaku] (n) เทือกเขา | 片思い | [かたおもい, kataomoi] (n) รักเขาข้างเดียว | 山積する仕事 | [やまづみするしごと, yamazumisurushigoto] (exp) งานเท่าภูเขา |
| 譲る | [ゆずる, yuzuru] TH: ปล่อยให้เขาไป EN: to assign | 出迎え | [でむかえ, demukae] TH: การออกไปรับผู้มาเยือนถึงที่ที่เขามาถึง EN: meeting | 南アルプス | [みなみあるぷす, minamiarupusu] TH: เทือกเขาแอลป์ใต้(ในประเทศญี่ปุ่น) EN: southern alps (of Japan) | 火山 | [かざん, kazan] TH: ภูเขาไฟ EN: volcano | 見直す | [みなおす, minaosu] TH: รู้สึกกับ(เขา)ดีขึ้นกว่าที่เคยผ่านมา EN: to get a better opinion of |
| Er kommt erst heute nach seinem Urlaub. | เขาเพิ่งจะมาวันนี้หลังจากที่หยุดพักร้อนมา, erst ใช้เสริมเหตุการณ์ที่ผู้พูดรู้สึกว่า เพิ่งเกิดขึ้น, ไม่นานมานี้ | Er kommt wohl heute. | เขาคงจะมาวันนี้, wohl ใช้เสริมในประโยคที่มีความเป็นไปได้, คาดว่า | Er sagt daß es dunkel ist. | เขากล่าวว่ามันมืดแล้ว He says that it is dark. | bald | (adv) เร็วๆ นี้ เช่น Er kommt bald wieder. เขาจะกลับมาเร็วๆ นี้, so bald wie möglich เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ | bereits | (adv) เรียบร้อยแล้ว เช่น Er hat den Bericht bereits abgegeben. เขาส่งรายงานเรียบร้อยแล้ว | darum | ดังนั้น เช่น Er möchte reich werden. Darum muß er viel arbeiten. เขาอยากรวย เขาจึงขยันทำงาน, See also: deshalb, Syn. daher | daß | (konj) ที่ว่า (ใช้เป็นคำเชื่อมระหว่างวลี หรืออนุประโยค คล้าย that ในภาษาอังกฤษ) เช่น Ich rechne damit, daß er mich heute anruft. ฉันคาดว่า เขาจะโทรมาหาฉันวันนี้ | denen | (rel, pron) สรรพนามสำหรับนามพหูพจน์รูป Dativ ที่ใช้ในวลีที่เชื่อมกับประโยคหลัก เช่น Wir kümmern uns um die Personen, von denen ihr Geschäft abhängt. เราดูแลผู้คนที่มีความสำคัญต่อธุรกิจของเขาเอง | dennoch | (konj) อย่างไรก็ตาม, ทว่า เช่น Er ist schon über 70, dennoch kann er immer noch skifahren. เขาอายุมากกว่าเจ็ดสิบปี อย่างไรก็ตามเขายังสามารถเล่นสกีได้อีก, See also: S.trotzdem | deshalb | (adv) ดังนั้น เช่น Er ist sehr nett zu allen Leuten, und ist deshalb sehr beliebt. เขาดีต่อทุกคน ดังนั้นเขาจึงเป็นที่ชื่นชอบ, See also: darum, deswegen, Syn. daher | dessen | (relpron) ของเขา เป็นสรรพนามสำหรับนามเอกพจห์เพศชายและเพศกลางรูป Genetiv, See also: deren | deutlich | (adv, adj) ชัดเจน เช่น Hast du ihm deutlich gesagt, was du denkst? เธอได้บอกเขาชัดเจนหรือเปล่า ว่าเธอคิดอย่างไร, See also: klar, Syn. eindeutig | durch | (präp) ด้วย (เป็นบุพบทที่ใช้บ่งว่าสิ่งใดสิ่งหนึ่งส่งให้เกิดผล) เช่น Durch diese Behandlung ist er gerettet. เขารอดชีวิตมาได้ด้วยวิธีการรักษานี้ | durchaus | ทั้งนี้และทั้งนั้น, ทุกวิถีทาง, จำเป็นอย่างยิ่ง เช่น Er möchte durchaus in diese Schule gehen. ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาต้องการจะเข้าโรงเรียนนี้, Syn. unbedingt | eben | (adv) เพิ่งจะ เช่น Er ist eben weggelaufen. เขาเพิ่งจะเดินออกไปเอง, Syn. erst | eben | เป็นคำที่ใช้เสริมเพื่อบ่งว่าต้องยอมรับเหตุการณ์นั้นๆ เช่น Er kann gar nicht schaffen. Er ist eben mein Bruder. เขาไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย อย่างนั้นก็เถอะเขาก็เป็นน้องชายของฉัน, Syn. halt | eigen | (adj) ของตนเอง เช่น sein eigenes Haus บ้านของเขาเอง (ที่มีเขาเป็นเจ้าของ ไม่ได้เช่า) | einmal | ครั้งหนึ่ง เช่น Er hat einmal gesagt, daß sein Rücken wehgetan hat. เขาเคยบ่นครั้งหนึ่งว่าเขาเจ็บหลัง | endlich | (adv) ในที่สุด เช่น Er kommt endlich. ในที่สุดเขาก็มาจนได้ | er | (pron) เขา หรือ สรรพนามสำหรับคำนามเพศชายในรูปประธาน, See also: sie, es | erhalten | (vt) |erhält, erhielt, hat erhalten| ได้รับ เช่น Er erhält immer eine Postkarte für besondere Gelegenheiten. เขาได้รับโปสการ์ดในโอกาสสำคัญเสมอ, See also: kriegen Related. erhältlich, Syn. bekommen | erreichen | (vt) |erreichte, hat erreicht| ไปถึง, ทำสำเร็จ Wann erreichen wir den Berggipfel? เมื่อไหร่เราจะถึงยอดเขานะ | fordern | (vt) |forderte, hat gefordert| เรียกร้อง, แสดงความต้องการ เช่น Er fordert das Gehalt in einer Höhe von 2000 Euro von der Firma. เขาเรียกเงินเดือนสองพันยูโรจากบริษัท, Syn. verlangen | früher | (adj, adv) ก่อนหน้านี้, เมื่อก่อนนี้ เช่น Er ist viel dünner als früher. เขาผอมลงกว่าเมื่อก่อนมาก, See also: A. später | frei | (adj, adv) เป็นอิสระ, ว่าง, ไม่ขึ้นกับใคร เช่น Keine Sorge, er ist schon frei von Fieber. ไม่ต้องห่วง เขาไม่มีไข้แล้ว, Ist hier noch frei? ที่ตรงนี้ว่างไหมคะ, Lass den Vogel frei. Im Käfig lebt er nicht wohl. ปล่อยนกเป็นอิสระเถิด ในกรงมันไม่สบายหรอก | fallen | (vi) |fällt, fiel, ist gefallen, mit Ortsangabe| ตก, หล่น (ส่วนใหญ่ระบุสถานที่เกิดเหตุด้วย) เช่น In diesem Jahr ist noch kein Schnee gefallen. ปีนี้ยังไม่มีหิมะตกเลย , Er ist von dem Baum gefallen. เขาตกลงมาจากต้นไม้ต้นนี้, See also: hinfallen | gar nichts | ไม่มีเลย เช่น Er hat gar nichts zu tun. เขาไม่มีอะไรทำเลย | gegenüber | (präp) ตรงข้ามกับ (ตามด้วย Dativ) เช่น Sein Haus ist gegenüber der Bank. เขาอยู่บ้านตรงข้ามกับธนาคาร | gelten | (vi) |gilt, galt, hat gegolten| มีผลใช้ได้(บัตร, ตั๋ว, กฏ, ระเบียบ) เช่น Sein Visum gilt nur für Deutschland, aber nicht für die Schweiz. วีซ่าของเขาใช้ได้เฉพาะในเยอรมนีเท่านั้น ในสวิสใช้ไม่ได้, See also: gültig | nennen | (vt) |nannte, hat genannt| ตั้งชื่อ, เรียกว่า เช่น Er nennt seinen Hund Poldi. เขาเรียกหมาของเขาว่าโพลดี้ | gleichzeitig | (adj, adv) ในขณะเดียวกัน, ในเวลาเดียวกัน เช่น Er kann telefonieren und gleichzeitig auch lesen. เขาสามารถโทรศัพท์ในเวลาเดียวกันก็อ่านหนังสือไปด้วยได้, Syn. zur gleichen Zeit | hier | ที่นี่, ตรงนี้ เช่น Er ist nicht mehr hier. เขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว | ihm | เขาผู้ชาย (รูปกรรมรอง) | ihn | เขาผู้ชาย (รูปกรรมตรง) | ihnen | พวกเขา | ihr | ของเขาผู้หญิง หรือ ของเขาหลายๆ คน | ihr | เขาผู้หญิง (รูปกรรมรอง) | ihre | ของเขาผู้หญิง หรือ ของเขาหลายๆ คน | ihrem | ของเขาผู้หญิง หรือของเขาหลายๆ คน | ihren | ของเขาผู้หญิง หรือ ของเขาหลายๆ คน | ihrer | ของเขาผู้หญิง | ihres | ของเขาผู้หญิง | immer | (adv) สม่ำเสมอ, ประจำ เช่น Sein Schreibtisch ist immer in Ordnung. โต๊ะทำงานของเขาเป็นระเบียบเสมอ | immerhin | สุดท้ายแล้ว (ใช้บ่งว่า ไม่ควรเพิกเฉย) เช่น Du sollst ihm dabei helfen. Er ist immerhin dein Bruder. เธอควรช่วยเขานะ สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นน้องชายของเธอเอง, Syn. schließlich | in | (präp) |+ สถานที่| ใน, ที่ (ขึ้นกับรูปประโยค ถ้าบ่งการเดินทางเคลื่อนไหว แปลว่า ไปที่ ไปใน ซึ่ง in + Akk. แต่ถ้าบ่งการเป็นอยู่ in + Dat.) เช่น (1) Ich war in den Alpen letzte Woche. ผมอยู่ที่เทือกเขาแอลป์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (2) Ich fahre in die Alpen diese Woche. ผมจะไปยังเทือกเขาแอลป์อาทิตย์นี้ | inzwischen | (adv) ระหว่างนั้น(ช่วงเวลา) เช่น Er ist 2 Wochen im Urlaub gewesen. Ich habe inzwischen allein gearbeitet. เขาไปพักร้อนมาสองอาทิตย์ ระหว่างนั้นฉันทำงานเพียงลำพัง, See also: währenddessen, Syn. in der Zwischenzeit | jedoch | (konj) แต่ (เป็นคำที่ไพเราะกว่า aber มักใช้ในภาษาเขียน ใช้บ่งสิ่งที่ขัดแย้งกัน) เช่น Er wollte seine Eltern besuchen, tat jedoch nicht. เขาอยากไปเยี่ยมพ่อแม่ แต่ก็ไม่ได้ทำ, See also: doch, Syn. aber | sein | ของเขา, ของมัน | sie | เขาผู้หญิง หรือ เขาหลายๆ คน (ไม่จำเป็นต้องผู้หญิงอย่างเดียว) | reisen | (vt) |reiste, ist gereist| irgendwohin reisen เดินทาง, ท่องเที่ยวไป เช่น Ich reise gerne ins Gebirge. ฉันชอบเที่ยวไปยังเทือกเขา, See also: eine Reise machen |
| faire de la randonnée | (vt) เดินเที่ยวตามป่าเขา | il | (n) ประธานบุรุษที่ 3 เอกพจน์ เพศชาย, เขา, มัน | ils | (n) ประธานบุรุษที่ 3 พหูพจน์ที่มีเพศชายอย่างน้อย 1 คนในนั้น, พวกเขา, พวกมัน | s'appeler | (vt) มีชื่อว่า เช่น 1) Je m'appelle Tout. = ผมชื่อ Tout 2) Il s'appelle X. = เขาชื่อ X 2) Vous vous appelez Jean. = ท่านชื่อ คุณช็อง | partir | (vi) |je pars, tu pars, il part, nous partons, vous partez, ils partent| ออกไป, ไป, เริ่มออกไป เช่น Il est parti en France à huit heures. เขาเดินทางออกไปฝรั่งเศสตอนแปดโมงแล้ว, Syn. aller, provenir | changer | (vt) |je change, tu changes, il change, nous changons, vous changez, ils changent| เปลี่ยน , เปลี่ยนแปลง, แลกเปลี่ยน เช่น (1) Le temps va changer. = อากาศเปลี่ยนแปลง (2) Il a beaucoup changé. = เขาเปลี่ยนไปมาก (3) Il a changé en bien. = เขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น, เขาดีขึ้น (4) changer des bahts en euros แลกเงินบาทเป็นเงินยูโร, See also: regarder | habiter | (vi) |j'habite, tu habites, il habite, nous habitons, vous habitez, ils habitent| อยู่, อาศัย เช่น Il habite à Paris. เขาอาศัยอยู่ที่ปารีส, Syn. rester | rester | (vi) |je reste, tu restes, il reste, nous restons, vous restez, ils restent| พักอยู่, ยังคงอยู่ เช่น (1) Je reste jusqu'à 22 heures. ผมอยู่ถึงสี่ทุ่ม (2) Cette semaine il doit reste à la maison. อาทิตย์นี้เขาต้องพักอยู่ที่บ้าน (สังเกตความหมายต่างจากกิริยา habiter ตรงที่ rester ไม่ได้แปลว่า อาศัย) | où | ที่ไหน (คำขึ้นต้นประโยคคำถาม) เช่น Il habite où? = Où est-ce qu'il habites? เขาอยู่ที่ไหน, Tu vas où en vacances? เธอไปเที่ยวพักร้อนที่ไหน | quel, quelle, quelles | |m/pl. quels, f. quelle, f/pl. quelles| ประเภทไหน, ชิ้นไหน (คำขึ้นต้นประโยคคำถาม) เช่น Il aime quel film? = Quel film est-ce qu'il aime? หนังประเภทไหนที่เขาชอบ | fils | (n) le, = ลูกชาย ตัวอย่างเช่น il est fils unique = เขาเป็นลูก(ชาย)คนเดียว, Ant. fille | avoir besoin de | (phrase) มีความต้องการ Il a besoin d'une nouvelle voiture. = เขาต้องการรถคันใหม่ | moins | (adv) น้อยกว่า(ใช้เปรียบเทียบของสองสิ่ง ใช้คู่กับ que) เช่น Il est moins riche que moi. เขารวยกว่าฉัน | aussi | (adv) เท่ากับ(ใช้เปรียบเทียบของสองสิ่ง ใช้คู่กับ que) เช่น Il est aussi grand que moi. เขาสูงเท่ากับฉัน | plus | (adv) มากกว่า(ใช้เปรียบเทียบของสองสิ่ง ใช้คู่กับ que) เช่น Il dépense plus que moi. เขาใช้เงินมากกว่าฉัน | bien | (adv) ดี (คล้ายกับคำว่า well ในภาษาอังกฤษ) เช่น Il travaille bien. เขาทำงานได้ดี, Ant. mal | soutenir | (vi, vt) |je soutiens, tu soutiens, il soutient, nous soutenons, vous soutenez, ils soutiennent| ค้ำจุน สนับสนุน เช่น il soutient que ce n\'est pas possible. เขาสนับสนุนในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ | montagne | (n) |f| ภูเขา, เทือกเขา | fisc | (n) |m| กรมสรรพากร เช่น Il a fait une fausse déclaration d'impôts, mais ça lui coûtera cher d'avoir voulu frauder le fisc. = เขาได้ประเมินอากรผิดจากความจริง แต่เรื่องนี้จะแพงสำหรับเขาในการโกงสรรพากร (มาจากพจนานุกรมดวงกมล); agent du fisc เจ้าหน้าที่กรมสรรพากร |
| |
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |