คว้า | (v) win, See also: gain, Syn. ได้มา, ได้, Example: พรรคได้รับความสำเร็จเกินคาดเมื่อสามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งเที่ยวนี้ถึง 5 เขตเลือกตั้ง |
คว้า | (v) seize, See also: grab, grasp, clutch, snatch, Syn. ฉวย, จับ, Ant. ปล่อย, Example: ผู้ใหญ่ควรจะวางยาให้พ้นมือเด็ก เพื่อที่เด็กจะได้ไม่ไปคว้ายามากินโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์, Thai Definition: ยื่นมือไปจับหรือฉวยมาโดยเร็ว |
ว้าก | (v) blame, Syn. ดุ, ตำหนิ, Example: ี้เขาโดนเจ้านายว้ากแต่เช้าเลย, Thai Definition: ว่ากล่าวโดยใช้เสียงดัง, Notes: (ปาก) |
ว้าก | (int) onomatopoeia of children's cry; loud cry, Syn. หวาก, Thai Definition: เสียงร้องดังๆ อย่างเสียงเด็กร้อง |
ว้าง | (v) be spacious, See also: be empty, be vast, be immense, Syn. เปล่าว่าง, ว้างเวิ้ง, โล่ง |
ว้าย | (int) exclamation of woman user to express fear or fright, See also: Oh, no!, Gracious!, Example: ว้าย! คุณมาทำอย่างนี้ได้ยังไง, Thai Definition: เสียงอุทานหรือร้องด้วยความกลัว โดยมากเป็นเสียงผู้หญิง |
ว้าว | (int) wow!, Example: ว้าว! อะไรจะปานนั้น, Thai Definition: คำอุทานอย่างชาวตะวันตกแสดงความตื่นเต้นสะใจ, Notes: (อังกฤษ) |
เว้า | (v) speak, See also: talk, say, Syn. พูด, Example: เขาเว้าจนได้ความรู้เพิ่มเติมอีกมากมาย, Notes: (ถิ่นอีสาน) |
เว้า | (adj) concave, See also: indented, curving inward, Example: เขาหวังที่จะได้เห็นเห็นส่วนโค้ง ส่วนเว้าของผู้เข้าประกวด, Thai Definition: ที่มีเส้นรูปนอกหรือพื้นราบโค้งหรือบุ๋มเข้าไป |
เว้า | (v) be concave, See also: be curved in, be dented, Example: ปลาทูน่าครีบหางจะกว้าง แต่เว้าลึกเป็นรูปคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว, Thai Definition: มีเส้นรูปนอกหรือพื้นราบโค้งหรือบุ๋มเข้าไป |
กว้าง | (adv) widely, See also: broadly, Example: ในการมองชนบทไทยควรจะมองให้กว้าง เพราะเป็นแหล่งชนบทที่สำคัญของโลกที่เราหลงลืมกันไป |
กว้าง | (v) be wide, See also: be broad, be vast, Syn. กว้างขวาง, Ant. แคบ, คับแคบ, Example: ถนนในหมู่บ้านกว้างมาก |
กว้าง | (n) width, See also: broad, extensiveness, Syn. ด้านกว้าง, Ant. ยาว, Example: ที่ดินผืนนี้มีด้านกว้างเท่าไหร่, Thai Definition: ด้านที่คู่กับด้านยาว |
กว้าน | (v) wind, See also: haul up (by a capstan), Syn. ยก, Example: ลูกเรือกว้านสมอเรือขึ้น |
กว้าน | (v) haul up, See also: wind, Syn. ยก, Example: รถถังสี่คันถูกกว้านขึ้นมาจากท้องเรือ |
กว้าน | (v) haul, See also: haul up, Syn. ยก, รวบ, Example: ชาวประมงกว้านอวนปลาจากทะเล |
ขว้าง | (v) pitch, See also: throw, hurl, cast, fling, dash, toss, Syn. ซัด, ขว้างปา, เขวี้ยง, เหวี่ยง, ปา, Example: นักเบสบอลคนนี้ขว้างลูกได้เก่งมาก, Thai Definition: เอี้ยวตัวเบี่ยงแขนไปทางหลังแล้วซัดสิ่งที่อยู่ในมือออกไปโดยแรง |
คว้าง | (adv) aimlessly, See also: randomly, Syn. เคว้งคว้าง, คว้างเคว้ง, Example: เรือลอยคว้างอยู่กลางแม่น้ำ, Thai Definition: อาการที่หมุนหรือลอยไปตามกระแสลมและน้ำเป็นต้นอย่างไม่มีจุดหมายหรือไม่มีที่ยึดเหนี่ยว เช่น ลอยคว้าง หมุนคว้าง |
คว้าน | (v) core, See also: gut, eviscerate, disembowel, Syn. ควัก, แขวะ, Example: สัตวแพทย์กำลังคว้านไส้หมูให้ดูเป็นตัวอย่าง, Thai Definition: เอาสิ่งมีคมแหวะให้กว้าง, แหวะให้เป็นช่องเพื่อเอาส่วนข้างในออก |
คว้าน | (v) core, See also: scoop out, remove, Syn. ควัก, แขวะ, Example: คุณครูกำลังสอนให้นักเรียนคว้านผลไม้, Thai Definition: เอาสิ่งมีคมแหวะให้กว้าง, แหวะให้เป็นช่องเพื่อเอาส่วนข้างในออก |
คว้าน | (v) enlarge, See also: broaden, widen, expand, Example: ช่างเสื้อคว้านรูให้กว้างพอเหมาะกับขนาดของกระดุม, Thai Definition: ทำให้กว้าง |
กว้างๆ | (adv) extensively, See also: comprehensively, not specifically, Ant. แคบ, Example: ครูพูดสรุปอย่างกว้างๆ ส่วนรายละเอียดให้นักเรียนไปค้นคว้าด้วยตัวเอง |
ขว้างกา | (n) a wooden weapon sharpened at both ends, Thai Definition: เรียกไม้ชนิดหนึ่งที่เสี้ยมหัวท้ายให้แหลมใช้เป็นอาวุธ |
ขว้างปา | (v) throw, See also: hurl at, Syn. ขว้าง, ปา, เขวี้ยง, Example: ผู้ชุมนุมขว้างปาก้อนหินใส่ตำรวจ |
ค้นคว้า | (v) research, See also: dig into, study intensively, search, Example: เขากำลังค้นคว้าเรื่องโรคมะเร็งที่ตา เพราะกำลังเป็นที่สนใจอยู่ในขณะนี้, Thai Definition: หาเอามา, สืบสาวหามา |
วงกว้าง | (n) wide area, Ant. วงแคบ, Example: สื่อมวลชนนำข้อมูลต่างๆ มาเปิดเผยให้ทราบกันในวงกว้างเพื่อประโยชน์ต่อไป, Thai Definition: ขอบเขตอันกว้างขวาง |
ว้าเหว่ | (v) feel lonely, See also: feel lonesome, be forlorn, be friendless, Syn. เปล่าเปลี่ยว, Example: เมื่อมาอยู่กับพ่อ น้อยยิ่งเหงาและว้าเหว่มากกว่าเดิมเสียอีก, Thai Definition: รู้สึกเปลี่ยวใจ |
เว้าวอน | (v) beg, See also: implore, entreat, beseech, Syn. วิงวอน, ขอร้อง, อ้อนวอน, ว่าวอน, Example: ภรรยาเว้าวอนให้สามีพาไปเที่ยวในวันหยุดนี้ |
ใจกว้าง | (v) be generous, See also: be high-minded, be broad-minded, be charitable, be liberal, be magnanimous, be benevolent, , Syn. ใจอารี, เอื้อเฟื้อ, เมตตากรุณา, Ant. ใจแคบ, Example: ผู้ใหญ่ควรจะใจกว้าง ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ที่อ่อนวัยกว่า, Thai Definition: มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ |
ใจกว้าง | (adj) generous, See also: broad-minded, openhanded, freehanded, lenient, magnanimous, Syn. ใจอารี, เอื้อเฟื้อ, เมตตากรุณา, Ant. ใจแคบ, Example: ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจกว้างยอมฟังความเห็นจากคนรุ่นใหม่เสมอ |
กว้างไกล | (adj) widespread, See also: wide, panorama-viewed, Syn. กว้าง, Example: ห้องโถงใหญ่ติดผนังกระจกใสเห็นทัศนียภาพภายนอกกว้างไกลทีเดียว |
การขว้าง | (n) throwing, See also: cast, fling, Syn. การโยน, การปา, Example: การขว้างปาสิ่งของของผู้ชุมนุมประท้วงก่อให้เกิดความเสียหายในทรัพย์สินอย่างมาก |
การคว้าน | (n) coring, See also: reaming, Syn. การแขวะ, Example: คนญี่ปุ่นนิยมการฆ่าตัวตายโดยการคว้านท้อง |
ขันกว้าน | (v) turn a capstan, Thai Definition: ฉุดด้วยกว้าน |
คว้าไขว่ | (v) grasp at, See also: grip, Syn. ไขว่คว้า, Example: ทุกคนต่างแย่งกันคว้าไขว่ลูกโป่งในอากาศ, Thai Definition: ยื่นมือไปจับหรือฉวยมาโดยเร็ว |
ปากกว้าง | (n) broadbill, See also: a kind of water snake, Count Unit: ตัว, Thai Definition: ชื่องูน้ำชนิด Homalopsis buccata ในวงศ์ Colubridae กินปลาเป็นอาหาร มีพิษอ่อนมาก |
ปากกว้าง | (n) broadbill, See also: a kind of water snake, Count Unit: ตัว, Thai Definition: ชื่องูน้ำชนิด Homalopsis buccata ในวงศ์ Colubridae กินปลาเป็นอาหาร มีพิษอ่อนมาก |
ลอยคว้าง | (v) float, See also: adrift, Syn. ลอยเคว้ง, ลอยเคว้งคว้าง, Ant. จมลง, จมดิ่ง, Example: ดอกหญ้าลอยคว้างไปตามสายลมอย่างไร้จุดหมายเหมือนกับชีวิตของฉัน, Thai Definition: ลอยไปตามกระแสลมหรือกระแสน้ำอย่างไม่มีจุดหมายหรือไม่มีที่ยึดเหนี่ยว |
วี้ดว้าย | (int) shriek, See also: scream, Example: ทันทีที่ฝรั่งคนนั้นล้มลง ผู้หญิงก็ร้องวี้ดว้ายทันที, Thai Definition: เสียงกรีดร้องของผู้หญิง |
วี๊ดว้าย | (adv) screamingly, Syn. ร้องวี้ดว้าย, Example: ทันทีที่ฝรั่งคนนั้นล้มลง ผู้หญิงก็ร้องวี้ดว้าย ผู้ชายก็ลุกฮือขึ้น, Thai Definition: เสียงหญิงร้องด้วยความตกใจ |
อ้างว้าง | (v) isolate, See also: seclude, Syn. ว้าเหว่, เปล่าเปลี่ยว, เหงาหงอย, โดดเดี่ยว, Example: ชายชรารู้สึกอ้างว้างและวังเวงอย่างที่สุดที่ถูกปล่อยให้ต้องผจญกับฝูงชนที่ไม่เคยพบเจอ |
ไขว่คว้า | (v) grab, See also: seize, clutch, Example: คนที่จมน้ำจะพยายามไขว่คว้าหาสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด, Thai Definition: เอื้อมมือฉวยเอา, พยามจับหรือถือเอา |
กระจกเว้า | (n) concave lens, Example: กล้องโทรทรรศน์ชนิดสะท้อนแสงใช้กระจกเว้าซึ่งมีความโค้งเป็นรูปพาราโบลาแทนเลนส์ใกล้วัตถุสำหรับสะท้อนแสงเข้า, Thai Definition: วัตถุที่มีผิวมัน ลักษณะกลีบบัวหงายสามารถสะท้อนแสงให้เกิดภาพจริงหัวกลับได้บนจอที่ขวางรับแสงสะท้อน |
กว้างขวาง | (v) be well-known, See also: be famous, Example: เขากว้างขวางมากในแถบนี้ ใครๆ ก็รู้จัก, Thai Definition: รู้จักคนมากและมีคนรู้จักมาก |
กว้างขวาง | (adj) liberal, See also: open-minded, Syn. เผื่อแผ่, Example: กำนันเป็นคนมีจิตใจกว้างขวางใครๆ ก็นิยมชมชอบ |
กว้างขวาง | (v) be broad, See also: be vast, be large, Syn. กว้าง, Ant. แคบ, คับแคบ, Example: เนื้อที่สำหรับปลูกข้าวในจังหวัดอยุธยากว้างขวางมาก |
กว้างใหญ่ | (v) be roomy, See also: be wide, be spacious, Syn. กว้าง, กว้างขวาง, Ant. คับแคบ, Example: เราสามารถสำรวจได้เท่านี้เอง เพราะพื้นที่มันกว้างใหญ่มาก ไม่สามารถสำรวจได้หมด |
กว้างใหญ่ | (adj) vast, See also: large, immense, Syn. กว้าง, กว้างขวาง, Ant. คับแคบ, Example: ภายใต้ผืนน้ำอันกว้างใหญ่ของแม่น้ำโขงมีปลาบึกอาศัยอยู่ |
กว้านซื้อ | (v) corner, See also: buy up, make a rush-purchase of, Syn. รวบ, Example: นักลงทุนกว้านซื้อหุ้นของบริษัททอผ้า |
ขว้างจักร | (n) discus throwing, Example: เขาเป็นนักกีฬาขว้างจักรทีมชาติ, Thai Definition: กรีฑาประเภทลานอย่างหนึ่ง ผู้แข่งขันจะต้องยืนอยู่ในวงเขตที่กำหนด แล้วขว้างจานไม้กลมตรงกลางนูนทั้ง 2 ข้างออกไปให้ไกลที่สุด |
กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ | น. กฎหมายที่วางหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการสืบราชสมบัติ. |
กฎหมายระหว่างประเทศ | น. หลักกฎหมายหรือหลักปฏิบัติที่ยอมรับกันว่าด้วยรัฐและความเกี่ยวพันระหว่างรัฐ รวมทั้งความเกี่ยวพันระหว่างรัฐกับองค์การระหว่างประเทศและประชาคมระหว่างประเทศ. |
กระจกเว้า | น. วัตถุที่มีผิวมัน ลักษณะกลีบบัวหงาย สะท้อนแสงให้เกิดภาพจริงหัวกลับได้บนจอที่ขวางรับแสงสะท้อน. |
กระดาษว่าว | น. กระดาษที่ใช้ทำว่าว เป็นกระดาษที่เหนียวและไม่โปร่ง ลมรั่วไม่ได้ เดิมใช้กระดาษที่สั่งมาจากเมืองจีน ต่อมาใช้กระดาษจากญี่ปุ่น. |
กระเบื้องว่าว | น. กระเบื้องสำหรับมุงหลังคารูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ทำด้วยปูนซีเมนต์ ทราย และน้ำ, กระเบื้องขนมเปียกปูน กระเบื้องหน้าวัว หรือ กระเบื้องหน้างัว ก็เรียก. |
กระปรอกว่าว | ดู กระแตไต่ไม้ ๒. |
กระว่า | น. ชื่อนกชนิดหนึ่ง เช่น เสียงนกกระว่ามาตีลาน นกกรงหงส์ห่านร้องขานคู่ (มโนห์รา). |
กระหว่า | ว. ราวกับว่า เช่น หน้าตาหัวอกรกเป็นขน ดูสง่ากระหว่าคนหรือนนทรี (มโนห์รา), ปักษ์ใต้ว่า หวา. |
กระเหว่า | (-เหฺว่า) น. นกดุเหว่า เช่น กระเหว่าเสียงเพราะแท้ แก่ตัว (โลกนิติ), กาเหว่า ก็ว่า. (ดู ดุเหว่า). |
กว่า | (กฺว่า) ว. เกิน เช่น กว่าสิบบาท ร้อยกว่า |
กว่า | เป็นคำใช้เปรียบเทียบแสดงความยิ่งหรือหย่อนต่อ เช่น มากกว่า น้อยกว่า ดีกว่า. |
กว่า | (กฺว่า) บ. เลยไป, พ้นไป. |
กว่า | (กฺว่า) สัน. ก่อน, ยังไม่ทัน, เช่น กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้, มักใช้เข้าคู่กับคำ จะ...ก็ เป็น กว่าจะ...ก็ หรือ กว่า...จะ...ก็, โบราณใช้ว่า ยิ่ง ก็มี เช่น ใจกว่าห้วงอรรณพ (ม. คำหลวง นครกัณฑ์). |
กว่า | (กฺว่า) ก. ไปจาก เช่น แทบทางที่จะกว่า (ม. คำหลวง จุลพน), ผิออกนางธจะกว่า (ม. คำหลวง กุมาร), ไป เช่น ลํ๋ตายหายกว่า (จารึกสยาม). |
กว่าชิ่น, กว่าชื่น | ว. ไปทั้งสิ้น, ยิ่งนัก, เช่น ข้าเห็นร่มชมพูตรูรัตนพิศาล ตรงตระการกว่าชื่นแล (ม. คำหลวง ทศพร). |
กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้ | ว. กว่าจะได้ผลดังประสงค์ ก็ต้องเสียอย่างใดอย่างหนึ่งไป ดุจเอาถั่วกับงามาคั่วพร้อมกัน กว่าจะคั่วจนถั่วสุก งาก็จะไหม้หมดไปก่อน. |
กว่าเพื่อน | ว. ที่สุดในหมู่ เช่น ดีกว่าเพื่อน เลวกว่าเพื่อน. |
กว่าง | (กฺว่าง) น. ชื่อแมลงพวกด้วงหลายชนิดหลายสกุล ในวงศ์ Scarabaeidae ตัวผู้มีเขาที่หลังอก ตัวเมียไม่มีเขา เช่น ชนิด Xylotrupes gideon Linn. ตัวผู้ที่มีขนาดใหญ่เรียกว่า กว่างโซ้งหรือกว่างชน มีเขาที่หลังอกยื่นยาวเป็นจะงอยเรียวไปทางด้านหน้าและโค้งลง ตรงปลายเป็น ๒ แฉก กับที่หัวมีเขาเล็กยื่นออกไปเป็นเขาเดี่ยว โค้งขึ้นคล้ายนอแรด แต่ปลายแยกเป็น ๒ แฉก ตัวผู้ที่มีขนาดย่อมมีเขาสั้นเรียก กว่างกิหรือกว่างแซม ตัวเมียไม่มีเขาเรียก กว่างแม่หรือกว่างอีลุ่ม. |
กว้าง | (กฺว้าง) น. ด้านสั้นที่คู่กับด้านยาว. |
กว้าง | (กฺว้าง) ว. ไม่แคบ, แผ่ออกไป. |
กว้างขวาง | ก. แผ่ออกไปมาก, ใหญ่โต, เช่น มีเนื้อที่กว้างขวาง |
กว้างขวาง | เผื่อแผ่ เช่น มีนํ้าใจกว้างขวาง, รู้จักคนมากและมีคนรู้จักมาก เช่น กว้างขวางในสังคม. |
กว้างใหญ่ | ก. แผ่ออกไปไกล. |
กวาน, กว่าน | (กฺวาน, กฺว่าน) น. ขุนนาง เช่น แล้วบัญชาสั่งเสียพวกเพี้ยกวาน ให้ไปเชิญสองท่านแม่ทัพใหญ่ (ขุนช้างขุนแผน), เพลี้ยกว่านบ้านท้าวไข้ ข่าวสยวน (ยวนพ่าย). |
กว้าน ๑ | (กฺว้าน) น. ตึกแถวชั้นเดียว ส่วนใหญ่เป็นร้านค้า, มักใช้เข้าคู่กับคำ ตึก เป็น ตึกกว้าน เช่น เรือนริมรัถยาฝากระดาน ตึกกว้านบ้านขุนนางนองเนือง (อิเหนา). |
กว้าน ๒ | (กฺว้าน) น. เครื่องสำหรับฉุด ดึง และยกของหนัก. |
กว้าน ๒ | (กฺว้าน) ก. ฉุดด้วยกว้าน, ขันกว้าน ก็เรียก |
กว้าน ๒ | รวบรวมซื้อจากที่ต่าง ๆ มาไว้เป็นจำนวนมาก เช่น กว้านสินค้ามากักตุนไว้ กว้านซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร. |
กว๊าน | (กฺว๊าน) น. บึงขนาดใหญ่. |
กว้าว | (กฺว้าว) ดู ขว้าว. |
กัลเว้า | (กันเว้า) ว. พูดอ่อนหวาน, พูดเอาใจ, เช่น ก็มีพระราชโองการอนนกัลเว้า (ม. คำหลวง มหาราช). |
กาเหว่า | ดู ดุเหว่า. |
กำขี้ดีกว่ากำตด | ก. ได้บ้างดีกว่าไม่ได้อะไรเลย. |
ขว้าง | (ขฺว้าง) ก. เอี้ยวตัวเบี่ยงแขนไปทางหลังแล้วซัดสิ่งที่อยู่ในมือออกไปโดยแรง. |
ขว้างกา | น. เรียกไม้ชนิดหนึ่งที่เสี้ยมหัวท้ายให้แหลมใช้เป็นอาวุธ. |
ขว้างข้าวเม่า | น. ประเพณีอย่างหนึ่ง เอามะพร้าวทั้งผลโยนไปยังที่เขากำลังทำข้าวเม่ากันอยู่ เพื่อแสดงว่าเอามะพร้าวมาขอแลกข้าวเม่าไปกินบ้าง. |
ขว้างงูไม่พ้นคอ | ก. ทำอะไรแล้วผลร้ายกลับมาสู่ตัวเอง. |
ขว้างจักร | (-จัก) น. กรีฑาประเภทลานอย่างหนึ่ง ผู้แข่งขันจะต้องยืนอยู่ในวงเขตที่กำหนด แล้วขว้างจานไม้กลมตรงกลางนูนทั้ง ๒ ข้างออกไปให้ไกลที่สุด. |
ขว้างค้อน | น. ชื่องู ๒ ชนิด คือ งูกะปะ [ Calloselasma rhodostoma (Boie) ] ในวงศ์ Viperidae และงูปลิง [ Enhydris plumbea (Boie) ] ในวงศ์ Colubridae ทั้ง ๒ ชนิดเมื่อตกใจจะดีดตัวแทนการเลื้อยไปได้ในระยะสั้น ๆ. |
ขว้าว | (ขฺว้าว) น. ชื่อไม้ต้นชนิด Haldina cordifolia (Roxb.) Ridsdale ในวงศ์ Rubiaceae ขึ้นในป่าเบญจพรรณทั่วไป ลำต้นสูงใหญ่ ใบมนรูปหัวใจ ปลายแหลม ดอกสีเหลือง คล้ายดอกกระทุ่ม แต่เล็กกว่า เนื้อไม้สีเหลือง ละเอียด ใช้ทำฝาบ้าน เครื่องเรือน เครื่องกลึง และเครื่องแกะสลัก, กว้าว ขวาว หรือ คว่าว ก็เรียก. |
ของว่าง | น. ของกินนอกเวลากินอาหารตามปรกติ มักกินในเวลาบ่าย, อาหารว่าง หรือ เครื่องว่าง ก็ว่า. |
ขันกว้าน | (-กฺว้าน) ก. ฉุดด้วยกว้าน, กว้าน ก็เรียก. |
ขึ้นชื่อว่า | ใช้เป็นคำประกอบหน้านามที่เป็นประธานหรือใช้ขึ้นต้นข้อความ เช่น ขึ้นชื่อว่าคนพาลละก็ต้องหลีกให้ห่างไกล. |
เข้าว่า | ว. เป็นสำคัญ เช่น เอามากเข้าว่า. |
ไขว่คว้า | ก. เอื้อมมือฉวยเอาอย่างสับสน, พยายามจับหรือถือเอา, คว้าไขว่ ก็ว่า. |
ค้นคว้า | ก. หาข้อมูลอย่างถี่ถ้วนตามหลักวิชา, เสาะหาเอามา. |
ควงสว่าน | (-สะหฺว่าน) ก. อาการที่หมุนเหมือนเกลียวสว่าน เช่น เครื่องบินควงสว่าน. |
ควั่งคว้าง | (คฺวั่งคฺว้าง) ว. แกว่งไปมา, กวัดแกว่ง, ไหลวน, โบราณเขียนเป็น คว่งงคว้งง ก็มี เช่น สระเหนาะน้ำคว่งงคว้งง ควิวแด (กำสรวล). |
คว้า | (คฺว้า) ก. ยื่นมือไปจับหรือฉวยมาโดยเร็ว, ลักษณะที่คล้ายคลึงเช่นนั้น เช่น ศัพท์นี้ไปคว้ามาจากไหน |
คว้า | กิริยาชักว่าวกระตุกให้หัวว่าวปักลงแล้วช้อนขึ้นไปทางใดทางหนึ่งตามความต้องการ เช่น ว่าวจุฬากับว่าวปักเป้าคว้ากัน. |
Educational Technology | เทคโนโลยีการศึกษา, การประยุกต์เอาระเบียบวิธีการ แนวความคิดต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนผลิตผลอันเกิดจากผลของวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษาให้กว้างขวางยิ่งขึ้น [เทคโนโลยีการศึกษา] |
General Material Designation | คำระบุประเภทวัสดุอย่างกว้าง ๆ [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] |
Reference librarian | บรรณารักษ์บริการตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า, Example: Reference librarian หมายถึง บรรณารักษ์บริการตอบคำถามและช่วยการค้นคว้า มีหน้าที่ให้บริการตอบคำถามและช่วยการค้นคว้าหาคำตอบที่ผู้ใช้ห้องสมุดต้องการ และช่วยให้ผู้ใช้ห้องสมุดได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากหนังสือและวัสดุต่าง ๆ ของห้องสมุด <p> คุณสมบัติของบรรณารักษ์บริการตอบคำถามฯ <p> ศาสตราจารย์คุณหญิงแม้นมาศ ชวลิต ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับคุณสมบัติที่ดีของบรรณารักษ์บริการตอบคำถามฯ ไว้ดังนี้ <p> - มีความรู้เกี่ยวกับหนังสืออ้างอิงเป็นอย่างดี มีความเข้าใจและคุ้นเคยกับแหล่งความรู้ที่มีอยู่ในห้องสมุด <p> - มีมนุษยสัมพันธ์อันดี <p> - มีความสนใจในวิชาการต่างๆ หมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ <p> - มีความอดทน พากเพียร <p> - มีไหวพริบดีในการรวบรวม วิเคราะห์ปัญหาว่าอยู่ในแนวใด ควรหาคำตอบจากแหล่งใด <p> - มีความจำดี <p> - มีจินตนาการดี รู้จักการยืดหยุ่น ไม่ฝังความคิดไว้ในด้านเดียว <p> - ช่างสังเกต รอบคอบ <p> - ตัดสินใจดี รู้จักเลือกแหล่งคำตอบที่เหมาะสม <p> - รู้จักวิธีการพูดคุย ซักถามอย่างเป็นกันเองกับผู้ใช้ <p> - กระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือผู้ใช้อยู่เสมอ <p> การให้บริการของบรรณารักษ์บริการตอบคำถามฯ นอกจากการให้บริการที่โต๊ะให้บริการตอบคำถามแล้ว ยังสามารถให้บริการโดยทางโทรศัพท์ โดยทางอี-เมล์ หรือโดยผ่านการสนทนาทางออนไลน์ อย่างไรก็ตาม บทบาทของบริการตอบคำถามในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ใช้ห้องสมุดสามารถใช้ Google และเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ทางออนไลน์ได้มากขึ้น ดังนั้น บรรณารักษ์บริการตอบคำถามอาจไม่ต้องตอบคำถามหรือเก็บข้อมูลมากเหมือนในอดีต แต่ควรเน้นที่การให้คำแนะนำผู้ใช้ให้รู้จักวิธีค้นคว้าหาคำตอบด้วยตนเองจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ หรือช่วยแนะนำแหล่งความรู้ที่เป็นประโยชน์เพื่อใช้ในการค้นคว้าวิจัยต่อไป [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] |
Research report | รายงานการค้นคว้าวิจัย, Example: <p>รายงานการค้นคว้าวิจัยหรือรายงานผลการวิจัย (Research Report) หมายถึง เรื่องราวที่เป็นผลจากการค้นคว้าทางวิชาการ แล้วนำมาเรียบเรียงอย่างมีระเบียบแบบแผน เรื่องราวที่นำมาเขียนรายงานต้องเป็นข้อเท็จจริง หรือความรู้ อันเกิดจากการรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการค้นคว้าที่เป็นระบบ มีลักษณะเป็นวิทยาศาสตร์ <p>วัตถุประสงค์ของรายงานการค้นคว้าวิจัย หรือรายงานผลการวิจัย ดังนี้ <p>1. เพื่อเสนอข้อเท็จจริง หรือความรู้ ที่เกิดจากการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบ อันเป็นแนวทางในการเสนอข้อมูลทางวิชาการแนวใหม่ หรือปรับปรุงข้อมูลเดิม <p>2. เพื่อพัฒนาความคิด ด้านความคิดริเริ่ม การวิเคราะห์ และการประมวลความคิดอย่างมีระบบระเบียบ ตลอดจนการถ่ายทอดความคิดเป็นภาษาเขียนที่ชัดเจน สละสลวย <p>3. เพื่อส่งเสริมการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ในการรวบรวมข้อมูลหรือประกอบการอ้างอิง อันเป็นวิธีการหาความรู้ด้วยตนเอง <p>ส่วนประกอบที่สำคัญของรายงานการค้นคว้าวิจัย ประกอบด้วย ความนำ เอกสารหรืองานวิจัยที่เกี่ยวข้อง วิธีการวิจัย ผลของการวิจัย <p>แนวทางการเขียนเนื้อเรื่องรายงานผลการวิจัย ส่วนเนื้อเรื่องถือเป็นส่วนสำคัญที่สุดของรายงานผลการวิจัย ซึ่งมีแนวทางในการเขียน คือ ความนำ การเขียนความนำเป็นการเกริ่นนำเรื่องให้ผู้อ่านได้ทราบถึงที่มาของปัญหา <p>ส่วนเนื้อหา <p>1. เริ่มด้วยการเชื่อมโยงจากส่วนนำเข้าสู่เนื้อหา <p>2. อธิบายวิธีการศึกษาเรื่องนั้น ๆ เช่น รวบรวมจากเอกสาร สัมภาษณ์ สังเกต ทดลอง เป็นต้น <p>3. เสนอหลักการ ทฤษฎี ข้อค้นพบ หรือข้อวิเคราะห์วิจารณ์ให้ชัดเจน ยกเหตุผลสนับสนุนให้หนักแน่น อ้างอิงแหล่งข้อมูลให้ถูกต้อง หากมีหลายประเด็นควรจำแนกเป็นประเด็น ๆ ไป <p>4. ให้นิยามศัพท์เฉพาะที่สำคัญ <p>5. อธิบายขยายความ ยกตัวอย่างประกอบให้เข้าใจง่าย <p>6. ใช้แผนภูมิ ภาพ ตาราง กราฟ ฯลฯ ประกอบในส่วนที่จำเป็นเพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น <p>ส่วนสรุป <p>1. สรุปเนื้อหา อาจสรุปย่อประเด็นสำคัญ เป็นข้อความหรือแผนภูมิ เพื่อให้เห็นภาพรวมของเนื้อหาอย่างชัดเจน <p>2. กล่าวย้ำจุดสำคัญหรือจุดเด่นของเนื้อหา <p>3. เสนอทรรศนะของผู้เขียน แต่ต้องระบุให้ชัดเจนว่าเป็นความคิดเห็นส่วนตัว มิใช่หลักการหรือทฤษฎีตายตัวที่ทุกคนต้องทำตาม <p>4. ชี้นำให้ผู้อ่านขบคิดพิจารณาต่อไป เพื่อให้ผู้อ่านมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาและพัฒนาวิชาการนั้น ๆ <p>บรรณานุกรม <p>สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ. คู่มือการเขียนรายงานการวิจัย. Available at : http://www.riclib.nrct.go.th/link/info/researchwrite.pdf. Accessed June 6, 2012. [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] |
Broader term | คำที่กว้างกว่า [บรรณารักษ์และสารสนเทศศาสตร์] |
พระเสลี่ยงกลีบบัว | พระเสลี่ยงกลีบบัว ทำด้วยไม้ปิดทองประดับกระจกทั้งองค์ มีคานหาม ๒ คาน ขนาดกว้าง ๐.๘๒ เมตร ยาวรวมคาน ๔.๒๐ เมตร สูง ๑.๑๐ เมตร ลำคานเป็นไม้กลมกลึงทาสีแดง ปลายกลึงเป็นหัวเม็ดทรงมัณฑ์ปิดทองประดับกระจก ใช้สำหรับพระสงฆ์พระราชคณะสงฆ์สวดนำพระโกศเวียนรอบพระเมรุ [ศัพท์พระราชพิธี] |
ธงเยาวราชใหญ่ | ธงสําหรับองค์สมเด็จพระยุพราช มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นธงมี ๒ สี รอบนอกสีขาว รอบในสีเหลืองกว้างยาวครึ่งหนึ่งของรอบนอก มีรูปพระครุฑพ่าห์สีแดงอยู่ตรงกลาง [ศัพท์พระราชพิธี] |
Aspect ratio | อัตรากว้างยาว, Example: เป็นคำที่ใช้ในงานคอมพิวเตอร์กราฟิกเพื่อใช้แสดงความสัมพันธ์ระหว่างความกว้างของภาพวัตถุเทียบกับความสูง อัตราส่วนนี้มีความสำคัญมาก เพราะจุดภาพที่ปรากฎบนจอภาพนั้นอาจจะมีระยะแนวนอนกับแนวตั้งต่างกัน ถ้าหากไม่คำนวณอัตรานี้ให้ถูกต้องเวลาเราใช้โปรแกรมวาดภาพวงกลม อาจจะได้วงรีแทนก็ได้ [คอมพิวเตอร์] |
globalization | โลกาภิวัตน์, การแพร่กระจายไปทั่วโลก; การที่ประชาคมโลกไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใด สามารถรับรู้ สัมพันธ์ หรือรับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วกว้างขวาง ซึ่งเนื่องมาจากการพัฒนาระบบสารสนเทศ เป็นต้น [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] |
globalisation | โลกาภิวัตน์, การแพร่กระจายไปทั่วโลก; การที่ประชาคมโลกไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใด สามารถรับรู้ สัมพันธ์ หรือรับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วกว้างขวาง ซึ่งเนื่องมาจากการพัฒนาระบบสารสนเทศ เป็นต้น [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] |
Neutron bomb | ลูกระเบิดนิวตรอน, ลูกระเบิดไฮโดรเจนขนาดเล็ก ออกแบบเป็นพิเศษให้มีผลทำลายน้อยที่สุดจากแรงระเบิดและความร้อนในวงจำกัดรัศมีสองร้อยถึงสามร้อยเมตร แต่มีผลในวงกว้างทำให้สิ่งมีชีวิตถึงตายได้จากอนุภาคนิวตรอนและรังสีแกมมา ลูกระเบิดนิวตรอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายรถถังและกองทหารในสนามรบโดยไม่เป็นอันตรายต่อตัวเมืองและย่านชุมชนที่อยู่ห่างออกไป <br>(ดู H-bomb ประกอบ)</br> [นิวเคลียร์] |
Mutant variety | พืชพันธุ์กลาย, พืชพันธุ์ใหม่ที่พัฒนาขึ้นจากการใช้รังสีหรือสารเคมีเหนี่ยวนำให้เกิดการกลายพันธุ์ เป็นที่ยอมรับและมีการปลูกอย่างกว้างขวาง, Example: [นิวเคลียร์] |
Mutant cultivar | พืชพันธุ์กลาย, พืชพันธุ์ใหม่ที่พัฒนาขึ้นจากการใช้รังสีหรือสารเคมีเหนี่ยวนำให้เกิดการกลายพันธุ์ เป็นที่ยอมรับและมีการปลูกอย่างกว้างขวาง [นิวเคลียร์] |
wide area network | ข่ายงานบริเวณกว้าง, ข่ายงานแวน, Example: ข่ายงานของคอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างไกลกันมาก แต่เชื่อมต่อกันได้โดยระบบโทรคมนาคม เช่น ใช้โทรศัพท์ หรือดาวเทียม [คอมพิวเตอร์] |
clinical professor | ศาสตราจารย์คลินิก, ตำแหน่งทางวิชาการที่สภามหาวิทยาลัยแต่งตั้งบุคลากรฝ่ายเวชกรรมที่มีความรู้ ความชำนาญในด้านการสอน การวิจัย การค้นคว้าทดลอง และวิธีบำบัดรักษาในภาคเวชปฏิบัติ ซึ่งมีคุณค่าทางวิชาการ [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] |
กะโหลก | น.ส่วนแข็งที่หุ้มเนื้อมะพร้าวหรือตาลเป็นต้น เรียกว่า กะโหลกมะพร้าว กะโหลกตาล, ภาชนะที่ทำด้วยกะโหลกมะพร้าวโดยตัดทางตาออกพอเป็นช่องกว้างเพื่อใช้ตักน้ำ; กระดูกที่หุ้มมันสมอง; โดยปริยายหมายความถึงวัตถุที่มีลักษณะเช่นนั้น เช่น กะโหลกหุ่นหัวโขน; เรียกพรรณไม้บางชนิด เช่น ลำไย ลิ้นจี่ ที่มีผลโต เนื้อหนากว่าปกติ เช่น ลำไยกะโหลก ลิ้นจี่กะโหลก, Example: คำที่มักเขียนผิด คือ กระโหลก [คำที่มักเขียนผิด] |
Gamma field | ไร่รังสีแกมมา, พื้นที่ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง และติดตั้งเครื่องฉายรังสีแกมมาอยู่ตรงกลาง ใช้สำหรับปลูกพืชไร่ พืชสวน ไม้ดอก และไม้ประดับ เพื่อศึกษาผลของรังสีแกมมาปริมาณต่ำที่พืชได้รับอย่างสม่ำเสมอ [นิวเคลียร์] |
โลกาภิวัตน์ | การแพร่กระจายไปทั่วโลก การที่ประชาคมโลกไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใด สามารถรับรู้ สัมพันธ์ หรือรับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วกว้างขวาง ซึ่งเนื่องมาจากการพัฒนาระบบสารสนเทศ เป็นต้น, Example: คำที่มักเขียนผิด คือ โลกาภิวัฒน์ [คำที่มักเขียนผิด] |
Broadband communication systems | ระบบการสื่อสารแถบความถี่กว้าง [TU Subject Heading] |
Cleistocalyx paniala) | หว้าส้ม (ไคลสโตคาลิกซ์ พาเนียลา) [TU Subject Heading] |
Lawa (Thai people) | ชาวละว้า [TU Subject Heading] |
Lawa language (Thailand) | ภาษาละว้า [TU Subject Heading] |
Pulse-duration modulation | การมอดูเลตแบบช่วงกว้างพัลล์ [TU Subject Heading] |
Wa (Burmese people) | ชาวว้า [TU Subject Heading] |
Wide-screen processes (Cinematography) | การถ่ายภาพยนตร์ระบบจอกว้าง [TU Subject Heading] |
Sea Notch | เว้าทะเล, Example: รอยเว้าที่มีลักษณะเป็นแนวยาว เกิดขึ้นบริเวณฐานของหน้าผาชัน ริมทะเลตอนที่อยู่ในแนวระดับน้ำขึ้นน้ำลง เกิดจากการกัดเซาะของ คลื่นและการชะละลายของหินปูน เป็นหลักฐานแสดงถึงระดับน้ำทะเล ในอดีต [สิ่งแวดล้อม] |
Exploratory Survey | การสำรวจดินแบบกว้าง, Example: การสำรวจดินที่ใช้แผนที่มาตราส่วนระหว่าง 1 : 100, 000 ถึง 1 : 250, 000 เป็นแผนที่พื้นฐานในการสำรวจในสนาม เพื่อทำเป็นแผนที่ดินมาตราส่วน 1 : 250, 000 ถึง 1 : 1, 000, 000 หรือเล็กกว่า ขอบเขตของดินใน แต่ละหน่วยที่แสดงไว้ในแผนที่ดินประเมินจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ข้อมูลธรณีวิทยา ธรณีสัณฐาน พืชพรรณ ภูมิอากาศและข้อมูลดิน จำนวนหลุมเจาะต่อพื้นที่ไม่ได้กำหนดไว้ แผนที่ดินแบบนี้นำปไช้ประโยชน์ในการวางแผนพัฒนาระดับชาติ [สิ่งแวดล้อม] |
Hoist Truck | รถกว้านถังขยะ [สิ่งแวดล้อม] |
Hoist Truck System | ระบบรถกว้านถังขยะ, Example: ระบบรวบรวมขยะโดยใช้รถกว้านยกถังขยะจากจุด กำเนิดขยะไปยัง สถานีขนถ่ายขยะหรือสถานีกำจัดขยะ [สิ่งแวดล้อม] |
Asia Cooperation Dialogue | ความร่วมมือเอเชีย เวทีความร่วมมือในระดับทวีปเอเชีย โดยเป็นความคิดริเริ่มของไทยในการสร้างกรอบความร่วมมือที่ครอบคลุมทุกอนุ ภูมิภาคของเอเชีย มีวัตถุประสงค์ที่จะเชื่อมโยงจุดแข็งและต่อยอดความร่วมมือต่าง ๆ ของประเทศเอเชีย โดยอาศัยความแตกต่างหลากหลายและทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ซึ่งเอเชียมีอยู่มา ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมุ่งสร้างความร่วมมือในวงกว้างทั้งทวีปเอเชีย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน ซึ่งจะทำให้ภูมิภาคเอเชียแข็งแกร่งและเป็นหุ้นส่วนที่เข้มแข็งสำหรับภูมิภาค อื่น ๆ เอซีดีได้มีการประชุมครั้งแรกเมื่อ 18-19 มิถุนายน 2545 โดยมีผู้แทนระดับรัฐมนตรีจาก 18 ประเทศเข้าร่วม ที่ประชุมได้แบ่งกรอบความร่วมมือเป็น 2 มิติ ได้แก่ มิติการหารือ (dialogue dimension) และมิติโครงการความร่วมมือ (project dimension) เช่น การท่องเที่ยว ความมั่นคงทางพลังงาน และการพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Market) [การทูต] |
Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong Economic Cooperation Strategy | ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ อิระวดี ? เจ้าพระยา ? แม่โขง ACMECS หรือชื่อเดิม ยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัมพูชา ลาว พม่า และไทย (ECS : Economic Cooperation Strategy among Cambodia, Lao PDR, Myanmar and Thailand) คือ กรอบความร่วมมือระหว่าง 5 ประเทศ คือ กัมพูชา ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม ACMECS เป็นแนวคิดที่ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้หยิบยกขึ้นหารือกับผู้นำกัมพูชา ลาว และพม่า ในช่วงการประชุมผู้นำอาเซียนสมัยพิเศษว่าด้วยโรค SARS เมื่อ 29 เมษายน 2546 ที่กรุงเทพฯ และได้มีพัฒนาการอย่างรวดเร็วต่อเนื่องจนถึงการประชุมระดับผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 1 ที่เมืองพุกาม สหภาพพม่า เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2546 โดยผู้นำทั้ง 4 ประเทศร่วมกันออกปฏิญญาพุกาม (Bagan Declaration) รวมทั้งแผนปฏิบัติการ (Plan of Action) ครอบคลุมความร่วมมือ 5 สาขา ได้แก่ การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการ ลงทุน ความร่วมมือทางด้านเกษตรและอุตสาหกรรม การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม การท่องเที่ยว และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ บนหลักการที่เน้นการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและยกระดับความ เป็นอยู่ของประชาชน รวมทั้งเปิดกว้างให้นานาประเทศและองค์การระหว่างประเทศได้มีส่วนร่วมเป็น หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา (Development Partner) ในโครงการต่างๆ ของ ACMECS ด้วย * เวียดนามร่วมเป็นสมาชิก ACMECS เมื่อ 10 พฤษภาคม 2547 สถานะล่าสุด ระหว่างวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2547 ที่จังหวัดกระบี่ ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสสมัยพิเศษและการประชุม รัฐมนตรี ACMECS อย่างไม่เป็นทางการ รวมทั้งการประชุมร่วมกับ Development Partners (ผู้แทนจากออสเตรเลีย ฝรั่งเศส เยอรมนี ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย) ซึ่งการประชุมประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง สมาชิก ACMECS ทั้ง 5 ประเทศได้ร่วมกันแสดงความเป็น เอกภาพ โดยยืนยันเจตนารมณ์ที่จะดำเนินการตามกรอบความร่วมมือ ACMECS อย่าง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อผู้แทนของ Development Partners รวมทั้งมีการหารือถึงความคืบหน้าของการดำเนินโครงการระหว่างกันอย่างเป็น รูปธรรม นอกจากนี้ ยังสามารถมีข้อสรุปที่สำคัญๆ เกี่ยวกับกลไกการประสานงานระหว่างกันซึ่งจะช่วยให้การดำเนินกิจกรรมความร่วม มือของ ACMECS มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป * ไทยมีกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 2 ในเดือนธันวาคม 2548 ที่กรุงเทพฯ [การทูต] |
Amnesty International | องค์การนิรโทษกรรมสากล องค์การนี้เริ่มต้นจากเป็นขบวนการเล็ก ๆ ก่อน เพื่อทำหน้าที่ประท้วง (Protest) แต่ภายในเวลาไม่นานนัก ได้ขยายตัวออกเป็นองค์การ เพื่อให้สมกับเป้าหมายและภารกิจที่ต้องปฏิบัติเพิ่มขึ้นมากมาย คติดั้งเดิมของการรณรงค์ระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนบรรดาบุคคลที่ต้องถูกคุม ขังอยู่ทั่วโลก ด้วยข้อหาเกี่ยวกับความเชื่อถือทางการเมืองและการศาสนานั้น ได้บังเกิดจากความคิดของบุคคลหนึ่งชื่อปีเตอร์ เบเนนสันปีเตอร์ เบเนนสัน ได้เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์ประจำวันอาทิตย์ของอังกฤษชื่อ Sunday Observer เมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1961 โดยให้หัวเรื่องบทความว่า ?นักโทษที่ถูกลืม? (The Forgotten Prisoners) บทความนี้ได้ประทับใจมติมหาชนทั่วโลกทันที และภายในปีเดียว องค์การได้รับเรื่องร้องเรียนในนามของนักโทษกว่า 200 รายองค์การนิรโทษกรรมสากลมีเป้าหมายนโยบายกว้างๆ อยู่ 3 ข้อ คือ ต้องการให้ปล่อยนักโทษผู้มีนโนธรรม (Prisoners of Conscience) ทั้งหมด ให้มีการยุติการทรมานนักโทษไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ รวมทั้งการลงโทษประหารชีวิตและให้มีการพิจารณาพิพากษาคดีนักโทษการเมืองทั้ง หมดอย่างเป็นธรรมและไม่รอช้า องค์การนี้นอกจากจะมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้ดำรงความเป็นกลางไม่เข้ากับฝ่ายใด และเป็นที่น่าเชื่อถือไว้วางใจได้อย่างแท้จริงแล้ว ยังเป็นเสมือนศูนย์ข้อมูลและข้อสนเทศที่สำคัญ ซึ่งบรรดาบุคคลสำคัญๆ ทางการเมืองทั่วโลกได้ใช้อ้างอิงอีกด้วยในปัจจุบัน องค์การนิรโทษกรรมมีสมาชิกและผู้สนับสนุนเป็นจำนวนกว่า 1 ล้านคน จากประเทศต่างๆ กว่า 150 ประเทศ องค์การอยู่ภายใต้การบริหารของคณะกรรมการบริหารจำนวน 9 คน รวมทั้งตัวเลขาธิการอีกผู้หนึ่ง ทำหน้าที่ปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อมติเกี่ยวกับนโยบาย และเป็นหัวหน้าของสำนักเลขาธิการขององค์การด้วย มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ องค์การมีผู้แทนของตนประจำอยู่กับองค์การสหประชาชาติ เมื่อปี ค.ศ. 1978 ได้รับรางวัลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ และในปี ค.ศ. 1977 ก็ได้รับรางวัลสันติภาพโนเบลมาแล้ว [การทูต] |
ASEAN Vision 2020 | วิสัยทัศน์อาเซียน พ.ศ. 2563 เป็นเอกสารซึ่งที่ประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2540 ได้ให้ความเห็นชอบ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นและพันธกรณีของอาเซียนที่จะนำประชาชนในภูมิภาคนี้ ไปสู่ (1) การเป็นภูมิภาคที่มีสันติภาพและเสถียรภาพ (2) ความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งด้วยการรวมตัวทางเศรษฐกิจ อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น (3) การเป็นสังคมที่เปิดกว้าง มีความเป็นปึกแผ่นและเอื้ออาทรต่อกัน และ (4) การกระชับความสัมพันธ์กับคู่เจรจาและโลกภายนอก บนพื้นฐานของความเป็นหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกันและมีความเคารพซึ่งกันและกัน [การทูต] |
Cluster munitions | ระเบิดพวง เป็นลูกระเบิดชนิดที่ปล่อยจากเครื่องบินหรือลูกกระสุน ปืนใหญ่ที่ภายในบรรจุลูกระเบิดขนาดเล็ก (submunition) ไว้จำนวนมาก อาจมีจำนวนถึงหลายร้อยลูก ซึ่งจะระเบิดกลางอากาศและปล่อยลูกระเบิดขนาดเล็ก และสะเก็ดระเบิดกระจายเป็นวงกว้าง มีอัตราความคลาดเคลื่อนผิดพลาดจากเป้าหมายสูงและบางครั้งอาจไม่ระเบิดใน ทันที และตกค้างบนพื้นดิน ซึ่งมีผลทำลายล้างเหมือนกับทุ่นระเบิด [การทูต] |
Commission on Human Rights | คณะกรรมาธิการว่าด้วยสิทธิมนุษยชน แต่งตั้งขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1946 ตามมติของคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคมของสหประชาชาติ มีหน้าที่รับผิดชอบในการเสนอข้อเสนอแนะและรายงานการสอบสวนต่าง ๆ เกี่ยวกับประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนไปยังสมัชชา (General Assembly) สหประชาชาติ โดยผ่านคณะมนตรีเศรษฐกิจและสังคม คณะกรรมาธิการประกอบด้วยผู้แทนประเทศสมาชิก 53 ประเทศ ซึ่งได้รับเลือกตั้งให้ปฏิบัติหน้าที่ตามวาระ 3 ปี มีการประชุมกันทุกปี ปีละ 6 สัปดาห์ ณ นครเจนีวา และเมื่อไม่นานมานี้ คณะกรรมาธิการได้จัดตั้งกลไกเพื่อให้ทำหน้าที่สอบสวนเกี่ยวกับปัญหาสิทธิ มนุษยชนเฉพาะในบางประเทศ กลไกดังกล่าวประกอบด้วยคณะทำงาน (Working Groups) ต่าง ๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่พิเศษที่สหประชาชาติแต่งตั้งขึ้น (Rapporteurs) เพื่อให้ทำหน้าที่ศึกษาและสอบสวนประเด็นปัญหาสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะในบาง ประเทศมีเรื่องน่าสนใจคือ ใน ค.ศ. 1993 ได้มีการประชุมในระดับโลกขึ้นที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งแสดงถึงความพยายามของชุมชนโลก ที่จะส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพขั้นมูลฐานไม่ว่าที่ไหน ในระเบียบวาระของการประชุมดังกล่าว มีเรื่องอุปสรรคต่างๆ ที่เห็นว่ายังขัดขวางความคืบหน้าของการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการหาหนทางที่จะเอาชนะอุปสรรคเหล่านั้น เรื่องความเกี่ยวพันกันระหว่างการพัฒนาลัทธิประชาธิปไตย และการให้สิทธิมนุษยชนทั่วโลก เรื่องการท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งทำให้ไม่อาจปฏิบัติให้บรรลุผลอย่างสมบูรณ์ในด้านสิทธิมนุษยชน เรื่องการหาหนทางที่จะกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านสิทธิมนุษยชน และการที่จะส่งเสริมศักยภาพของสหประชาชาติในการดำเนินงานในเรื่องนี้ให้ได้ ผล ตลอดจนเรื่องการหาทุนรอนและทรัพยากรต่างๆ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงานดังกล่าวในการประชุมระดับโลกครั้งนี้มีรัฐบาลของ ประเทศต่างๆ บรรดาองค์กรของสหประชาชาติ สถาบันต่างๆ ในระดับประเทศชาติ ตลอดจนองค์การที่มิใช่ของรัฐบาลเข้าร่วมรวม 841 แห่ง ซึ่งนับว่ามากเป็นประวัติการณ์ ช่วงสุดท้ายของการประชุมที่ประชุมได้พร้อมใจกันโดยมิต้องลงคะแนนเสียง (Consensus) ออกคำปฏิญญา (Declaration) แห่งกรุงเวียนนา ซึ่งมีประเทศต่าง ๆ รับรองรวม 171 ประเทศ ให้มีการปฏิบัติให้เป็นผลตามข้อเสนอแนะต่างๆ ของที่ประชุม เช่น ข้อเสนอแนะให้ตั้งข้าหลวงใหญ่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนหนึ่งตำแหน่งให้มีการรับ รู้และรับรองว่า ลัทธิประชาธิปไตยเป็นสิทธิมนุษยชนอันหนึ่ง ซี่งเป็นการเปิดโอกาสให้ลัทธิประชาธิปไตยได้รับการสนับสนุนส่งเสริมให้มั่น คงยิ่งขึ้น รวมทั้งกระชับหลักนิติธรรม (Rule of Law) นอกจากนี้ยังมีเรื่องการรับรองว่า การก่อการร้าย (Terrorism) เป็นการกระทำที่ถือว่ามุ่งทำลายสิทธิมนุษยชน ทั้งยังให้ความสนับสนุนมากขึ้นในนโยบายและแผนการที่จะกำจัดลัทธิการถือเชื้อ ชาติและเผ่าพันธุ์ การเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับเชื้อชาติ การเกลียดคนต่างชาติอย่างไร้เหตุผล และการขาดอหิงสา (Intolerance) เป็นต้นคำปฎิญญากรุงเวียนนายังชี้ให้เห็นการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชน อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Genocide) และการข่มขืนชำเราอย่างเป็นระบบ (Systematic Rape) เป็นต้น [การทูต] |
Communiqué | คำประกาศทางการหรือแถลงการณ์ทางการ ซึ่งรายงานให้ทราบผลของการประชุม หรือการเจรจาเป็นทางการระหว่างเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ในรัฐบาล เช่น ประมุขของรัฐ หัวหน้ารัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เอกอัครราชทูต หรือบุคคลอื่นในระดับนั้น คำแถลงการณ์ที่เรียกว่า Communiqué นี้ไม่มีรูปแบบโดยเฉพาะแต่อย่างใด โดยปกติอะไรที่ได้ตกลงกันไว้ในการเจรจาจะบรรจุไว้ด้วยถ้อยคำกว้างๆ ส่วนอะไรที่มิได้ระบุไว้ในแถลงการณ์มักจะมีความสำคัญยิ่งกว่าถ้อยคำที่เขียน ไว้เสียด้วย [การทูต] |
continental shelf | ไหล่ทวีป ไหล่ทวีปของรัฐชายฝั่งประกอบด้วย พื้นดินท้องทะเลและดินใต้ผิวดินของบริเวณใต้ทะเล ซึ่งขยายเลยทะเลอาณาเขตของรัฐตลอดส่วนต่อออกไปตามธรรมชาติของดินแดนทางบกของ ตนจนถึงริมนอกของขอบทวีป หรือจนถึงระยะ 200 ไมล์ทะเลจากเส้นฐานซึ่งใช้วัดความกว้างของทะเลอาณาเขตในกรณีที่ริมนอกของ ขอบทวีปขยายไปไม่ถึงระยะนั้น [การทูต] |
Cultural Diplomacy | การทูตวัฒนธรรม หมายถึง กิจกรรมด้านวัฒนธรรมในกรอบกว้าง ทั้งภาษา ความคิด อุดมการณ์ ทัศนคติ ประเพณี วิทยาการความรู้ การกีฬาและวิถีชีวิต (ไม่เพียงแต่การส่งคณะนาฏศิลป์ไปแสดงในต่างประเทศเท่านั้น) ทั้งนี้ เพื่อ ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือสร้างความรู้สึกที่ดีต่อกัน โดยใช้แนวทางปฏิบัติอย่างต่อเนื่องในลักษณะซึมลึกเพื่อให้เข้าถึงประชาชน [การทูต] |
Diplomatist หรือ Diplomat | ใช้กับราชการทุกคนที่ประจำทำงานในด้านทางการทูต ไม่ว่าจะประจำอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศ หรือในราชการต่างประเทศ คือ ในสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุล หรือในสำนักงานทางทูตอื่นๆในทรรศนะของ เซอร์แฮโรลด์ นิโคลสัน นักการทูตยอดเยี่ยมคนหนึ่งของอังกฤษ ได้ระบุไว้ว่า นักการทูตหรือ Diplomat จะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ ยึดถือความเป็นจริง มีความแม่นยำ สงบเยือกเย็น มีความอดกลั้น อารมณ์ดี มีความสงบเสงี่ยมและมีความจงรักภักดี ทั้งยังจะต้องเป็นผู้ที่มีสติปัญญา มีความรู้ มองเห็นการณ์ไกล มีความสุขุมรอบคอบ ใจดีกับแขกและผู้แปลกหน้า มีเสน่ห์ มีความอุตสาหะวิริยะ มีความกล้า และมีปฏิภาณในทำนองเดียวกัน Francoise de Callieres (1645-1717) นักการทูตชั้นเยี่ยมของฝรั่งเศส ซึ่งเคยเป็นเอกอัครราชทูตประจำโปแลนด์ ซาวอย ฮอลแลนด์ บาวาเรีย และลอเรน ได้เขียนหนังสือไว้เล่มหนึ่งชื่อว่า De la miniere avec les souverains เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการเจรจาทางการทูต ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังเป็นที่รับรองกันทั่วไปว่าเป็นหนังสือที่ดีเยี่ยมเล่ม หนึ่ง หรือเป็นจินตกวีนิพนธ์เรื่องการดำเนินการทูตกับเจ้าผู้ครองนคร (Princes) สมัยนั้นCallieres ได้วางมาตรฐานของนักการทูตไว้สูงมากเพราะเขาเห็นว่า ไม่มีงานราชการใด ๆ ที่จะยากยิ่งไปกว่าการเจรจา ในการเจรจานั้น ผู้เจรจาจะต้องสามารถมองเห็นเหตุการณ์ทะลุปรุโปร่ง หรือมีสติปัญญาเฉียบแหลม มีความคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง มีความละมุนละไม มีความรอบรู้และความเข้าใจอย่างกว้างขวาง ตลอดจนข้อสำคัญที่สุด ต้องเป็นผู้มีความสุขุมคัมภีรภาพ สามารถมองเห็นการณ์ไกลชนิดเจาะลึกทีเดียว นอกจากนี้ จะต้องเป็นผู้มีอารมณ์ขันอย่างสม่ำเสมอ ไม่โกรธง่าย มีจิตใจสงบเยือกเย็น มีความอดกลั้น พร้อมเสมอที่จะรับฟังทุกคนที่เขาพบด้วยความตั้งอกตั้งใจ พูดจาอย่างเปิดเผย และมีอารมณ์ร่าเริงไม่หน้าเง้าหน้างอ มีอัธยาศัยไมตรี รวมทั้งมีกิริยาท่าทางเป็นที่ต้องตาต้องใจกับทุกคน ในฐานะนักเจรจา (Negotiator) นักการทูตจะต้องมีคุณลักษณะและคุณสมบัติตามที่กล่าวมานี้เป็นอย่างน้อย เนื่องจากมีการเจรจาเป็นหน้าที่สำคัญที่สุดของนักการทูตนั่นเอง [การทูต] |
Enhanced Interaction | การส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ " การส่งเสริมปฏิสัมพันธ์เป็นคำที่เสนอโดย นายอาลี อาลาตัส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ในที่ประชุม AMM ครั้งที่ 31 ณ กรุงมะนิลา ซึ่งในด้านสารัตถะมีความหมายเช่นเดียวกับนโยบาย Flexible Engagement แต่เป็นคำที่อาเซียนส่วนใหญ่เห็นว่า มีความ เหมาะสมที่จะใช้สื่อเจตนารมณ์ของอาเซียนในการยกระดับความร่วมมือที่เพิ่มพูน และเปิดกว้างระหว่างกัน " [การทูต] |
Flexible Engagement | ความเกี่ยวพันอย่างยืดหยุ่น " ความเกี่ยวพันอย่างยืดหยุ่นเป็นข้อเสนอของ ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่เสนอในการประชุมรัฐมนตรีต่าง ประเทศอาเซียน (ASEAN Ministerial Meeting : AMM) ครั้งที่ 31 เมื่อเดือนกรกฎาคม 2541 ณ กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกอาเซียนมีการหารือและแลก เปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรค์ เปิดกว้างและเป็นกันเองในเรื่องหรือประเด็นต่าง ๆ ที่เห็นว่าเป็นผลประโยชน์ร่วมกันหรือที่จะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์และความ มั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจของนานาประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันสืบเนื่องจากการที่อาเซียนมีสมาชิกครบ 10 ประเทศ และอยู่ในภาวะที่เผชิญปัญหาท้าทายต่าง ๆ ซึ่งมีความเชื่อมโยงและเกี่ยวพันกัน " [การทูต] |
Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] |
Honorary Consul | กงสุลกิตติมศักดิ์ " ได้แก่ บุคคลในท้องถิ่นผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งและมอบหมายให้ดูแล ส่งเสริมผลประโยชน์ของประเทศและคนชาติในพื้นที่ในเขตอาณา และดำเนินการตรวจลงตราหนังสือเดินทางแก่บุคคลที่จะเดินทางเข้าประเทศที่ กงสุลกิตติมศักดิ์เป็นผู้แทน การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศผู้รับ และต้องยื่นสัญญาบัตร และได้รับอนุมัติบัตรเช่นเดียวกับผู้แทนฝ่ายกงสุลอาชีพ (career consular officer) ทั้งนี้ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์จะได้รับมอบหมายให้ดูแลเขตอาณาที่ครอบคลุมพื้นที่ กว้างกว่าและสำคัญกว่า ในส่วนของไทย กงสุลกิตติมศักดิ์แตกต่างจากกงสุลอาชีพใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ (1) กงสุลกิตติมศักดิ์ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศที่มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม หรือเป็นผู้นำที่มีความสัมพันธ์พิเศษกับไทย (2) กงสุลกิตติมศักดิ์ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งสำนักงาน ได้แก่ สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์หรือสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ทั้งหมด (3) กงสุลกิตติมศักดิ์ได้รับเอกสิทธิ์และความคุ้มกันทางกงสุลน้อยกว่ากงสุลอาชีพ ในการปฏิบัติงานของกงสุลกิตติมศักดิ์ของไทยจะมีคู่มือกงสุลกิตติมศักดิ์ เป็นระเบียบกฎเกณฑ์และข้อมูลสำหรับการปฏิบัติงาน " [การทูต] |
India-Brazil-South Africa | เวทีเจรจาสามฝ่าย ระหว่างอินเดีย บราซิล และแอฟริกาใต้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสิมความร่วมมือในกรอบใต้-ใต้ใน วงกว้าง เป้าหมายหลัก IBSA คือการส่งเสริมและขยายโอกาส ด้านการค้า การลงทุน การพัฒนาสังคม และการเลแกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกัน [การทูต] |
Immunity from Jurisdiction of Diplomatic Agents | ความคุ้มกันจากอำนาจศาลของตัวแทนทางการทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตรา 31 ว่า?1. ให้ตัวแทนทางการทูตได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางอาญาของรัฐผู้รับ ตัวแทนทางการทูตยังจะได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางแพ่ง และทางการปกครองของรัฐผู้รับด้วย เว้นแต่ในกรณีของก) การดำเนินคดีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับนอกจากตัวแทนทางการทูตครอบครองไว้ในนามของ รัฐผู้ส่งเพื่อความมุ่งประสงค์ของคณะผู้แทนข) การดำเนินคดีเกี่ยวกับการสืบมรดกซึ่งเกี่ยวพันถึงตัวแทนทางการทูตในฐานะผู้ จัดการมรดกโดยพินัยกรรม ผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาท หรือผู้รับมรดกในฐานะเอกชน และมิใช่ในนามของรัฐผู้ส่งค) การดำเนินคดีเกี่ยวกับกิจกรรมใดในทางวิชาชีพ หรือพาณิชย์ ซึ่งตัวแทนทางการทูตได้กระทำในรัฐผู้รับ นอกเหนือจากการหน้าที่ทางการของตน 2. ตัวแทนทางการทูตไม่จำเป็นต้องให้การในฐานะพยาน 3. มาตรการบังคับคดี ไม่อาจดำเนินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับตัวแทนทางการทูต เว้นแต่ในกรณีซึ่งอยู่ภายใต้อนุวรรค (ก) (ข) และ (ค) ของวรรค 1 ของข้อนี้ และโดยมีเงื่อนไขว่ามาตรการที่เกี่ยวข้องอาจดำเนินไปได้โดยปราศจากการละเมิด ความละเมิดมิได้ในตัวบุคคลของตัวผู้แทนทางการทูต หรือที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต 4. ความคุ้มกันของตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ ไม่ยกเว้นตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้ส่ง?เกี่ยวกับความคุ้มกันตัว แทนทางการทูตจากขอบเขตของอำนาจศาลทางแพ่ง อาจกล่าวได้อย่างกว้างๆ ว่า ตัวแทนทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทน ทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทนทางการ ทูตจะถูกฟ้องมิได้ และถูกจับกุมมิได้เกี่ยวกับหนี้สิน รวมทั้งทรัพย์สินของเขา เช่น เครื่องเรือน รถยนต์ ม้า และสิ่งอื่นๆ ทำนองนั้นก็จะถูกยืดเพื่อใช้หนี้มิได้ ตัวแทนทางการทูตจะถูกกีดกันมิให้ออกไปจากรัฐผู้รับในฐานะที่ยังมิได้ชดใช้ หนี้สินของเขานั้นก็มิได้เช่นกัน อนึ่ง นักกฎมายบางกลุ่มเห็นว่า ตัวแทนทางการทูตจะถูกหมายศาลเรียกตัว (Subpoenaed) ไม่ได้ หรือแม้แต่ถูกขอร้องให้ไปปรากฎตัวเป็นพยานในศาลแพ่งหรือศาลอาญาก็ไม่ได้ อย่างไรก็ดี ถ้าหากตัวแทนทางการทูตสมัครใจที่จะไปปรากฏตัวเป็นพยานในศาล ก็ย่อมจะทำได้ แต่จะต้องขออนุมัติจากรัฐบาลในประเทศของเขาก่อน [การทูต] |
Intelligence | เรื่องสืบราชการลับ กล่าวอย่างกว้าง ๆ คือ เรื่องลับไม่ว่าชนิดใด โดยเฉพาะที่จะมีประโยชน์แก่ผู้กำหนดนโยบาย หรือฝ่ายทหารที่มีหน้าที่ว่างนโยบายหรือวางแผนยุทธศาสตร์ ถือว่าเป็น Intelligence ทั้งสิ้น เช่น ในสหรัฐอเมริกามีองค์กรสืบราชการลับอยู่หลายแห่ง เช่น CIA (สำนักงานสืบราชการลับกลาง) The NSA (National Security Agency หรือองค์การรักษาความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติ) G-2 (ฝ่ายสืบราชการลับของกองทัพบก) FBI (Federal Bureau of Investigation หรือหน่วยสืบสวนของรัฐบาลกลาง) Bureau of Intelligence and Research of the State Department หรือหน่วยสืบราชการลับและวิจัยของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ รวมทั้งฝ่ายสืบราชการลับของกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ส่วนในโซเวียตรัสเซีย (ปัจจุบันเรียกชื่อใหม่ว่ารัสเซีย) แต่เดิมมีองค์การสืบราชการลับอยู่จำนวนหนึ่ง ที่สำคัญๆ ได้แก่ ฝ่ายสืบราชการลับทางทหารของกระทรวงกลาโหม หรือที่เรียกว่า YRU (Ylavnoe Razdevyvatelnoe Uptavlenie) และ KGB (Kommissariat Gosudatstvennoie Bezopastnotsi หรือ Commisariat of State Security) ในประเทศอังกฤษ มีฝ่ายสืบราชการลับเรียกว่า M15 (British Counter Intelligence) M16 เป็นหน่วยสาขาซึ่งทำงานด้านจารกรรมในต่างประเทศ และ M18 เป็นฝ่ายสืบราชการฝ่ายทหาร (Cryptographic Bureau of Military Intelligence) [การทูต] |
International Labor Organization | คือองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 11 เมษายน ปีค.ศ.1919 วัตถุประสงค์สำคัญขององค์การคือ การมีส่วนเกื้อกูลให้มีสันติภาพอันถาวร ด้วยการส่งเสริมให้มีความยุติธรรมในสังคม โดยต้องการให้ทุกประเทศปฏิบัติการปรับปรุงสภาวะแรงงาน ส่งเสริมมาตรฐานการครองชีพ พร้อมทั้งส่งเสริมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและสังคมให้ดีขึ้นการที่จะให้บรรลุ ตามวัตถุประสงค์เหล่านี้ องค์การแรงงานระหว่างประเทศจะจัดให้มีการประชุมเป็นประจำ ระหว่างฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายแรงงาน และฝ่ายจัดการ เพื่อเสนอแนะและจัดให้มีมาตรฐานระหว่างประเทศ ร่วมกันจัดร่างสัญญาแรงงานระหว่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ เช่น ค่าแรง ชั่วโมงทำงาน อายุการทำงาน เงื่อนไขการทำงานสำหรับคนงานในระดับต่าง ๆ ค่าชดเชยสำหรับคนงาน การประกันสังคม การหยุดพักร้อนโดยให้รับเงินเดือน ความปลอดภัยในงานอุตสาหกรรม บริการต่าง ๆ ในหน้าที่การงาน การตรวจแรงงาน เสรีภาพในการคบหาสมาคมกัน และอื่น ๆ นอกจากนั้น องค์การยังได้ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการอย่างกว้างขวางแก่รัฐบาลของประเทศ สมาชิก รวมทั้งจัดพิมพ์เผยแพร่สิ่งพิมพ์หรือเอกสารรายคาบ เรื่องค้นคว้าและรายงานต่าง ๆ เกี่ยวกับปัญหาสังคม อุตสาหกรรม และแรงงานILO ปฏิบัติงานผ่านองค์กรต่าง ๆ โดยองค์กรสำคัญที่สุดภายในองค์การแรงงานระหว่างประเทศได้แก่ ที่ประชุมใหญ่ (General Conference) ซึ่งประชุมกันเป็นประจำทุกปี ประกอบด้วยคณะผู้แทนแห่งชาติ ในจำนวนนี้มีผู้แทนจากฝ่ายรัฐบาล 2 คน ผู้แทนฝ่ายจัดการ 1 คน และผู้แทนฝ่ายแรงงานอีก 1 คน หน้าที่สำคัญคือจัดวางมาตรฐานทางสังคมระหว่างประเทศขึ้นในรูปของอนุสัญญา องค์กรภายในองค์การอีกส่วนหนึ่งคือคณะผู้ว่าการ (Governing Body) จะประกอบด้วย สมาชิก 40 คน ในจำนวนนี้ 20 คน จะเป็นตัวแทนของฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 10 คน จากจำนวนนี้จะได้แก่ ตัวแทนจากประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ ๆ ส่วนตัวแทนของฝ่ายจัดการ (หรือนายจ้าง) จะมีจำนวน 10 คน และอีก 10 คนเป็นตัวแทนของฝ่ายแรงงาน คณะผู้ว่าการนี้จะทำหน้าที่ควบคุมดูแลงานของคณะกรรมาธิการ และคณะกรรมการขององค์การ คือสำนักแรงงานระหว่างประเทศจะมีหน้าที่รวบรวมเผยแพร่ข้อสนเทศ ช่วยเหลือรัฐบาลของประเทศสมาชิกที่ขอร้องให้ช่วยร่างกฎหมายตามที่ได้มีมติ ตกลงในที่ประชุมใหญ่ นอกจากนี้ ยังรับดำเนินการสอบสวนเรื่องต่าง ๆ เป็นพิเศษ รวมทั้งออกสิ่งพิมพ์เผยแพร่องค์การแรงงานระหว่างประเทศมีสำนักงานใหญ่ตั้ง อยู่ ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ [การทูต] |
International Telecommunica-tion Union | สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1865 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในตอนนั้นมีชื่อว่าสหภาพโทรเลขระหว่างประเทศ ต่อมาในปี ค.ศ.1932 จึงมีการรับรองอนุสัญญาโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน และหลังจากนั้นอีก 2 ปี คือ ค.ศ.1934 ก็ได้มีการเปลี่ยนชื่ออนุสัญญาโทรเลขและวิทยุโทรเลข เป็นอนุสัญญาโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ต่อมาในปี ค.ศ. 1947 ได้มีการปรับปรุงใหม่ ณ เมืองแอตแลนติกซิตี้ สหรัฐอเมริกา แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ.1954 เป็นต้นมา สหภาพดังกล่าวหรือที่เรียกโดยย่อว่า ITU อยู่ภายใต้การบริหารปกครองตามอนุสัญญา ซึ่งได้รับการรับรองจากการประชุมเต็มคณะ ณ กรุงบุเอนอสไอเรส เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 1952วัตถุประสงค์สำคัญขององค์การไอทียูคือ ต้องการวางระเบียบข้อบังคับระหว่างประเทศสำหรับโทรเลข โทรศัพท์และบริการทางวิทยุ เพื่อที่จะส่งเสริมและขยับขยายให้ประชาชนได้มีโอกาสใช้บริการเหล่านี้ให้ กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยต้องการให้อัตราค่าบริการต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กล่าวโดยทั่วไปองค์การไอทียูนี้มีจุดมุ่งหมายที่จะส่งเสริมความร่วมมือ ระหว่างประเทศ เพื่อปรับปรุงการใช้โทรคมนาคมทุกชนิดให้เป็นประโยชน์ก้าวหน้าขึ้น พัฒนาอุปกรณ์เครื่องมือทางเทคนิคให้นำออกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้และพยายามประสานการปฏิบัติของชาติต่าง ๆ ให้กลมกลืนกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน หัวหน้าของสหโทรคมนาคมระหว่างประเทศมีตำแหน่งเรียกว่า เลขาธิการ องค์การนี้ตั้งอยู่ในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ [การทูต] |
International Trade Organization | องค์การการค้าระหว่างประเทศ มีหน้าที่ดำเนินงานเกี่ยวกับความตกลงทั้วไปว่าด้วยภาษี ศุลกากรและการค้าระหว่างประเทศ วัตถุประสงค์สำคัญขององค์การคือ ต้องการขยายการค้าของโลกให้กว้างขวางขึ้น ซึ่งเป็นการช่วยให้มีมาตรฐานการครองชีพสูงขึ้น ขจัดการกีดกันการค้า หรือพยายามลดให้เหลือน้อยที่สุด เช่น การตั้งข้อจำกัดโควต้า เป็นต้น ตัดทอนภาษีศุลกากรทั่วโลกให้ต่ำลง ดูแลตลาดวัตถุดิบให้เป็นไปอย่างยุติธรรม และพยายามควบคุมด้านการค้าของการร่วมมือกันทางธุรกิจ (Cartels) จุดมุ่งหมายสำคัญที่สุดคือ ป้องกันมิให้กลับไปสู่การดำเนินการทางการค้าที่ตัดราคากันอย่างหั่นแหลก เหมือนเมื่อระยะปี ค.ศ. 1930 ถึง 1939 นั่นเองอย่างไรก็ดี ตั้งแต่มีการปฏิบัติใช้ความตกลงทั่วไปว่าด้วยภาษีศุลกากรและการค้ามาจนบัด นี้ ก็ได้รับผลสำเร็จตามแนววัตถุประสงค์อย่างมากมาย เช่น มีประเทศสมาชิกหลายสิบประเทศลดภาษีศุลกากรและรักษาระดับภาษีอย่างมีเสรีภาพ แต่ละปี ประเทศสมาชิกจะได้ยินได้ฟังเสียงร้องเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติทางการค้า ละเมิดกฎเกณฑ์ของความตกลงทั่วไป แล้วเสียงร้องเรียนดังกล่าวก็ได้รับการแก้ไขจนเป็นที่พึงพอใจของทุกฝ่าย เป็นต้น นอกจากนี้ ได้มีการปรับปรุงและดัดแปลงข้อกำหนดของความตกลงทั่วไป ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา [การทูต] |
New World Order | ระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต] |
อาหารว่าง | [āhānwāng] (n, exp) EN: snack ; light meal ; refreshment FR: collation [ f ] ; léger repas [ m ] |
อันดับความสว่าง | [andap khwām sawāng] (n) EN: magnitude FR: magnitude [ f ] |
อ้างว่า | [āng wā] (v) EN: claim ; claim something is true ; pretend that something is true FR: affirmer que ; prétendre que ; soutenir que |
อ่านว่า | [ān wā] (v, exp) EN: be read ; be pronounced FR: se lire ; se prononcer ; se dire ; prononcer |
อัตราส่วนซึ่งมากกว่า 2 พจน์ | [attrāsuan seung māk kwā søng phot] (n, exp) EN: ratios with more than two terms |
บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด | [bānphak phūwārātchakān jangwat] (n, exp) EN: governor's official resident |
บอกว่า | [bøk wā] (v, exp) FR: dire que ; apprendre que |
บทสนทนาระหว่าง ... กับ ... | [botsonthana rawāng ... kap ...] (n, exp) FR: conversation entre ... et ... [ f ] |
ใช้เวลาว่าง | [chai wēlā wāng] (v, exp) FR: s'occuper ; passer son temps |
ช้ากว่านี้ | [chā kwā nī] (x) EN: more slowly FR: plus lentement |
ชักว่าว | [chak wāo] (v, exp) EN: fly a kite FR: jouer au cerf-volant |
ชักว่าว | [chak wāo] (v, exp) EN: masturbate FR: se masturber ; masturber |
เช่นว่า | [chen wā] (x) EN: such as ; for example ; for instance |
เชื่อกันว่า | [cheūa kan wā] (v, exp) EN: it's believed that |
ชื่อว่า | [cheū wā] (v, exp) EN: called FR: appelé |
ชี้ให้เห็นว่า | [chī hai hen wā] (v, exp) EN: show |
ช่องว่าง | [chǿngwāng] (n) EN: blank ; gap FR: espace [ m ] ; blanc [ m ] ; case [ f ] |
ช่องว่างแห่งกฎหมาย | [chǿngwāng haeng kotmāi] (n, exp) EN: legal loophole |
ช่องว่างในตลาด | [chǿngwāng nai talāt] (n, exp) EN: gap in the market |
ช่องว่างระหว่างวัย | [chǿngwāng rawāng wai] (n, exp) EN: generation gap |
ชอบมากกว่า | [chøp māk kwā] (v, exp) EN: prefer FR: préférer ; apprécier par-dessus tout ; aimer mieux ; aimer le plus |
ฉวยว่า | [chūay wā] (x) EN: in case ; in the event |
ชุดว่ายน้ำ | [chut wāinām] (n, exp) EN: swimsuit ; swimming costume ; bathing suite ; swimwear FR: maillot de bain [ m ] |
ได้ความว่า | [dāikhwām wā] (v, exp) EN: understand that ; gather ; it appears |
ได้รับการมองว่า | [dāirap kān møng wā] (v, exp) EN: perceive |
ได้รับทราบว่า | [dāirap sāp wā] (v, exp) EN: have learned that ; understand that FR: avoir appris que |
ด้ามไม้เว้า | [dām māi wao] (n, exp) EN: concave handle |
ดาวว่าว | [dāo Wao] (n, prop) EN: Southern Cross FR: Croix du Sud [ f[ |
ด่าว่า | [dāwā] (v) EN: scold ; reprimand ; censure ; rebuke ; reproach FR: injurier ; insulter ; agonir (r.) |
เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี | [dek āyu tam kwā sip-søng pī] (xp) EN: children younger than 12 FR: les enfants de moins de 12 ans |
เด็กต่ำกว่า 12 ขวบ | [dek tam kwā sip-søng khūap] (xp) EN: children under 12 FR: enfants de moins de 12 ans [ mpl ] |
ดีกว่า | [dī kwā] (adj) EN: better ; better than FR: mieux ; meilleur (que) ; préférable |
...ดีกว่า | [… dī kwā] (x) FR: mieux vaut … ; il est préférable de … |
ดีกว่าไม่มีอะไร | [dī kwā mai mī arai] (xp) EN: it's better than nothing FR: c'est mieux que rien |
โดยอ้างว่า... | [dōi āng wā …] (x) EN: claiming that … |
โดยเหตุว่า | [dōi hēt wā] (x) FR: puisque ; à cause de |
โดยกลัวว่า | [dōi klūa wā] (x) FR: de peur que ; par crainte de |
โดยมีข้อแม้ว่า... | [dōi mī khømaē wā …] (x) EN: on condition that … FR: à la condition que … |
โดยมีเงื่อนไขว่า... | [dōi mī ngeūoenkhai wā …] (x) EN: with the reservation that ... |
ด้วงกว่าง | [duang kwāng] (n) EN: Scarab Beetle ; Hercules Beetle ; Rhinocerus Beetle |
ดูเหมือนว่า | [dūmeūoen wā] (x) EN: seem ; as if ; as though FR: sembler ; il semble que ; il paraît que |
ดุว่า | [duwā] (v) EN: castigate FR: gronder ; réprimander |
ให้แสงสว่าง | [hai saēngsawāng] (v, exp) EN: light |
หากว่า | [hāk wā] (conj) EN: if ; in the event of ; in case of ; provided that ; supposing that FR: pourvu que ; à condition que |
เห็นได้ชัดเลย(ว่า) | [hendāi chat loēi (wā)] (xp) EN: it's evident (that) FR: il est évident (que) |
เห็นว่า | [hen wā] (n, exp) EN: have an opinion FR: considérer que ; avoir une opinion |
ห้องว่าง | [hǿng wāng] (n, exp) EN: vacant room FR: chambre libre [ f ] ; chambre vacante [ f ] |
หูตาสว่าง | [hūtāsawāng] (v) EN: be well-informed |
ใจกว้าง | [jaikwāng] (adj) EN: generous ; broad-minded ; liberal ; magnanimous ; open-minded ; receptive ; forgiving ; high-minded ; charitable ; benevolent ; large-minded FR: généreux ; magnanime ; tolérant ; à l'esprit ouvert ; large d'esprit |
จอกว้าง | [jø kwāng] (x) FR: écran large [ m ] |
abandon | (vt) ทิ้ง, See also: เลิก, ทอดทิ้ง, ละทิ้ง, ทิ้งขว้าง, ผละ, จากไป, Syn. quit, give up, foreswear, renounce, relinquish;, Ant. constraint, restraint |
abroad | (adv) แพร่หลาย, See also: แพร่, แพร่กระจาย, กว้างขวาง, Syn. extensively, broadly, far and wide |
adrift | (adj) ซึ่งไม่มีจุดหมาย, See also: คว้าง, เคว้งคว้าง, Syn. directionless |
America Online | (n) ศูนย์บริการออนไลน์ผ่านทางโมเด็มที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในอเมริกา มีขอบเขตการให้บริการที่กกว้างขวางมีการให้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ปริการเชื่อมต่ออินเตอร์เนตขั้นพื้นฐาน มีข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากสำนักข่าวรอยเตอร์และยูพีไอ |
ample | (adj) ใหญ่, See also: กว้างขวาง, ขนาดใหญ่ |
amplitude | (n) ความกว้างขวาง, Syn. largeness |
ball | (n) การขว้างบอล |
battlements | (n) กำแพงที่มีแบบเป็นรอยเว้าเป็นระยะๆ, See also: กำแพงซึ่งมีใบเสมา, Syn. parapet |
bay | (n) อ่าว, See also: ที่เว้าของเทือกเขา, Syn. gulf |
beam | (n) รอยยิ้มกว้าง, See also: ยิ้มกว้าง, เปล่งยิ้มหรือมีสีหน้าที่ปิติยินดี, มองดูด้วยความดีใจ, Syn. smile |
beam | (vt) ยิ้มกว้าง, Syn. grin |
bell | (vt) ทำให้กว้างออกจนมีรูปร่างคล้ายระฆัง |
big | (adj) ใจกว้าง, See also: ใจดี, Syn. generous |
blanket | (adj) ครอบคลุม, See also: กว้าง, Syn. absolute, arrant, Ant. partial |
bleak | (adj) ยะเยือก, See also: อ้างว้าง, เปล่าเปลี่ยว |
bluff | (n) ตลิ่งกว้างและชัน, See also: หน้าผาที่กว้างและสูงชัน, Syn. cliff |
bluff | (adj) กว้างและสูงชัน |
boomerang | (n) ไม้ที่มีลักษณะโค้งแบน เมื่อขว้างไปแล้วจะย้อนกลับมาหาผู้ขว้าง |
boulevard | (n) ถนนกว้างในเมือง (มีต้นไม้สองข้างทาง) |
boundless | (adj) ไม่มีที่สิ้นสุด, See also: มากมาย, กว้างใหญ่, Syn. infinite |
bowler | (n) ผู้เล่นที่ขว้างบอลให้กับผู้ตี (กีฬาคริกเก็ต) |
breadth | (n) ความกว้าง, Syn. width |
breadth | (n) ความกว้าง |
broad | (adj) กว้างๆ, See also: หลวมๆ, ทั่วๆ ไป, ไม่จำกัด, Syn. general, Ant. narrow |
broad | (adj) กว้างขวาง, See also: กว้าง, ครอบคลุม |
broad-brush | (adj) ซึ่งจัดการกับปัญหาอย่างกว้างๆ มากกว่าสนใจรายละเอียด |
broaden | (vt) ขยับขยาย, See also: ทำให้กว้าง, ขยาย, เปิดหูเปิดตา, Syn. widen, enlarge, Ant. narrow |
broadleaved | (adj) ซึ่งมีใบกว้างและใบ |
broadly | (adv) อย่างกว้างขวาง, See also: อย่างแพร่หลาย, Syn. extensively, largely, widely |
broad-minded | (adj) ใจกว้าง |
broadness | (n) ความกว้าง, Syn. breadth |
broadsword | (n) ดาบใหญ่และใบมีดแบนกว้าง |
be onto a good thing | (idm) คว้าโอกาสที่ดี, See also: ฉวยโอกาสดี, Syn. put onto |
be out of someone's reach | (idm) ไปไม่ถึง, See also: คว้าไม่ได้, เอื้อมไม่ถึง |
broaden out | (phrv) ขยาย (ขนาดหรือเนื้อที่), See also: กว้างขึ้น เนื้อที่ |
broaden out | (phrv) ขยาย (ความคิด, ทักษะ ฯลฯ), See also: ทำให้กว้างขึ้น |
bung in | (phrv) ขว้าง (คำไม่เป็นทางการ), See also: โยน, ปา |
canalise | (vt) ทำให้แม่น้ำลึกหรือกว้างขึ้น, Syn. canalize |
canalize | (vt) ทำให้แม่น้ำลึกหรือกว้างขึ้น, Syn. canalise |
caravansary | (n) โรงแรมที่มีลานกว้างสำหรับกองคาราวาน, Syn. caravan inn, caravanserai |
cast | (n) การโยน, See also: การขว้าง, Syn. throwing |
cast | (vt) โยน, See also: ขว้าง, Syn. hurl, throw |
catapult | (vt) ขว้างหรือยิงก้อนหิน, Syn. fling |
catholic | (adj) ใจกว้าง, Syn. broad-minded, receptive, liberal, Ant. narrow-minded |
catholic | (adj) ที่กว้างขวางทั่วไป, Syn. universal, worldwide |
clutch | (n) การยึด, See also: การฉวย, การคว้า, การเกาะ, การกำแน่น, การเกาะแน่น, Syn. snatch, grasp, clasp, catch |
clutch | (vt) ฉวยไว้, See also: คว้าไว้, Syn. grip, prehend, seize |
comfortable | (adj) เพียงพอ (กว้างขวางเพียงพอ), See also: พอเพียง, กว้างขวาง, กว้างใหญ่, กว้างพอ, Syn. commodious, roomy, spacious, sufficient, suitable, ample, enough |
comfortably | (adv) อย่างเพียงพอ (กว้างขวางเพียงพอ), See also: อย่างพอเพียง, อย่างกว้างขวาง, อย่างกว้างใหญ่, Syn. adequately, amply, sufficiently, Ant. inadequately, insufficiently |
commodious | (adj) กว้างขวาง, Syn. roomy, spacious |
a4 | ใช้บอกขนาดของกระดาษที่เป็นที่นิยม มีความกว้างยาวประมาณ 210x297 มม. หรือ 8 1/4 x11 3/4 นิ้ว (ยุโรป) และ 8 1/2 x11 นิ้ว (อเมริกัน) |
abnegate | (แอบ' นิเกท) vt. ละทิ้ง, ทอดทิ้ง, ขว้าง, เลิกล้ม, บังคับ, ควบคุม -abnegator n. |
air mass | กลุ่มก้อนอากาศที่กินบริเวณเนื้อที่กว้างขวาง |
all-around | (ออล' อะราวน์ดฺ) adj. ได้ทุกอย่าง, คล่องตัว, กว้างขวาง, หยั่งรู้, เข้าใจ, Syn. versatile |
amphitheater | (แอม' ฟิเธียเทอะ) n. อาคารรูปครึ่งวงกลม, โรงละครหรือมหรสพรูปครึ่งวงกลม, ห้องใหญ่ที่มีที่นั่งจัดเป็นรูปครึ่งวงกลม, ที่ดินเว้ารูปโค้ง.อัฒจันทร์, ที่มีเขาล้อมรอบ. -amphitheatric (al) adj. |
ample | (แอม' เพิล) adj. พอเพียง, เหลือพอเพียง, อุดมสมบูรณ์, กว้างขวาง, ถึงขนาด, Syn. roomy, abundant, Ant. cramped, sparse |
amplification | (แอมพลิฟีเค' เชิน) n. การขยายออกให้กว้างหรือใหญ่ขึ้น, ภาวะที่ถูกขยายออก, การขยายข้อความหรือเรื่องราว, ข้อความหรือเรื่องราวที่ขยายออก, สิ่งที่ใช้ขยาย, การเพิ่มกำลังกระแสไฟฟ้าหรือการเพิ่มโวลต์, Syn. enlargement, Ant. reduction |
anatolia | (แอนนะโท' เลีย) n. ที่ราบสูงกว้างใหญ่ระหว่างทะเลดำกับทะเลเมดิเทอเรเนียน, คาบสมุทรของ Asia Monor (vast plateau) |
antinode | (แอน' ทิโนด) n. บริเวณที่มีช่วงกว้างของคลื่นมากที่สุด -antinodal adj. |
aquatint | (แอค'วะทินทฺ) n.ศิลปการกัดและลายเว้าด้วยกรด ทำให้เป็นภาพเหมือนเขียนด้วยหมึกหรือสีน้ำ. -aquatinter n. (tinted water) |
ascertain | (แอสเซอเทน') vt. เสาะหา, ค้นคว้า, สืบหา, ทำให้แน่ใจหรือชัดเจน. -ascertainment n., Syn. discover, determine |
ascot | (แอส'คอท) n. ผ้าพันคอมหรือเน็คไทขนาดกว้างที่แผ่ให้เห็นใต้คาง (scarf or necktie) |
avenue | (แอฟ'วะนิว) n. ถนนกว้างใหญ่, ถนนเอก, วิถีทาง, เส้นทาง, ลู่ทาง, Syn. thoroughfare, lane, approach, walk |
backbone network | (แบค' โบน เนทเวิร์ค) n. ส่วนของเครือข่ายอันกว้างใหญ่ที่เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายท้องถิ่น |
bar code | รหัสแท่ง <คำแปล>หมายถึง รหัสที่ประกอบด้วยเส้นหลายเส้นที่มีขนาดความกว้างต่าง ๆ กัน มักจะมีอยู่บนสินค้านานาชนิด นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน เครื่องอ่านรหัสแท่งจะอ่านได้ด้วยการปล่อยให้แสงผ่าน แล้วนำรหัสเหล่านี้มาแยกออกว่า เป็นรหัสของสินค้าอะไร ราคาเท่าใด บางบริษัทอาจจะใช้เป็นตัวควบคุมบัญชีพัสดุได้ด้วย |
bay | (เบ) { bayed, baying, bays } n. อ่าวเล็ก, ที่เว้าของเทือกเขา, มุข, ชื่อเสียง (bays) , สีน้ำตาลปนแดง, ม้าหรือสัตว์ที่มีสีน้ำตาลปนแดง, เสียงเห่า, ภาวะหมดหนทาง, ความอับจน, การหอน vi. เห่า, หอน vt. เห่าใส่ adj. สีเทาปนแดง |
beaker | (บีค'เคอะ) n. ถ้วยขนาดใหญ่ที่มีปากกว้าง, ถ้วยสุราขนาดใหญ่, แก้วที่มีส่วนปากเป็นรูปจะงอย |
beamy | (บี'มี) adj. เปล่งแสง, เป็นคานที่กว้างใหญ่, มีเขาเป็นกิ่งก้าน, See also: beaminess n. ดูbeamy |
bola | (โบ'ละ) n. อาวุธที่ประกอบด้วยลูกหินหรือลูกเหล็ก2-3ลุกที่ปลายเชือก ใช้เหวี่ยงขว้าง |
bore | (บอร์) { bored, boring, bores } vi., vt., n. อดีตกาลของbear, เจาะรู, ไซ, เจาะช่อง, คว้าน, เปิดทาง, แหวกทาง, ความรำคาญ, คนน่าเบื่อ, คนพูดมาก, สิ่งที่น่าเบื่อ, ทำให้เบื่อหน่าย, ทำให้น่าเบื่อ, รูเจาะ, ช่อง, ส่วนกว้างของลูกสูบ, ปากกระบอกลำกล้องปืน, เครื่องเจาะรู, กระแสน้ำที่ขึ้นอย่า |
boulevard | (บูล'ละวาร์ด') n. ถนนกว้างใหญ่ในเมืองมักมีต้นไม้อยู่ข้างทาง, ถนนสายสำคัญในเมือง |
bounteous | (เบา'เทียส) adj. มากมาย, ใจบุญ, ใจกว้าง, อุดมสมบูรณ์, เหลือหลาย, See also: bounteousness n., Syn. bountiful |
bountiful | (เบา'ทิฟูล) adj. ใจบุญ, ใจกว้าง, เอื้อเฟื้อ, อารี, อุดมสมบูรณ์, มากมาย, เหลือหลาย |
bowler | (โบ'เลอะ) n. ค คนเล่นโบว์ลิ่ง, คนขว้างลูก, |
breadth | (เบรดธฺ) n. ความกว้าง -Id. (by a hair 'sbreadth แค่เส้นยาแดงผ่าแปด) -Conf.breath |
breadthways | adv. ตามกว้าง |
breadthwise | adj. ตามกว้าง |
brickbat | n. เศษอิฐ, เศษที่ใช้เหวี่ยงขว้าง, คำตำหนิ |
broach | (โบรชฺ) { broached, broaching, broaches } n. เครื่องคว้านรู, เหล็กเสียบ, โบสถ์หรือเจดีย์ยอดเหลี่ยม vt. เจาะรู, คว้านรู, ทำให้ผิวน้ำแตกกระจาย, See also: broacher n. -Conf. brooch |
broad | (บรอด) n. กว้าง, กว้างขวาง, เวิ้งว้าง, โจ่งแจ้ง, ไม่เกลี้ยงเกลา, หยาบ, แสก, ไม่ถูกจำกัด, อิสระ adj. เต็ม, เต็มที่ n. ส่วนกว้าง, ผู้หญิง, หญิงสำส่อน, See also: broadish adj. -Conf. wide |
broad-minded | (บรอด'ไมดิด) adj. ใจกว้าง, ไม่มีอคติ, อดทน |
broaden | (บรอด'เดิน) { broadened, broadening, broadens } vt., vi. ทำให้กว้าง, กว้างขึ้น, Syn. spread |
broadside | n. ข้างเรือทั้งหมด, ปืนเรือทั้งหมดของข้างหนึ่งของเรือ, การโจมตีหรือวิจารณ์อย่างรุนแรง, ยกหน้าเดียว adj., vi. เอาด้านกว้างกว่าเข้าหา, Syn. volley |
broadspread | adj. ซึ่งแผ่ออกกว้าง |
bung | (บัง) { bunged, bunging, bungs } n. จุก, รูถัง vt. ปิดด้วยจุก, ปิดจุก, อุดแน่น, ขว้าง, โยน, ทำให้ขยายใหญ่ -Phr. (bung off หนี) -Phr. (bung up ตีบาดเจ็บ, จุกเต็มไปหมด, ตีเสีย), Syn. stopper |
cadge | (แคจ) vt. ยืมโดยไม่ตั้งใจจะคืน, ขอทาน, คว้ามา |
campo | n. ทุ่งหญ้าเรียบและกว้าง |
capacious | (คะเพ'เ?ียส) adj. จุมาก, ใหญ่มาก, กว้างขวาง, มีเนื้อที่มาก, See also: capaciousness n. ดู capacious |
capstan | (แคพ'สแทน) n. เครื่องถอนสมอเรือ, กว้าน |
cast | (คาสทฺ) { cast, cast, casting, casts } v., n. (การ) ขว้าง, ทิ้ง, เหวี่ยง, โยน, หว่าน, เปลื้อง, ปลด, ลอก (คราบ) , ทอด (แสง, เงา, สายตา) , ปลด, ลง, หย่อน, ทำนาย, หล่อ, ให้กำเนิด, ปฎิเสธ, ไล่ออก, ให้, จัดการ, เลือก (คนแสดง) , คำนวณ, วางแผน, ข้าง, หล่อแบบ, คำนวณ, บวก, ทำนาย, ตรวจหา คำศัพท์ย่อย: |
castaway | (แคส'ทะเวย์) n. คนเรือแตก, คนนอกกฎหมาย adj. ล่องลอย, เรือแตก, ถูกทิ้งขว้าง, Syn. pariah, outcast |
caster | (คาส'เทอะ) n. คนขว้าง, สิ่งขว้าง, กระปุกเกลือ (พริกไทยน้ำตาล), Syn. castor |
casting | (แคส'ทิง) n. กระบวนการหล่อ, สิ่งที่ถูกหล่อออกมา, การขว้าง, การโยน, การกำหนดบท, การทอดแห, , Syn. hurl |
catch { caught | (แคทชฺ) vt., vi. จับ, จับไว้, คว้า, ตะครุบ, เกาะ, ฉวย, คล้องไว้, รับไว้, ต้านไว้, อุ้ม, รีบไป, พบโดยบังเอิญ, พบว่า, รับเชื้อ, ติดเชื้อ, ติดไฟ, ตีถูก, ทำให้เกิด, ก่อให้เกิด, เข้าใจ, Syn. take, see, contract |
catches } | (แคทชฺ) vt., vi. จับ, จับไว้, คว้า, ตะครุบ, เกาะ, ฉวย, คล้องไว้, รับไว้, ต้านไว้, อุ้ม, รีบไป, พบโดยบังเอิญ, พบว่า, รับเชื้อ, ติดเชื้อ, ติดไฟ, ตีถูก, ทำให้เกิด, ก่อให้เกิด, เข้าใจ, Syn. take, see, contract |
catcing | (แคทชฺ) vt., vi. จับ, จับไว้, คว้า, ตะครุบ, เกาะ, ฉวย, คล้องไว้, รับไว้, ต้านไว้, อุ้ม, รีบไป, พบโดยบังเอิญ, พบว่า, รับเชื้อ, ติดเชื้อ, ติดไฟ, ตีถูก, ทำให้เกิด, ก่อให้เกิด, เข้าใจ, Syn. take, see, contract |
catholic | (แคธ'ธอลิค) adj. กว้างขวาง, โดยทั่วไป, โอบอ้อมอารี, ใจกว้าง, Syn. general |
catholicism | (คะธอล'ลิซิสซึม) n. ศรัทธาระบบและการปฏิบัติการของนิกายคาทอลิก, ความมีใจกว้าง, การแพร่หลาย, การมีอยู่ทั่วไป, Syn. catholicity |
caught | (แคทชฺ) vt., vi. จับ, จับไว้, คว้า, ตะครุบ, เกาะ, ฉวย, คล้องไว้, รับไว้, ต้านไว้, อุ้ม, รีบไป, พบโดยบังเอิญ, พบว่า, รับเชื้อ, ติดเชื้อ, ติดไฟ, ตีถูก, ทำให้เกิด, ก่อให้เกิด, เข้าใจ, Syn. take, see, contract |
chesty | (เชส'ที) adj. ซึ่งมีหน้าอกกว้างหรือใหญ่, ทะนงตัว, หยิ่ง, เกี่ยวกับโรคทรวงอก., See also: chestiness n. |
abroad | (adv) ในต่างประเทศ, นอกประเทศ, นอกบ้าน, กว้างออกไป |
agape | (adj) อ้าปากกว้าง, ตกใจ, เปิดกว้าง |
ample | (n) มากมาย, กว้างขวาง, เหลือเฟือ |
amplitude | (n) ความกว้าง, ช่วงกว้าง, ความสมบูรณ์ |
ascertain | (vt) ค้นคว้า, สืบหา, สอบถาม |
bighearted | (adj) ใจดี, ใจกว้าง, ใจกรุณา, มีน้ำใจ |
boundless | (adj) ไม่มีขอบเขต, กว้างขวาง, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่จำกัด |
bounteous | (adj) มากมาย, ใจกว้าง, โอบอ้อมอารี, ใจ |
bountiful | (adj) มากมาย, ใจกว้าง, โอบอ้อมอารี, ใจบุญ, เอื้อเฟื้อ, อุดม |
breadth | (n) ความกว้าง |
broach | (n) สว่าน, เครื่องกว้าน, เครื่องเจาะ, เข็มกลัด |
broad | (adj) กว้าง, กว้างขวาง, โจ่งแจ้ง, ไม่ถูกจำกัด |
BROAD-broad-minded | (adj) ใจกว้าง, เอื้อเฟื้อ, มีน้ำใจ |
broaden | (vi, vt) กว้างออก, ขยายออก |
capacious | (adj) กว้างขวาง, จุ, ใหญ่, มีเนื้อที่มาก |
capstan | (n) กว้าน |
cast | (n) รูปหล่อ, การขว้าง, การเลือกตัวละคร, การทอดลูกเต๋า, การคำนวณ |
cast | (vt) โยน, เหวี่ยง, ขว้าง, หว่าน, หล่อ, เลือก(ผู้แสดง), ปลด, ไล่ออก |
caster | (n) ผู้ขว้าง, ช่างหล่อ, ลูกล้อเลื่อน, เครื่องพวง, กระปุกเครื่องปรุง |
casting | (n) การโยน, การทอดแห, การขว้าง, การหล่อ, การเลือกนักแสดง |
catch | (vt) จับ, เกาะ, คว้า, ตะครุบ, ฉวย, ได้รับ, พบ, สบ(ตา), โดยสาร, ไปทัน |
catholic | (adj) กว้าง, ไม่จำกัด, แพร่หลาย, แผ่ไปทั่ว, โอบอ้อมอารี, ใจคอกว้างขวาง |
catholicity | (n) ความกว้างขวาง, ความใจกว้าง, ความแพร่หลาย |
charitable | (adj) ใจบุญ, ใจกว้าง, เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ |
chasm | (n) เหว, ช่องว่าง, ช่องกว้าง |
clutch | (n) คลัตช์, ก้ามปู, การกำ, การเกาะ, การคว้า, ลูกไก่ครอกหนึ่ง |
clutch | (vt) กำแน่น, คว้า, ฉวย, เกาะ, ยึด |
commodious | (adj) จุ, มีเนื้อที่กว้าง, กว้างขวาง, มีบริเวณกว้าง |
comprehensive | (adj) เกี่ยวกับความเข้าใจ, กินวงกว้าง, กว้างขวาง, ครอบคลุม |
concave | (adj) เว้า, โหว่ |
concavity | (n) ความเว้า, ส่วนโค้ง, ส่วนเว้า |
core | (vt) คว้านไส้, เอาไส้ในออก |
corner | (vt) ไล่จนมุม, ทำให้จนตรอก, ต้อนเข้ามุม, กว้านซื้อ |
cove | (n) อ่าวเล็ก, ที่เว้า, ส่วนเว้า |
delve | (vt) ค้นหา, ค้นคว้า, ขุดค้น |
dent | (n) รอยบุบสลาย, รอยเว้า, แอ่ง, รอยตอก |
dent | (vt) ทำให้บุบสลาย, ทำให้เป็นรอยเว้า, ทำให้เป็นแอ่ง |
desolate | (adj) อ้างว้าง, โดดเดี่ยว, เปล่าเปลี่ยว, ไร้ผู้คน, ว่างเปล่า, แห้งแล้ง |
desolate | (vt) ทำให้ไม่สบายใจ, ทำให้เศร้าสลด, ทำให้หดหู่ใจ, ทำให้อ้างว้าง |
desolation | (n) ความอ้างว้าง, ความเปล่าเปลี่ยว, ความว้าเหว่, ความแห้งแล้ง, ความเศร้าใจ |
dilate | (vt) พอง, ขยาย, ทำให้กว้างออก, ทำให้ยืดออก |
disquisition | (n) การถกเถียง, การตรวจสอบ, การค้นคว้า, การบรรยาย, ปาฐกถา |
distract | (vt) ทำให้เขว, ทำให้วอกแวก, กวนใจ, ล่อใจ, ทำให้ว้าวุ่น |
distraction | (n) ใจลอย, ความว้าวุ่นใจ, ความวอกแวก, เครื่องล่อใจ |
dump | (vt) เท, ทิ้งขว้าง, ยกเลิก, ขับไล่ |
enlarge | (vt) ขยายส่วน, ขยายตัว, ทำให้กว้างขวาง, เพิ่ม, เสริม |
ewer | (n) คนโท, กาน้ำปากกว้าง |
expanse | (n) พื้นที่กว้างใหญ่, สิ่งที่ขยายออก, การขยาย |
expansive | (adj) ขยายตัวได้, กว้างขวาง, ไพศาล, กินความมาก |
extensive | (adj) กว้างใหญ่, แพร่หลาย, ครอบคลุม, กว้างขวาง |