Search result for

*ไม่สงบ*

   
Languages
Dictionaries languages






Chinese Phonetic Symbols


ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: ไม่สงบ, -ไม่สงบ-
Some results are hidden.
configure
Dictionaries languages






Chinese Phonetic Symbols


Thai-English: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]
ผู้ก่อความไม่สงบ(n) agitator, See also: instigator, troublemaker, firebrand, rabble-rouser, stirrer, Syn. ผู้ก่อกวน, Example: แผนนี้เป็นน้ำมือของผู้ก่อความไม่สงบที่กำลังพยายามจะโค่นรัฐบาล, Count Unit: คน, กลุ่ม, Thai Definition: บุคคลที่ก่อให้เกิดความรำคาญหรือความวุ่นวายให้เกิดขึ้น

ไทย-ไทย: พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ [with local updates]
ก่อกวนก. ก่อให้เกิดความรำคาญหรือไม่สงบ.
ผู้ก่อการร้ายน. บุคคลที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลและพยายามก่อความไม่สงบขึ้นในที่ต่าง ๆ.
ฟุ้งซ่านก. ไม่สงบ, พล่านไป, ส่ายไป, (ใช้แก่จิต).
ระส่ำระสายวุ่นวาย, เกิดความไม่สงบ, เช่น บ้านเมืองระส่ำระสาย.
วุ่นวายไม่สงบ เช่น บ้านเมืองวุ่นวายเกิดจลาจลไปทุกหนทุกแห่ง.
วุ่นวายน. ความไม่สงบ เช่น เกิดวุ่นวายไปทั่วบ้านทั่วเมือง.
แหย่เย้า, ทำให้เกิดความรำคาญหรือไม่สงบอยู่ได้

อังกฤษ-ไทย: ศัพท์บัญญัติราชบัณฑิตยสถาน [เชื่อมโยงจาก orst.go.th แบบอัตโนมัติและผ่านการปรับแก้]
levying warการมั่วสุมเพื่อก่อความไม่สงบ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
rebellionการกบฏ, การก่อความไม่สงบ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
restlessness; uneasiness; unrestความไม่สงบ, ความกระสับกระส่าย, ความทุรนทุราย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
agitationภาวะกายใจไม่สงบ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
civil disorderการก่อความไม่สงบ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
civil disorderการก่อความไม่สงบ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]
disorder, civilการก่อความไม่สงบ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
unrest; restlessness; uneasinessความไม่สงบ, ความกระสับกระส่าย, ความทุรนทุราย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
unrestความไม่สงบ [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔]
uneasiness; restlessness; unrestความไม่สงบ, ความกระสับกระส่าย, ความทุรนทุราย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔]
unrestความไม่สงบ [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕]

อังกฤษ-ไทย: คลังศัพท์ไทย โดย สวทช.
Insurgencyการก่อความไม่สงบ [TU Subject Heading]
Gorbachev doctrineนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต]
Political Offensesความผิดทางการเมือง หลักการข้อหนึ่งของการส่งตัวผู้กระทำความผิดไปให้อีก ประเทศหนึ่ง หรือที่เรียกว่าการส่งผู้ร้ายข้ามแดน คือ ผู้ที่กระทำผิดทางการเมืองจะถูกส่งข้ามแดนไปให้อีกประเทศหนึ่งไม่ได้เป็นอัน ขาด แต่อย่างไรก็ดี มีปัญหาในปฏิบัติคือว่า จะแยกความแตกต่างกันอย่างไรระหว่างความผิดทางการเมือง กับที่มิใช่ด้วยเหตุผลทางการเมือง นักวิชาการบางท่านนิยามความหมายของคำว่าความผิดทางการเมืองไว้ว่า คือ ความผิดฐานกบฏ (Treason) ซึ่งในกฎหมายของหลายประเทศหมายถึงการประทุษร้าย หรือพยายามประทุษร้ายต่อประมุขของประเทศ หรือช่วยฝ่ายศัตรูทำสงครามกับประเทศของตน ความผิดฐานปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบภายในประเทศ (Sedition) หรือการประกอบจารกรรม (Espionage) อันเป็นการคุกคามต่อความั่นคงหรือต่อระบบการปกครองของประเทศผู้ร้องขอ (หมายถึงประเทศที่ร้องขอให้ส่งตัวผู้กระทำผิดไปให้ในลักษณะผู้ร้ายข้ามแดน) ไม่ว่าจะกระทำโดยคนเดียวหรือหลายคนก็ตาม [การทูต]

Thai-English-French: Volubilis Dictionary 1.0
ความไม่สงบ[khwām mai sa-ngop] (n) EN: unrest
ก่อความไม่สงบ[kø khwām mai sa-ngop] (v, exp) EN: cause unrest
ไม่สงบ[mai sa-ngop] (adj) EN: restive  FR: agité

English-Thai: NECTEC's Lexitron-2 Dictionary [with local updates]
convulsion(n) ความชุลมุนวุ่นวาย, See also: ความไม่สงบ, Syn. disturbance, outbreak
discomposure(n) ความวุ่นวาย, See also: ภาวะที่ถูกก่อกวน, ความไม่สงบ, Syn. disorder, pertubation
disorder(vt) ทำให้วุ่นวาย, See also: ทำให้สับสน, ทำให้ไม่สงบ, ทำให้ยุ่งเหยิง, ทำให้โกลาหล, Syn. disorganize, disarray, Ant. organize, arrange
disturbance(n) การรบกวน, See also: การทำให้ไม่สงบ
fluster(vt) ทำให้ปั่นป่วน, See also: ก่อกวน, กวน, ทำให้ไม่สงบ, Syn. upset, confuse, agitate, Ant. calm, soothe
incendiary(adj) เกี่ยวกับการวางเพลิง, See also: ซึ่งลอบวางเพลิง, ซึ่งก่อความไม่สงบ
mutinously(adv) ซึ่งก่อการจลาจล, See also: ซึ่งก่อความไม่สงบ
riot(n) การจลาจล, See also: การก่อความไม่สงบ, Syn. disturbance, disorder, turmoil
riot(vi) ก่อการจลาจล, See also: ก่อความไม่สงบ, Syn. rampage, revolt
riser(n) ผู้ลุกขึ้น, See also: ผู้ก่อความไม่สงบ
sedition(n) การปลุกระดมฝูงชนให้ต่อต้านรัฐบาล, See also: การช่วยก่อความไม่สงบ, คำพูดปลุกระดม, การสนับสนุนพวกกบฏ, Syn. rebellion, revolt, revolution, agitation
seditious(adj) ซึ่งก่อความไม่สงบ, See also: ซึ่งปลุกระดม
unrest(n) สถานการณ์ที่ไม่สงบ
unsettled(adj) ไม่สงบ, Syn. excited, furious, Ant. calm, relaxed
upheaval(n) ความวุ่นวาย, See also: ความไม่สงบ, Syn. disruption, disorder, turmoil

English-Thai: HOPE Dictionary [with local updates]
agitate(แอจ' จิเทท) vt., vi. เขย่า, ทำให้ปั่นป่วน, ทำให้ไม่สงบ, ปลุกเร้า, ปลุกปั่น, ก่อกวน.
disquietn. ความไม่สงบ, ความกังวล, ความกระสับกระส่าย.vt. ทำให้ไม่สงบ, ทำให้กังวล, ทำให้กระสับกระส่าย., See also: disquietedly adv. disquietly adv., Syn. uneasiness
disquietude(ดิสไคว'อิทด) n. ภาวะที่ไม่สงบ
disturbance(ดิสเทิร์บ'เบินซฺ) n. การรบกวน, การทำให้ไม่สงบ, การทำให้ยุ่ง, การทำให้ลำบาก, สิ่งที่รบกวน, ความไม่สงบ, Syn. row, disorder
emeu(อี'มู) n. จลาจล, ความไม่สงบ -pl. emeutes
ferment(เฟอ'เมินทฺ) n. เชื้อหมัก, เชื้อฟู, เอนไซม์ (enzyme) , การหมัก, การบูด, การเร่ง, ความไม่สงบ, ความสับสนอลหม่าน vt. (เฟอเมนทฺ') หมัก, ปลุกปั่น, กระตุ้น. vi. เกิดการหมัก, เกิดการบูด, มีอารมณ์ตื่นเต้น, เกิดความอลหม่าน., See also: fermentability n. -fermentable adj.
firebrandn. ไม้หรือวัตถุที่กำลังติดไฟ, ผู้ก่อความไม่สงบหรือการทะเลาะวิวาท, ผู้ปลุกระดม, ผู้มีความกระฉับกระเฉงอย่างมาก
incendiary(อินเซน' เดียรี) adj. เกี่ยวกับวัตถุระเบิดที่ลุกไหม้เมื่อระเบิด, เกี่ยวกับการลอบวางเพลิง, เกี่ยวกับการวางเพลิง, ซึ่งเป็นการก่อความไม่สงบ, เป็นการก่อกวนความสงบ. -n. ผู้ลอบวางเพลิง, วัตถุระเบิด, ผู้ก่อกวนความไม่สงบ, Syn. inflammatory
public nuisancen. ผู้ก่อกวนความไม่สงบต่อชุมชน
restive(เรส'ทิฟว) adj. ว่ายาก, ดื้อรั้น, ควบคุมยาก, หัวแข็ง, กระวนกระวาย, ร้อนใจ, มีจิตใจที่ไม่สงบ, See also: restiveness n., Syn. uneasy, restraint
rioter(ไร'เอิทเทอะ) n. ผู้ก่อการจลาจล, ผู้ก่อความไม่สงบ, ผู้สำมะเลเทเมา
sedition(ซีดิช'เชิน) n. การปลุกปั่นให้ก่อความไม่สงบหรือก่อการกบฏ, การจราจล, การต่อต้านรัฐบาล, Syn. rebellion, mutiny, defiance
unrest(อัน'เรสทฺ) n. ความไม่สงบ, ความวุ่นวาย, ความกระสับกระส่าย., See also: unrestful adj.
vexatious(เวคเซ'เชิส) adj. รบกวน, ก่อกวน, ทำให้ระคายเคือง, ทำให้ทุกข์, ไม่สงบสุข., See also: vexatiously adv., Syn. harassing
yeasty(ยีส'ที) adj. ประกอบด้วยหรือคล้ายยีสต์, เป็นฟอง, อยู่ในวัยหนุ่มสาว, ร่าเริง, งอกงาม, ไร้แก่นสาร, ผิวเผิน, ไม่สงบ, See also: yeastily adv. yeastiness n.

English-Thai: Nontri Dictionary
agitate(vt) ทำให้ยุ่งยาก, ทำให้ปั่นป่วน, ทำให้ไม่สงบ, ทำให้ร้อนใจ, ทำให้ตื่นเต้น
disquiet(vt) ทำให้รำคาญ, ทำให้ไม่สงบ, รบกวน, ทำให้กระสับกระส่าย
disquietude(n) ความกังวล, ความกระสับกระส่าย, ความรำคาญ, ความไม่สงบ
disturb(vt) รบกวน, ทำให้ยุ่ง, ทำให้ไม่สงบ
disturbance(n) การรบกวน, การทำให้ยุ่ง, การทำให้ไม่สงบ
firebrand(n) ฟืนที่กำลังติดไฟ, ผู้ปลุกระดม, ผู้ก่อความไม่สงบ
incendiary(adj) ก่อให้เกิดเพลิง, ซึ่งก่อความไม่สงบ
incendiary(n) วัตถุระเบิด, ผู้ลอบวางเพลิง, ผู้ก่อความไม่สงบ
restless(adj) กระสับกระส่าย, ไม่สงบ, ร้อนใจ, ไม่อยู่กับที่
restlessness(n) ความกระสับกระส่าย, ความไม่สงบ, ความกระวนกระวาย
riot(vi) ก่อจลาจล, ก่อความอลหม่าน, ก่อความไม่สงบ
rioter(n) ผู้ก่อการจลาจล, ผู้ก่อความวุ่นวาย, ผู้ก่อความไม่สงบ
unrest(n) ความไม่สงบ, ความวุ่นวาย, ความกระสับกระส่าย
vexatious(adj) รบกวน, ก่อกวน, ไม่สงบสุข

German-Thai: Longdo Dictionary
Unruhe(n) |die, pl. Unruhen| เหตุการณ์ไม่สงบ เช่น Bei Unruhen in der usbekischen Stadt Andischan hatten Militärs wahllos in eine Menschenmenge geschossen.

add this word


You know the meaning of this word? click [add this word] to add this word to our database with its meaning, to impart your knowledge for the general benefit


Are you satisfied with the result?



Discussions

About our ads
We know you don’t love ads. But we need ads to keep Longdo Dictionary FREE for users. Thanks for your understanding! Click here to find out more.
Go to Top