ขอบ | (n) edge, See also: rim, brim, side, border, fringe, brink, periphery, perimeter, Syn. สัน, ริม, กรอบ, Example: เด็กเล็กๆ มักจะเดินชนขอบโต๊ะ |
ขอบตา | (n) eye socket, See also: rim of the eyes, edge of the eyelid, periphery of the eyes, Example: คุณแม่ไปหาหมอเพราะที่ขอบตาของเธอมีตุ่มใสๆ ขึ้นหลายเม็ด |
ขอบใจ | (v) thank, See also: be thankful for, be grateful to, give thanks, Syn. ขอบคุณ, Example: ฉันขอบใจเธอมากที่เธอดีต่อฉันเสมอต้นเสมอปลาย, Thai Definition: กล่าวแสดงความรู้สึกพอใจในความดีที่ผู้อื่นได้มีต่อตน (เป็นคำที่ผู้ใหญ่ใช้แก่ผู้น้อย) |
ขอบไร | (n) circumspect, See also: discretion, prudence, completeness, complement, carefulness, Syn. ความรอบคอบ, ความทั่วถึง |
ตกขอบ | (adj) extreme, See also: ultra-, Syn. ที่สุด, เต็มที่, แรงกล้า, สุดโต่ง, สุดขอบ, Example: เขาเป็นพวกขวาตกขอบ |
ขอบคุณ | (v) thank, See also: be thankful for, be grateful to, give thanks for, Syn. ขอบพระคุณ, Example: ผมรู้สึกขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือของผู้ชายคนนั้นอยู่เสมอ, Thai Definition: กล่าวแสดงความรู้สึกบุญคุณ (เป็นคำที่ใช้แก่บุคคลที่เสมอกัน หรือผู้น้อยใช้แก่ผู้ใหญ่). |
ขอบฟ้า | (n) horizon, See also: skyline, Syn. เส้นขอบฟ้า, Example: เราจะเห็นรุ้งกินน้ำที่ขอบฟ้าเวลาฝนตกแดดออก, Thai Definition: เส้นแบ่งเขตระหว่างพื้นโลกกับท้องฟ้า |
ขอบเขต | (n) boundary, See also: range, extent, bound, border, precinct, Syn. อาณาเขต, ขอบข่าย, เขต, บริเวณ, Example: การจัดการเรียนการสอนเฉพาะในขอบเขตห้องเรียนย่อมไม่ก่อให้เกิดผลต่อการพัฒนาการเรียนการสอน |
ขอบเขต | (n) limit, See also: confine, scope, margin, Syn. ข้อจำกัด, ข้อกำหนด, เงื่อนไข, Example: การเล่นกีฬาต้องอยู่ในขอบเขตที่กำหนดไว้ |
| (ประธานคณะกรรมการมีกำหนดจะประกาศรายชื่อนักการเมืองที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยเรื่องการทุจริต) |
ชายขอบ | (n) margin, See also: rim, edge, fringe, Syn. ขอบ, ริม, Example: น้ำท่าเป็นน้ำฝนที่ไหลจากชายขอบของพื้นที่ป่าพรุ |
ขอบกั้น | (n) edge, See also: rim, brim, side, border, fringe, brink, perimeter, periphery, Example: ร่องดินสายนี้มีตลิ่งสูงชันเป็นขอบกั้นอยู่สองด้าน |
ขอบข่าย | (n) framework, See also: scope, range, extend, sphere, domain, limit, Syn. ขอบเขต, Example: การตรวจสอบเค้าโครงเรื่องของนักเรียนเพื่อจะช่วยให้แน่ใจว่านักเรียนได้กำหนดขอบข่ายและลำดับขั้นตอนของเนื้อหาได้ครบถ้วนแล้ว, Thai Definition: ขอบเขตงานหรือความรู้ที่อยู่ในความรับผิดชอบ |
คำขอบคุณ | (n) thank, See also: gratefulness, recognition, Example: พิธีกรกล่าวคำขอบคุณผู้ชมที่มาร่วมงานในวันนี้, Thai Definition: คำกล่าวแสดงความรู้สึกบุญคุณ |
ขอบพระคุณ | (v) thank, See also: be thankful for, be grateful to, give thanks, Syn. ขอบคุณ, Example: เจ้าบ่าวและเจ้าสาวขอบพระคุณแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานมงคลสมรส, Thai Definition: กล่าวแสดงความรู้สึกบุญคุณ (เป็นคำที่ใช้แก่บุคคลที่เสมอกัน หรือผู้น้อยใช้แก่ผู้ใหญ่). |
นอกขอบเขต | (n) outside the scope of, Ant. ในขอบเขต, ภายในขอบเขต, Example: การกระทำของคุณตอนนี้อยู่นอกขอบเขตแล้วนะ, Thai Definition: ออกนอกบริเวณที่กำหนดไว้ |
นาขอบเหล็ก | (n) unexpanded field, Syn. นาเชิงทรง, Example: ที่ดินตรงนี้เป็นนาขอบเหล็ก ที่หมดหวังจะได้ผลผลิตแล้ว, Count Unit: แปลง, Thai Definition: นาที่ไม่มีวันจะบุกเบิกได้อีก |
เกินขอบเขต | (adv) over the limit, Syn. เลยขอบเขต, Ant. ในขอบเขต, Example: รถคันนั้นขับเร็วเกินขอบเขตที่กฎหมายกำหนด, Thai Definition: ที่เลยจากขอบเขตที่กำหนดไว้ |
เกินขอบเขต | (v) be over the limit, Syn. เลยขอบเขต, Ant. ในขอบเขต, Example: ท่านจงมีความหยิ่งในชาติกำเนิดของท่าน แต่อย่าหยิ่งจนเกินขอบเขต, Thai Definition: เลยจากขอบเขตที่กำหนดไว้ |
อินังขังขอบ | (v) care, See also: pay attention to, be concerned with, Syn. อินัง, เอาใจใส่, ดูแล, เหลียวแล, สนใจ, Example: เพราะไม่จำเป็นต้องรีบร้อนออกจากบ้านแต่เช้าเหมือนคนอื่น ดังนั้นเขาจึงไม่อินังขังขอบเท่าไหร่นักในเรื่องตื่นนอน |
ทำเกินขอบเขต | (v) overstep, Example: ชาวบ้านรู้สึกว่าผู้ใหญ่บ้านทำเกินขอบเขตกว่าอำนาจที่ตนมี |
ขอบิณฑบาต | ก. ขอให้ละเว้นการกระทำ. |
ขอบ ๑ | น. ริมรอบ เช่น ขอบโต๊ะ, ริมที่ยกให้สูงขึ้นโดยรอบ เช่น ขอบสระ ขอบถนน. |
ขอบกระด้ง | น. ชื่อเรียกกระเพาะอาหารกระเพาะแรกของสัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่นวัวควาย มีขนาดใหญ่ที่สุดในจำนวน ๔ กระเพาะ เยื่อบุภายในมีสันคล้ายขอบกระด้ง. |
ขอบทาง | น. แนวริมของทางเดินรถ. |
ขอบฟ้า | น. แนวที่เห็นเสมือนฟ้าจดกับแผ่นดินหรือทะเล, โดยปริยายหมายถึงไกลมากจนประมาณระยะทางไม่ได้. |
ขอบไร | น. ใช้โดยปริยายว่า ความรอบคอบ, ความทั่วถึง. |
ขอบ ๒ | ก. ทดแทน, ตอบ, รับ, เช่น ขอบแต่ขอมสักตั้ง (ตะเลงพ่าย), ภายในสองนางขอบ, ธขอบคำความมนตรี (ลอ). |
ขอบอกขอบใจ | ก. ขอบใจมาก เช่น เขามาช่วยงานหลายงานแล้ว ต้องไปขอบอกขอบใจเสียหน่อย. |
ขอบข่าย | น. ขอบเขตงานหรือความรู้ที่อยู่ในความรับผิดชอบ. |
ขอบเขต | น. อาณาเขต, ขอบข่าย, ข้อจำกัด. |
ขอบคุณ, ขอบพระคุณ | คำกล่าวแสดงความรู้สึกบุญคุณ (เป็นคำที่ใช้แก่บุคคลที่เสมอกัน หรือผู้น้อยใช้แก่ผู้ใหญ่). |
ขอบใจ | คำกล่าวแสดงความรู้สึกพอใจในความดีที่ผู้อื่นได้มีต่อตน (เป็นคำที่ผู้ใหญ่ใช้แก่ผู้น้อย). |
ขอบเหล็ก | น. นาชนิดที่ไม่มีทางจะบุกเบิกออกไปได้อีก เรียกว่า นาขอบเหล็ก, นาเชิงทรง ก็ว่า. |
ตกขอบ | ว. ที่สุดข้างใดข้างหนึ่ง เช่น ขวาตกขอบ, เต็มที่ เช่น ฮาตกขอบ. |
นาขอบเหล็ก | น. นาชนิดที่ไม่มีทางจะบุกเบิกออกไปได้อีก, นาเชิงทรง ก็ว่า. |
ไม่อินังขังขอบ | ก. ไม่เอาใจใส่, ไม่ดูแล, ไม่นำพา. |
สุดขอบฟ้า | ว. ไกลมากที่สุด เช่น ต่อให้หนีไปอยู่สุดขอบฟ้า ก็จะตามให้พบ, สุดหล้าฟ้าเขียว ก็ว่า. |
อินัง, อินังขังขอบ | ก. เอาใจใส่, เอาใจช่วย, ดูแล, เหลียวแล, นำพา, (มักใช้ในความปฏิเสธ) เช่น ไม่อินัง ไม่อินังขังขอบ หมายความว่า ไม่เอาใจใส่. |
กง ๒ | ไร่ล้มลุกที่ถางป่าเป็นหย่อม ๆ ตามเนื้อที่และกั้นเป็นขอบเขตไว้. |
กรวย ๒ | ชื่อไม้พุ่มชนิด Casearia grewiifolia Vent. ในวงศ์ Flacourtiaceae ใบคล้ายชนิดแรกแต่ปลายมน มีขนมาก ขอบใบมีจักเล็ก ๆ เชื่อกันว่าเป็นยาสูบแก้ริดสีดวงจมูก, กรวยป่า ก็เรียก. |
กรอบ ๑ | (กฺรอบ) น. สิ่งที่ประกอบตามริมวัตถุมีรูปภาพเป็นต้น, โดยปริยายหมายความว่า ขอบเขตกำหนด เช่น ทำงานอยู่ในกรอบ. |
กรอบหน้า | น. เครื่องประดับขอบหน้าผากเป็นรูปกระจังเป็นต้น. |
กระจัง ๑ | น. ชื่อลายอย่างหนึ่ง อยู่ในรูปทรงสามเหลี่ยม ใช้เป็นลวดลายสำหรับเครื่องประดับที่อยู่บนชั้นหรือตามขอบของสิ่งบางอย่าง เช่น ชั้นฐานธรรมาสน์ กระจังมีหลายแบบ เช่น กระจังตาอ้อย กระจังเจิม กระจังปฏิญาณ, เครื่องประดับที่มีลวดลายชนิดนี้ เรียกว่า ตัวกระจัง ใช้ประดับบนลับแลและอื่น ๆ. |
กระจับบก | น. ชื่อไม้เถาชนิดหนึ่งขึ้นในป่าตํ่าตามที่นํ้าท่วม มักขึ้นปะปนกับเถากรด ซึ่งดูผาด ๆ คล้ายคลึงกัน ใบคู่ ขอบใบตอนบนที่ใกล้หรือติดกับก้านมีต่อมข้างละต่อม ผลนัยว่าแบน ๆ รูปสามเหลี่ยม ไม้ใช้ทำฟืน. |
กระจาด | น. ภาชนะสาน รูปเตี้ย ๆ ปากกว้าง ก้นสอบ, โดยปริยายเรียกเครื่องสานที่ทำเป็นตาโต ๆ ขอบปากแบบพานปากกระจับ สำหรับใส่ของเครื่องกัณฑ์เทศน์มหาชาติ. |
กระโฉม | น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Limnophila rugosa (Roth) Merr. ในวงศ์ Scrophulariaceae ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ ลำต้นและกิ่งอวบน้ำ สีม่วง ใบรูปไข่ ค่อนข้างหนา ด้านล่างมีขน ขอบหยักห่าง ๆ ก้านใบแบน ๆ โคนก้านโอบกิ่งหรือลำต้น ดอกเล็ก ๆ สีม่วงแกมชมพู กลางเหลือง ออกเป็นกระจุกที่ง่ามใบหรือปลายกิ่ง ทุกส่วนของไม้นี้มีกลิ่นหอม ใช้เป็นอาหาร และใช้ทำยาได้, ผักโฉม ก็เรียก เช่น ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน (เห่เรือ). |
กระชับ ๑ | น. ชื่อไม้ล้มลุกชนิด Xanthium indicum K. Koenig ex Roxb. ในวงศ์ Compositae มักขึ้นเป็นวัชพืชในทุ่งนาและริมนํ้า ลำต้นและใบคาย ใบมนเว้า ขอบจัก โคนใบแหลม ดอกเล็กรวมเป็นกระจุกแน่น ผลรี ยาวประมาณ ๑ เซนติเมตร มีหนามปลายงอทั่วทั้งผล รากหอมอ่อน ๆ ใช้อบผ้าได้ บางส่วนของไม้นี้ใช้เป็นยาได้ แต่ทั้งต้นเป็นพิษต่อปศุสัตว์, ขี้ครอก หรือ ขี้อ้น ก็เรียก. |
กระด้ง | น. ภาชนะสานรูปแบน กลม ยกขอบ สำหรับฝัดข้าวเป็นต้น, ถ้ามีตาห่าง เรียกว่า ตะแกรง. |
กระแตไต่ไม้ ๒ | น. ชื่อเฟินอิงอาศัยชนิด Drynaria quercifolia (L.) J. Sm. ในวงศ์ Polypodiaceae ขึ้นเกาะตามต้นไม้ใหญ่ในป่าที่ชุ่มชื้น เหง้ามีขนเป็นปุยสีนํ้าตาลแก่คล้ายกระแต ใบมี ๒ ชนิด คือ ใบสร้างอับสปอร์ ยาวประมาณ ๑ เมตร เว้าเป็นแฉกลึกเกือบถึงเส้นกลางใบ และมีอับสปอร์เป็นจุด ๆ สีนํ้าตาลเข้มใต้ใบ ใบไม่สร้างอับสปอร์ ขนาดประมาณฝ่ามือ ขอบจักหยาบ ๆ สีนํ้าตาล แข็งติดอยู่กับเหง้าจนผุ ไม่หล่นเหมือนใบสร้างอับสปอร์ ทำหน้าที่กักปุ๋ย, กระปรอกว่าว ใบหูช้าง สไบนาง สะโมง หรือ หัวว่าว ก็เรียก. |
กระทง ๑ | น. ภาชนะเย็บด้วยใบตองหรือใบไม้เป็นต้น ยกขอบสูงสำหรับใส่ของ, ถ้าเสริมขอบปากเป็นรูปกรวยเล็ก ๆ โดยรอบ เรียกว่า กระทงเจิม, ภาชนะที่ทำขึ้นสำหรับลอยนํ้าในประเพณีลอยกระทง |
กระทงเจิม | น. กระทงที่เสริมขอบปากเป็นรูปกรวยเล็ก ๆ โดยรอบ. |
กระทงลาย | น. ชื่อไม้เถาเนื้อแข็งชนิด Celastrus paniculatus Willd. ในวงศ์ Celastraceae ใบรูปไข่ปลายแหลม ขอบจักถี่ ดอกเล็กขาว ๆ เหลือง ๆ ออกเป็นช่ออยู่ปลายกิ่ง ผลเท่าเมล็ดถั่วลันเตา เมื่อแก่แตกเป็น ๓ กลีบ นํ้ามันจากเมล็ดใช้ทำยา ตามไฟ หรือเคลือบกระดาษกันนํ้าซึม, กระทุงลาย หรือ มะแตก ก็เรียก. |
กระทะ ๑ | น. ภาชนะสำหรับใช้ผัดหรือทอดเป็นต้น มีรูปร่างต่าง ๆ ตามปรกติมีก้นลึก ปากผาย ต่อมาอนุโลมเรียกภาชนะที่ใช้ในลักษณะเช่นนั้นแม้มีก้นตื้นหรือแบน ทั้งชนิดที่มีขอบและไม่มีขอบว่า กระทะ เช่น กระทะขนมเบื้อง กระทะโรตี. |
กระบม | น. ภาชนะชนิดหนึ่ง ทำด้วยไม้ขุด รูปวงกลมมีขอบ ด้ามสั้น สำหรับสงข้าวเหนียวที่นึ่งสุกใหม่ ๆ หรือคนข้าวเหนียวนึ่งให้ลดความร้อนก่อนนำไปใส่ในกล่องข้าว หรือใช้เป็นภาชนะรองถ้วยชามอย่างสำรับ, กระโบม ก็เรียก, อีสานและพายัพว่า กะบมหรือกะโบม. |
กระบะ | น. ภาชนะไม้ก้นแบนมีขอบ ใช้อย่างถาด, ใช้ว่า ตระบะ ก็มี |
กระเบน | เรียกชายผ้าที่เป็นส่วนกว้างของผ้านุ่งที่ประกบกันแล้วม้วนเฉียงสอดไปใต้หว่างขา ดึงขึ้นแล้วเอาชายไปเหน็บที่ขอบผ้านุ่งด้านหลังระดับบั้นเอว ว่า ชายกระเบน หรือ หางกระเบน |
กระโบม ๒ | น. ภาชนะชนิดหนึ่ง ทำด้วยไม้ขุด รูปวงกลมมีขอบ ด้ามสั้น สำหรับสงข้าวเหนียวที่นึ่งสุกใหม่ ๆ หรือคนข้าวเหนียวนึ่งให้ลดความร้อนก่อนนำไปใส่ในกล่องข้าว หรือใช้เป็นภาชนะรองถ้วยชามอย่างสำรับ, กระบม ก็เรียก, อีสานและพายัพว่า กะบมหรือกะโบม. |
กระสา ๓ | น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Broussonetia papyrifera (L.) Vent. ในวงศ์ Moraceae ชอบขึ้นในที่ชื้นแฉะ ตามริมแม่นํ้าลำคลอง ใบใหญ่เท่าฝ่ามือหรือกว่านั้นบ้าง รูปไข่ปลายแหลม ขอบใบเป็นจัก ๆ หรือเว้าเป็น ๓ แฉก มีขนทั้ง ๒ ด้าน เปลือกใช้ทำกระดาษได้ เรียก กระดาษสา, พายัพเรียก สา. |
กระสูบ | น. ชื่อปลานํ้าจืด ๒ ชนิด ในวงศ์ Cyprinidae รูปร่างคล้ายปลาตะเพียน แต่ลำตัวเพรียวกว่า ชนิดแรกคือ กระสูบขาว [ Hampala macrolepidota (van Hasselt) ] มักมีลายดำพาดขวางที่บริเวณลำตัวใต้ครีบหลัง พื้นหางสีแดง ขอบบนและล่างสีดำ ยาวได้ถึง ๗๐ เซนติเมตร อีกชนิดหนึ่งคือ กระสูบจุด ( H. disparSmith) ลำตัวมีจุดดำอยู่ตอนกลาง ปลายครีบหางมนกว่าและไม่มีแถบสีดำ ขนาดยาวได้ถึง ๒๐ เซนติเมตร, สูด หรือ สูบ ก็เรียก. |
กระหมิบ | อาการที่กล้ามเนื้อขอบปากทวารรัดตัวเข้ามา. (แผลงมาจาก ขมิบ). |
กระแห, กระแหทอง | น. ปลาตะเพียนขนาดกลางชนิด Barbonymus schwanefeldi (Bleeker) หรือ Puntius schwanefeldi (Bleeker) ในวงศ์ Cyprinidae ลำตัวสั้นกว้างคล้ายปลาตะเพียนขาว มักมีสีแดงอ่อนบนครีบ เฉพาะส่วนปลายของครีบหลังและขอบทั้งบนและล่างของครีบหางมีสีดำ ขนาดยาวได้ถึง ๔๐ เซนติเมตร, ตะเพียนหางแดง หรือ เลียนไฟ ก็เรียก, ปักษ์ใต้เรียก ลำปำ. |
กราย ๑ | (กฺราย) น. ชื่อปลานํ้าจืดชนิด Chitata ornata (Gray) วงศ์ Notopteridae หัวและลำตัวแบนข้างมาก สันหัวแอ่นลง ท้องเป็นสันคม ครีบท้องเล็กมาก ครีบก้นยาวต่อเนื่องกับครีบหางซึ่งเล็กและมีขอบมน บริเวณเหนือครีบก้นมีจุดสีดำ ๕-๑๐ จุดเรียงเป็นแถวตามยาว ขนาดยาวได้ถึง ๑ เมตร, ตองกราย หรือ หางแพน ก็เรียก. |
กลด ๑ | (กฺลด) น. เครื่องกั้นกันแดดหรือฝน ลักษณะคล้ายร่มขนาดใหญ่ ขอบมีระบาย คันยาว ใช้ถือกั้นเจ้านาย, ราชาศัพท์ว่า พระกลด, เรียกร่มขนาดใหญ่มีด้าม สำหรับพระธุดงค์โดยเฉพาะ, เรียกดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ที่มีแสงสีรุ้งเป็นวงกลมล้อมรอบ ว่า ดวงอาทิตย์ทรงกลด ดวงจันทร์ทรงกลด. |
กวด | น. เหล็กเครื่องมือสำหรับกวดเลี่ยมขอบภาชนะ เรียกว่า เหล็กกวด. |
กะชะ | น. ภาชนะสานชนิดหนึ่ง ตั้งได้คล้ายตะกร้า รูปร่างสูงตรงขึ้นไป สำหรับบรรจุเครื่องเดินทาง เช่น ผ้าและอาหาร ปากไม่มีขอบ เพื่อบีบให้ติดกันแล้วร้อยเชือกแขวนไปบนหลังสัตว์บรรทุก เป็นต้น |
กะบม | น. ภาชนะชนิดหนึ่ง ทำด้วยไม้ขุดรูปวงกลมมีขอบ ด้ามสั้น สำหรับสงข้าวเหนียวที่นึ่งสุกใหม่ ๆ หรือคนข้าวเหนียวนึ่งให้ลดความร้อนก่อนนำไปใส่ในกล่องข้าว หรือใช้เป็นภาชนะรองถ้วยชามอย่างสำรับ, กะโบม ก็เรียก. (ดู กระบม). |
กะโบม | น. ภาชนะชนิดหนึ่ง ทำด้วยไม้ขุดรูปวงกลมมีขอบ ด้ามสั้น สำหรับสงข้าวเหนียวที่นึ่งสุกใหม่ ๆ หรือคนข้าวเหนียวนึ่งให้ลดความร้อนก่อนนำไปใส่ในกล่องข้าว หรือใช้เป็นภาชนะรองถ้วยชามอย่างสำรับ, กะบม ก็เรียก. (ดู กระโบม). |
กะพ้อ ๒ | น. ชื่อปาล์มขนาดย่อมในสกุล Licuala วงศ์ Palmae มีหลายชนิด เช่น ชนิด L. spinosa Thunb. มักขึ้นเป็นกออยู่ริมทะเล หรือในที่ซึ่งนํ้าเค็มขึ้นถึง ลำต้นสูงถึง ๔ เมตร ใบกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง ๖๐-๑๑๐ เซนติเมตร เว้าเป็นแฉกลึก ก้านใบยาว ขอบก้านมีหนาม, ชนิด L. peltata Roxb. ขึ้นตามป่าดอนในที่ชุ่มชื้นและที่แฉะ ลักษณะคล้ายชนิดแรก แต่ก้านใบลํ้าอยู่ใต้โคนใบ ทั้ง ๒ ชนิดใบใช้ห่อทำไต้ ห่อของ เย็บเป็นร่ม มุงหลังคาชั่วคราว ใบอ่อนใช้มวนบุหรี่, กะชิง ก็เรียก, ปักษ์ใต้เรียก ชิง หรือ ชิ่ง, ปาล์มพวกนี้เรียก พ้อ ก็มี เช่น ใบพ้อพันห่อหุ้ม กฤษณา (โลกนิติ). |
กะราง, กะลาง | น. ชื่อนกขนาดกลางหลายชนิด ใน ๒ วงศ์ ลำตัวอ้วนป้อม หากินเป็นฝูงตามพื้นดิน อาจหากินร่วมกับนกชนิดอื่น ๆ พวกที่อยู่ในวงศ์ Sylviidae มีปากหนาสั้นสีดำปลายแหลม เช่น กะรางหัวหงอก [ Garrulax leucolophus (Hardwicke) ] กะรางคอดำ [ G. chinensis (Scopoli) ] กะรางสร้อยคอเล็ก [ G. monileqer (Hodgson) ] พวกที่อยู่ในวงศ์ Upupidae ได้แก่ กะรางหัวขวาน ( Upupa epops Linn.) ปากยาวแหลมโค้งสีดำ หงอนขนสีส้มขอบดำ ลักษณะหงอนขนเหมือนหมวกของอินเดียนแดง ขนตามลำตัวสีนํ้าตาลอมเหลือง มีแถบดำขาวสลับกัน, ชนิดนี้ การางหัวขวาน หรือ หงอนชบา ก็เรียก. |
กังเวียน | น. ขอบที่เป็นระบายของผ้าปกกระพองช้าง เช่น จัดพาดกังเวียนวาง ห่อได้ (ตำราช้างคำโคลง-วชิรญาณ เล่ม ๒๑). |
partial veil | เยื่อขอบหมวกเห็ด [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] |
peripherad | สู่ขอบ, สู่ส่วนขอบ, สู่รอบนอก, สู่ส่วนปลาย, สู่นอกส่วนกลาง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
peripheral; peripheric | -ขอบ, -ส่วนขอบ, -รอบนอก, -ส่วนปลาย, -นอกส่วนกลาง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
perimeter | ๑. มาตรลานสายตา๒. เส้นขอบ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
paronychia | ขอบเล็บอักเสบ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
peripheric; peripheral | -ขอบ, -ส่วนขอบ, -รอบนอก, -ส่วนปลาย, -นอกส่วนกลาง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
periphery | ขอบ, ส่วนขอบ, ส่วนรอบนอก, ส่วนปลาย, ส่วนนอกส่วนกลาง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
periphery; border | ขอบ [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] |
periphery wax | ขี้ผึ้งดามขอบ [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] |
precinct | ๑. ขอบเขต, บริเวณ๒. ปริมณฑล [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
purview | บทกฎหมาย, ขอบเขตของบทกฎหมาย [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
posterior border | ขอบด้านหลัง [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] |
posterior border position | ตำแหน่งสุดขอบหลัง(ขากรรไกรล่าง) [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] |
posterior embryotoxon | ขอบวงด้านในกระจกตาหนา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
posterior palatal seal; post palatal seal | ขอบผนึกท้ายเพดาน(ปาก) [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] |
post palatal seal; posterior palatal seal | ขอบผนึกท้ายเพดาน(ปาก) [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] |
peripheral cyanosis | อาการเขียวคล้ำส่วนขอบ, อาการเขียวคล้ำรอบนอก, อาการเขียวคล้ำส่วนปลาย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
ponor | หลุมขอบชัน [ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖] |
precinct | ๑. ขอบเขต, บริเวณ๒. ปริมณฑล [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
lower border; inferior border | ขอบด้านล่าง [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] |
lower bound | ขอบเขตล่าง [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] |
lower boundary | ขอบล่าง [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] |
lateral border | ขอบด้านข้าง [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] |
lateral margin of orbit | ขอบเบ้าตาด้านข้าง [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] |
land boundaries | ขอบเขตที่ดิน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
labial | -ริมฝีปาก, -แคม, -ขอบเปลือกตา [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
least upper bound | ขอบเขตบนน้อยสุด [ มีความหมายเหมือนกับ supremum ] [คณิตศาสตร์๑๙ ก.ค. ๒๕๔๗] |
ring ridge | ขอบในของกระบอกสูบ [ยานยนต์ ๑๒ มี.ค. ๒๕๔๕] |
ring scotoma | วงขอบลานเห็นมืด [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
ring-ridge remover; cylinder ridge reamer; ridge reamer | เครื่องปาดขอบในของกระบอกสูบ [ยานยนต์ ๑๒ มี.ค. ๒๕๔๕] |
ridge reamer; cylinder ridge reamer; ring-ridge remover | เครื่องปาดขอบในของกระบอกสูบ [ยานยนต์ ๑๒ มี.ค. ๒๕๔๕] |
restraint of trade | การจำกัดขอบเขตการค้า [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
restraint of trade | การจำกัดขอบเขตการค้า [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
rule relating to territorial extent | กฎว่าด้วยขอบเขตแห่งดินแดน [นิติศาสตร์ ๑๑ มี.ค. ๒๕๔๕] |
revolute | ม้วนลง [ ขอบ ] [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] |
rugged individualism | ปัจเจกนิยมตกขอบ, ปัจเจกนิยมแบบไม่พึ่งใคร [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
reaction border; reaction rim | ขอบปฏิกิริยา [ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖] |
reaction rim; reaction border | ขอบปฏิกิริยา [ธรณีวิทยา๑๔ ม.ค. ๒๕๔๖] |
rim | ขอบล้อ [ยานยนต์ ๑๒ มี.ค. ๒๕๔๕] |
reduplicate | ขอบพับออก [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] |
superior border; upper border | ขอบด้านบน [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] |
separation of boundary layer | การแยกของชั้นขอบเขต [พลังงาน ๒๖ ม.ค. ๒๕๔๕] |
sty; hordeolum; stye | ๑. กุ้งยิง๒. กุ้งยิงด้านนอก, กุ้งยิงขอบหนังตา [ มีความหมายเหมือนกับ hordeolum, external ] [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
stye; hordeolum; sty | ๑. กุ้งยิง๒. กุ้งยิงด้านนอก, กุ้งยิงขอบหนังตา [ มีความหมายเหมือนกับ hordeolum, external ] [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
simple pit | รอยเว้าไม่มีขอบ [พฤกษศาสตร์ ๑๘ ก.พ. ๒๕๔๕] |
septomarginal | -ขอบผนังกั้น [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
sphere of Monson | ขอบเขตของมอนสัน [ทันตแพทยศาสตร์๑๓ มี.ค. ๒๕๔๕] |
spherical aberration; aberration, dioptric | ความพร่าเหตุขอบเลนส์ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
sea, marginal | ทะเลชายอาณาเขต, ทะเลชายขอบทวีป [รัฐศาสตร์ ๑๗ ส.ค. ๒๕๔๔] |
submarginal | ใต้ขอบ, ใกล้ขอบ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
รั้วราชวัติ | เป็นเครื่องหมายกำหนดขอบเขตปริมณฑลพระราชพิธี [ศัพท์พระราชพิธี] |
พระกลด | [ กฺลด ] น. ร่มขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ขอบร่มมีระบาย คันยาวกว่าก้านร่ม ใช้ถือกั้นเจ้านาย หรือพระภิกษุที่ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์, ราชาศัพท์ว่า พระกลด, เรียกร่มขนาดใหญ่มีด้าม สำหรับพระธุดงค์โดยเฉพาะ, เรียกดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ที่มีแสงสีรุ้งเป็นวงกลมล้อมรอบว่า ดวงอาทิตย์ทรงกลด ดวงจันทร์ทรงกลด. (ข. กฺลส). [ศัพท์พระราชพิธี] |
Delineation Well | หลุมสำรวจขอบเขต, Example: หลุมประเมินผล (Appraisal well) ที่เจาะโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหาขอบเขตของแหล่งกักเก็บปิโตรเลียม [ปิโตรเลี่ยม] |
Justify | จัดขอบ [คอมพิวเตอร์] |
system | ระบบ, ที่รวมของส่วนประกอบต่างๆ ที่ทำงานร่วมกัน มีจุดประสงค์ร่วมกัน และมีขอบเขตโดยแน่ชัด เช่น คอมพิวเตอร์เป็นระบบ เพราะประกอบด้วยฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ที่ทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาตามที่ผู้ใช้กำหนด ร่างกายมนุษย์เป็นระบบเพราะประกอบด้วยอวัยวะต่างๆ ที่ทำงานร่วมกันโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะให้ร่างกายมีชีวิตอยู่ ระบบทั้งหลายต้องรับอินพุดรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเข้าไปในระบบ ต่อจากนั้นจึงนำอินพุดเหล่านั้นมาดำเนินการให้เกิดเป็นเอาท์พุต หรือปรับอินพุดหรือการดำเนินการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น การนำเอาท์พุดมาพิจารณาแล้วปรับ ดังนี้เรียกว่า การป้อนกลับ (feedback) [คอมพิวเตอร์] |
Boundary value problems | ข้อปัญหาค่าขอบ [TU Subject Heading] |
Marginality, Social | ความเป็นชายขอบทางสังคม [TU Subject Heading] |
Eutrophication | กระบวนการเจริญเติบโตเกินขอบเขต, Example: เป็นกระบวนการที่เป็นตัวชักนำธาตุอาหารไปสู่ สิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะ ธาตุฟอสฟอรัส ไนโตรเจน ฯลฯ โดยมีสาเหตุจากสภาพเทคโนโลยี ในปัจจุบันที่มนุษย์ใช้ปุ๋ยเคมีซึ่งมีส่วนประกอบของธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียมอย่างมาก และธาตุอาหารเหล่านี้อาจ แพร่กระจายไปในพื้นที่บริเวณกว้างโดยการชะล้างของฝน และการชักนำของน้ำ เมื่อแพร่กระจายไปรวมตัวอยู่ในบริเวณใดเป็นจำนวนมาก พืชในบริเวณนั้นก็จะเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนมากเกินขอบเขต ซึ่งจะก่อให้เกิดอัตราดูดซึมธาตุอาหารอื่นเข้าไปสู่สิ่งมีชีวิตเพิ่มมากขึ้น จากอัตราปกติหรือเป็นจำนวนมาก [สิ่งแวดล้อม] |
Curbside Recycling | การแยกขยะตามขอบถนน, Example: การเก็บขยะที่แยกแยะไว้ เพื่อการนำกลับมาใช้โดยติดตั้งถังแยกได้ที่ขอบถนน [สิ่งแวดล้อม] |
Perimeter Gas Extraction Trenches | ร่องสกัดแก๊สตามขอบ(หลุมฝังกลบ), Example: ร่องสกัดแก๊สตามขอบพื้นที่ฝังกลบขยะเพื่อรวบ รวมแก๊สที่เกิดขึ้น เป็นป้องกันการรั่วไหลออกสู่สิ่งแวดล้อมภายนอกพื้นที่ฝังกลบ [สิ่งแวดล้อม] |
ASEAN Regional Forum | การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาค เอเชีย-แปซิฟิก " เป็นการประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรี ต่างประเทศของประเทศคู่เจรจาของอาเซียน (Dialogue Partners) ได้แก่ ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย จีน รัสเซีย และสหภาพยุโรป ผู้สังเกตการณ์ (Observers) ของอาเซียน ได้แก่ ปาปัวนิวกินี และประเทศอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น มองโกเลียและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (เกาหลีเหนือ) โดย ARF ได้ใช้ ""geographical footprint"" หรือขอบเขตทางภูมิศาสตร์ เป็นปัจจัยสำคัญเพื่อประกอบการพิจารณารับสมาชิกใหม่ ปัจจุบัน ARF มีประเทศสมาชิก 22 ประเทศ กับ 1 กลุ่ม (สหภาพยุโรป) โดยมีการประชุมเป็นประจำทุกปีในช่วงต่อเนื่องกับการประชุมรัฐมนตรี ต่างประเทศอาเซียน (ASEAN Ministerial Meeting - AMM) เป็นเวทีปรึกษาหารือเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง ระดับพหุภาคีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และพัฒนาแนวทางการ ดำเนินการทางการทูตเชิงป้องกัน (Preventive Diplomacy) ที่มุ่ง ป้องกันการเกิดและขยายตัวของความขัดแย้ง โดยใช้มาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ (Confidence Building Measures - CBMs) ระหว่างกัน ทั้งนี้ ARF มีการประชุมระดับรัฐมนตรีครั้งที่ 1 ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2537 และไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ARF ระดับรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งที่ 7 ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2543 นอกจากการประชุม ARF ประจำปีแล้วยังมีการดำเนินกิจกรรมระหว่างปี (Inter-sessional Activities) ในสองระดับ คือ กิจกรรมที่เป็นทางการ (Track I) และกิจกรรมที่ไม่เป็นทางการ (Track II) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับสถาบันวิชาการของ ประเทศผู้เข้าร่วม ARF ได้แก่ (1) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมกลุ่มสนับสนุนว่าด้วยมาตรการสร้างความไว้เนื้อ เชื่อใจของ ARF (ARF Inter-sessional Support Group on Confidence Building Measures - ARF ISG on CBMs) (2) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมเรื่องการบรรเทาภัยพิบัติของ ARF (ARF Inter-sessional Meeting on Disaster Relief - ARF ISM on DR) (3) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมเรื่องการรักษาสันติภาพของ ARF (Inter-sessional Meeting on Peace-keeping Operations - ARF ISM on PKO) และ (4) การประชุมระหว่างปีกิจกรรมเรื่องการประสานและร่วมมือด้านการค้นหาและกู้ภัย ของ ARF (ARF Inter-sessional Meeting on Search and Rescue Coordination - ARF ISM on SAR) " [การทูต] |
Conference on Disamament | การประชุมว่าด้วยการลดอาวุธ จัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2522 เพื่อเป็นเวทีเจรจาการลดอาวุธระหว่างประเทศ มีขอบเขตความรับผิดชอบเกี่ยวกับประเด็นด้านการลดอาวุธทุกด้าน และมีหน้าที่ รายงานต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติทุกปี ปัจจุบันมีสมาชิก 65 ประเทศ(ไทยมิได้เป็นสมาชิก) โดยที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จในการเจรจาจัดทำความตกลงระหว่างประเทศ ด้านการลดอาวุธหลายฉบับ ที่สำคัญได้แก่ สนธิสัญญาไม่แพร่อาวุธนิวเคลียร์ อนุสัญญาห้ามเคมี อนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพ และสนธิสัญญาห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ [การทูต] |
continental shelf | ไหล่ทวีป ไหล่ทวีปของรัฐชายฝั่งประกอบด้วย พื้นดินท้องทะเลและดินใต้ผิวดินของบริเวณใต้ทะเล ซึ่งขยายเลยทะเลอาณาเขตของรัฐตลอดส่วนต่อออกไปตามธรรมชาติของดินแดนทางบกของ ตนจนถึงริมนอกของขอบทวีป หรือจนถึงระยะ 200 ไมล์ทะเลจากเส้นฐานซึ่งใช้วัดความกว้างของทะเลอาณาเขตในกรณีที่ริมนอกของ ขอบทวีปขยายไปไม่ถึงระยะนั้น [การทูต] |
delimitation | การกำหนดเขตแดน (ทางบก) / การแบ่งเขตแดน (ทางทะเล) การกำหนด หรือการอธิบาย หรือการจำกัดความขอบเขตของดินแดนของประเทศ [การทูต] |
Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] |
Immunity from Jurisdiction of Diplomatic Agents | ความคุ้มกันจากอำนาจศาลของตัวแทนทางการทูต ในเรื่องนี้ อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติไว้ในมาตรา 31 ว่า?1. ให้ตัวแทนทางการทูตได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางอาญาของรัฐผู้รับ ตัวแทนทางการทูตยังจะได้อุปโภคความคุ้มกันจากอำนาจศาลทางแพ่ง และทางการปกครองของรัฐผู้รับด้วย เว้นแต่ในกรณีของก) การดำเนินคดีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตของรัฐผู้รับนอกจากตัวแทนทางการทูตครอบครองไว้ในนามของ รัฐผู้ส่งเพื่อความมุ่งประสงค์ของคณะผู้แทนข) การดำเนินคดีเกี่ยวกับการสืบมรดกซึ่งเกี่ยวพันถึงตัวแทนทางการทูตในฐานะผู้ จัดการมรดกโดยพินัยกรรม ผู้จัดการมรดกโดยศาลตั้งทายาท หรือผู้รับมรดกในฐานะเอกชน และมิใช่ในนามของรัฐผู้ส่งค) การดำเนินคดีเกี่ยวกับกิจกรรมใดในทางวิชาชีพ หรือพาณิชย์ ซึ่งตัวแทนทางการทูตได้กระทำในรัฐผู้รับ นอกเหนือจากการหน้าที่ทางการของตน 2. ตัวแทนทางการทูตไม่จำเป็นต้องให้การในฐานะพยาน 3. มาตรการบังคับคดี ไม่อาจดำเนินได้ในส่วนที่เกี่ยวกับตัวแทนทางการทูต เว้นแต่ในกรณีซึ่งอยู่ภายใต้อนุวรรค (ก) (ข) และ (ค) ของวรรค 1 ของข้อนี้ และโดยมีเงื่อนไขว่ามาตรการที่เกี่ยวข้องอาจดำเนินไปได้โดยปราศจากการละเมิด ความละเมิดมิได้ในตัวบุคคลของตัวผู้แทนทางการทูต หรือที่อยู่ของตัวแทนทางการทูต 4. ความคุ้มกันของตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้รับ ไม่ยกเว้นตัวแทนทางการทูตจากอำนาจศาลของรัฐผู้ส่ง?เกี่ยวกับความคุ้มกันตัว แทนทางการทูตจากขอบเขตของอำนาจศาลทางแพ่ง อาจกล่าวได้อย่างกว้างๆ ว่า ตัวแทนทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทน ทางการทูตนั้นได้รับการยกเว้นจากอำนาจของศาลแพ่งในท้องถิ่นคือตัวแทนทางการ ทูตจะถูกฟ้องมิได้ และถูกจับกุมมิได้เกี่ยวกับหนี้สิน รวมทั้งทรัพย์สินของเขา เช่น เครื่องเรือน รถยนต์ ม้า และสิ่งอื่นๆ ทำนองนั้นก็จะถูกยืดเพื่อใช้หนี้มิได้ ตัวแทนทางการทูตจะถูกกีดกันมิให้ออกไปจากรัฐผู้รับในฐานะที่ยังมิได้ชดใช้ หนี้สินของเขานั้นก็มิได้เช่นกัน อนึ่ง นักกฎมายบางกลุ่มเห็นว่า ตัวแทนทางการทูตจะถูกหมายศาลเรียกตัว (Subpoenaed) ไม่ได้ หรือแม้แต่ถูกขอร้องให้ไปปรากฎตัวเป็นพยานในศาลแพ่งหรือศาลอาญาก็ไม่ได้ อย่างไรก็ดี ถ้าหากตัวแทนทางการทูตสมัครใจที่จะไปปรากฏตัวเป็นพยานในศาล ก็ย่อมจะทำได้ แต่จะต้องขออนุมัติจากรัฐบาลในประเทศของเขาก่อน [การทูต] |
marginalisation (marginalization) | การถูกเบียดตกขอบ สภาวการณ์ด้านเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่ออนาคตการพัฒนาและเศรษฐกิจของประเทศใด ประเทศหนึ่ง ทำให้ไม่สามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกที่มีบูรณาการ (integration) เพิ่มขึ้น สภาพการณ์ดังกล่าวมักถูกมองว่าเกิดขึ้นควบคู่ไปกับโลกาภิวัตน์ และประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุดมีโอกาสเสี่ยงที่จะตกอยู่ใน สภาวการณ์นี้ เนื่องจากประสบความยากลำบากในการปฏิบัติตามพันธกรณีการเปิดเสรีทางการค้า กอปรกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ประเทศเหล่านี้พึ่งพาตกต่ำลง [การทูต] |
Responsibility to protect | หลักการความรับผิดชอบในการคุ้มครอง เป็นหลักการที่ได้รับการรับรองในการประชุมระดับผู้นำ เพื่อทบทวนผลของปฏิญญาสหัสวรรษ(High Level Panel Meeting - HLPM) เมื่อวันที่ 14-16 กันยายน พ.ศ. 2548 ณ นครนิวยอร์ก ที่เกี่ยวข้องกับการแทรกแซงทางมนุษยธรรม ( humanitarian interference/intervention of humanity)เพื่อคุ้มครองประชาชนจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การฆ่าล้างชนชาติ โดยจะถือเป็นความรับผิดชอบและที่จะต้องดำเนินการร่วมกันโดยประชาคมระหว่าง ประเทศ อย่างไรก็ตาม หลักการเรื่องนี้มีนัยเกี่ยวข้องกับกฏหมายระหว่างประเทศ อธิปไตย ของรัฐ ความอ่อนไหวทางการเมือง และความชอบธรรมในการปฏิบัติ จึงยังไม่มีการนิยามแนวความคิด R2P รวมถึงขอบเขตของ R2P ที่ชัดเจน [การทูต] |
Shanghai Cooperation Organization | พัฒนามาจากเวทีการประชุม Shanghai Five ซึ่งจีนเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2539 เดิมมีสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ จีน รัสเซีย คาซัคสถาน สาธารณรัฐคีร์กีซ และทาจิกิสถาน ต่อมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2544 อุซเบกิสถาน ได้เข้าเป็นสมาชิกด้วย จึงมีการเปลี่ยนชื่อกลไกความ ร่วมมือนี้เป็น Shanghai Cooperation Organization เดิมมีวัตถุประสงค์ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและแก้ไขข้อพิพาทเกี่ยวกับพรมแดนของประเทศสมาชิก และต่อมาได้ขยายขอบเขตความร่วมมือให้ครอบคลุม ทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจการค้า วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม การศึกษา พลังงาน การคมนาคม [การทูต] |
terms of reference | ขอบเขตอำนาจหน้าที่ [การทูต] |
territorial sea | ทะเลอาณาเขต รัฐทุกรัฐมีสิทธิกำหนดความกว้างของทะเลอาณาเขตของตนได้จนถึงขอบเขตหนึ่งซึ่ง ไม่เกิน 12 ไมล์ทะเล โดยวัดจากเส้นฐานที่กำหนดขึ้นตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล พ.ศ. 2525 [การทูต] |
ultra vires | เกินขอบอำนาจ [การทูต] |
Chloroprene rubber | ยาง CR เป็นยางสังเคราะห์ที่ได้จากมอนอเมอร์ของคลอโรพรีน มีทั้งประเภทที่ใช้งานทั่วไปและประเภทใช้งานพิเศษ เช่น ทำกาวยาง ยางใช้เคลือบ และวัสดุอุดรอยรั่ว เป็นต้น เนื่องจากโมเลกุลของยาง CR สามารถจัดเรียงตัวได้อย่างเป็นระเบียบภายใต้สภาวะที่เหมาะสม ยางชนิดนี้จึงสามารถตกผลึกได้เช่นเดียวกับยางธรรมชาติ มีค่าความทนต่อแรงดึงสูง มีค่าความทนต่อการฉีกขาดและความต้านทานต่อการขัดถูสูง ยาง CR มีสมบัติทนต่อน้ำมันได้ปานกลางถึงดี และทนต่อความร้อน แสงแดด และโอโซนได้ค่อนข้างดี และยังมีสมบัติการหน่วงไฟ จึงนิยมนำไปใช้ในการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ยางที่ใช้ในงานภายนอกอาคาร เช่น ยางขอบหน้าต่าง ยางรองคอสะพาน ยางปลอกสายเคเบิล เป็นต้น [เทคโนโลยียาง] |
Ethylene propylene diene rubber | ยาง EPDM เป็นยางสังเคราะห์ที่พัฒนามาจากยาง EPM โดยเติมมอนอเมอร์ตัวที่สาม คือ ไดอีน ลงไปเล็กน้อยในระหว่างการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชัน ทำให้ยางที่ได้มีส่วนที่ไม่อิ่มตัว (พันธะคู่) อยู่ในสายโซ่โมเลกุล ยางชนิดนี้จึงสามารถคงรูปได้ด้วยกำมะถัน แต่ไดอีนที่เติมลงไปไม่ได้ไปแทรกอยู่ที่สายโซ่หลักของโมเลกุล ดังนั้นสายโซ่หลักก็ยังคงเหมือนเดิมหรือไม่มีผลต่อสายโซ่หลักมากนัก จึงทำให้ยาง EPDM ยังคงมีสมบัติเด่นในเรื่องการทนทานต่อการเสื่อมสภาพอันเนื่องมาจากความร้อน แสงแดด ออกซิเจน โอโซน สารเคมี กรด ด่างได้ดีมาก และมีความยืดหยุ่นตัวได้ดีที่อุณหภูมิต่ำเมื่อเทียบกับ ยางธรรมชาติ มักใช้ทำผลิตภัณฑ์ยางที่ใช้ภายนอกเนื่องจากทนต่อสภาพอากาศได้ดีและใช้ผลิต ชิ้นส่วนยานยนต์เป็นส่วนใหญ่ เช่น ยางขอบกระจก ยางปัดน้ำฝน ท่อยางของหม้อน้ำรถยนต์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้เป็นฉนวนหุ้มสายเคเบิล สายพานลำเลียง แผ่นยางกันน้ำ แผ่นยางมุงหลังคา [เทคโนโลยียาง] |
Ethylene propylene rubber | ยาง EPM เป็นยางสังเคราะห์ที่ได้จากการทำปฏิกิริยาโคพอลิเมอไรเซชันระหว่างมอนอเมอร์ ของเอทิลีน (ethylene) กับโพรพิลีน (propylene) มีลักษณะการจัดเรียงตัวของโมเลกุลแบบอสัณฐานและมีสมบัติเป็นยาง แต่ไม่มีส่วนที่ไม่อิ่มตัว (ไม่มีพันธะคู่) จึงทำให้มีสมบัติเด่นในเรื่องความทนทานต่อการเสื่อมสภาพอันเนื่องมาจากแสง แดด ออกซิเจน ความร้อน โอโซน และสารเคมี แต่ยางชนิดนี้มีข้อเสีย คือ ไม่สามารถใช้กำมะถันในการคงรูปได้ (เนื่องจากไม่มีพันธะคู่อยู่ในโมเลกุล) ดังนั้นการทำให้ยางคงรูปจึงต้องใช้เพอร์ออกไซด์เท่านั้น การใช้งานนิยมใช้ทำผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานภายนอก เช่น ยางขอบประตู ยางขอบหน้าต่าง โอริง ฉนวนหุ้มสายเคเบิล เป็นต้น [เทคโนโลยียาง] |
Extruder | เครื่องอัดผ่านดาย คือ เครื่องมือที่ใช้สำหรับขึ้นรูปยางที่อาศัยการอัดยางผ่านดาย (die) ที่มีรูปร่างต่างๆ ตามลักษณะของผลิตภัณฑ์ ตัวเครื่องประกอบด้วยกระบอกที่ให้ความร้อนได้ และมีสกรูหมุนอยู่ภายใน เมื่อใส่ยางคอมพาวด์เข้าไป สกรูจะทำหน้าที่บดยางและอัดยางให้ไหลออกผ่านดาย ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ยางที่ขึ้นรูปโดยใช้เทคนิคนี้ได้แก่ ท่อยาง ยางหุ้มสายเคเบิ้ล ยางขอบกระจก และยางรัดของ เป็นต้น [เทคโนโลยียาง] |
Abscess, Brodie | ฝีเรื้อรังในกระดูกซึ่งภาพรังสีเป็นโพรงกลมขอบทึบ [การแพทย์] |
Acceptance, Region of | ขอบเขตยอมรับสมมติฐาน [การแพทย์] |
Acetabular Angle | มุมที่ขอบเบ้าข้อตะโพกทำกับแนวนอน [การแพทย์] |
Acropustulosis | ตุ่มหนองเริ่มจากปลายนิ้วมือหรือขอบเล็บ [การแพทย์] |
Allergic Shiner | ขอบตาล่างบวมช้ำ, ขอบตาล่างสีคล้ำ [การแพทย์] |
Anal Fissure | ขอบทวารหนักปริ, แผลที่ก้น, ทวารหนักแตกเป็นรอย [การแพทย์] |
Anemia, Hemolytic, Autoimmune | เลือดจางเฮโมลิติกชนิดออโตอิมมูน, เลือดจางฮีโมลัยติก ออโตอิมมูน, โรคโลหิตจางบางชนิด, การทำลายเม็ดเลือดแดง, การทำลายเม็ดเลือดแดงที่ส่วนขอบของภูมิคุ้มกัน [การแพทย์] |
Angle, Lateral | มุมขอบนอกสุด [การแพทย์] |
Antihelical Fold | สันขอบหู [การแพทย์] |
Approximation, Direct | การเย็บขอบบาดแผลปิดเข้าหากัน [การแพทย์] |
Areolar | ขอบหัวนม, บริเวณรอบหัวนม, ฐานหัวนม, บริเวณหัวนม [การแพทย์] |
Attitude, Over-Indulgence | ทัศนคติแบบตามใจมากจนไม่มีขอบเขต [การแพทย์] |
Auditory Meatus, External | แนวของรูหู, ขอบบนของรูหู [การแพทย์] |
Axillary Border | ขอบรักแร้ [การแพทย์] |
Axillary Line, Left Anterior | แนวเส้นหน้ารักแร้ข้างซ้าย, แนวขอบหน้าของรักแร้ซ้าย [การแพทย์] |
Axillary Line, Posterior | แนวขอบรักแร้หลังแนวเส้นตรงลากจากขอบหลังรักแร้, แนวเส้นที่ลากจากมุมหลังของรักแร้, เส้นดิ่งรักแร้ข้างหลัง, แนวขอบหลังของรักแร้ [การแพทย์] |
Bankart Procedure | วิธีการเย็บเอ็นให้ติดกับขอบเบ้าข้อไหล่ [การแพทย์] |
Bevel-Type Margin | ขอบเอียง [การแพทย์] |
Biceps Femoris | กล้ามเนื้อไบเซพส์ฟีมอรีส, กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง, ขอบด้านในของเอ็นของกล้ามเนื้อ, กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง, กล้ามเนื้อหน้าขาท่อนบน [การแพทย์] |
Border, Lateral | ขอบนอก [การแพทย์] |
Border, Sharp | ขอบเรียบและชัด [การแพทย์] |
Bordor | ขอบข้าง [การแพทย์] |
Boundaries | ขอบเขต [การแพทย์] |
Boundaries, Class | ขอบเขตของชั้น [การแพทย์] |
จดหมายขอบคุณ | [jotmāi khøpkhun] (n, exp) EN: letter of thanks FR: lettre de remerciement [ f ] |
จอดรถชิดขอบทาง | [jøt rot chit khøp thāng] (v, exp) EN: pull over FR: se ranger sur le côté de la route |
การแสดงความขอบคุณ | [kān sadaēng khwām khøpkhun] (n, exp) EN: acknowledgement FR: reconnaissance [ f ] |
ขอบิล | [khø bin] (x) EN: please give me a receipt ! FR: l'addition, s'il vous plaît ! |
ขอบ | [khøp] (n) EN: perimeter ; periphery ; circumference FR: périmètre [ m ] ; circonférence [ f ] |
ขอบ | [khøp] (n) EN: edge ; fringe ; side ; brim ; rim FR: bord [ m ] ; bordure [ f ] ; limite [ f ] |
ขอบฟ้า | [khøpfā] (n) EN: horizon ; skyline FR: horizon [ m ] |
ขอบใจ | [khøpjai] (v) EN: thank ; be thankful for ; be grateful to ; give thanks FR: remercier |
ขอบใจ | [khøpjai] (v, exp) EN: thanks FR: merci |
ขอบข่าย | [khøpkhāi] (n) EN: framework ; scope ; range ; extend ; sphere ; domain ; limit FR: portée [ f ] ; étendue [ f ] ; cadre [ m ] |
ขอบเขต | [khøpkhēt] (n) EN: frontier ; limit ; confine ; boundary ; range ; extent ; bound ; border ; precinct ; margin FR: frontière [ f ] ; limite [ f ] ; borne [ f ] |
ขอบเขตบน | [khøpkhēt bon] (n, exp) EN: upper bound |
ขอบเขตการปฏิบัติ | [khøpkhēt kān patibat] (n, exp) EN: sphere of activity |
ขอบเขตการประยุกต์ใช้ | [khøpkhēt kān prayukchai] (n, exp) EN: range of applications ; areas of application |
ขอบเขตของการศึกษา | [khøpkhēt khøng kānseuksā] (n, exp) EN: scope of the study ; delimitation of the study |
ขอบเขตล่าง | [khøpkhēt lāng] (n, exp) EN: lower bound |
ขอบคุณ | [khøpkhun] (v) EN: thank ; be thankful for ; be grateful to ; give thanks for FR: remercier ; dire merci ; être reconnaissant |
ขอบคุณ | [khøpkhun] (interj) EN: thank you ; thanks ; with thanks FR: merci |
ขอบคุณล่วงหน้า | [khøpkhun lūang-nā] (xp) EN: thanks in advance FR: merci d'avance |
ขอบคุณมาก | [khøpkhun māk] (x) EN: thank you very much FR: merci beaucoup |
ขอบคุณที่... | [khøpkhun thī ...] (x) EN: thank you for ... FR: merci de ... |
ขอบคุณที่บินกับเรา | [khøpkhun thī bin kap rao] (xp) EN: thank you for flying with us |
ขอบคุณที่ชม | [khøpkhun thī chom] (x) FR: merci pour le compliment |
ขอบล้อ | [khøplø] (n) FR: jante [ f ] |
ขอบนอก | [khøp nøk] (n, exp) FR: contour [ m ] ; limite extérieure [ f ] |
ขอบป่า | [khøppā] (n) FR: orée [ f ] ; lisière [ f ] |
เกินขอบเขต | [koēn khøpkhēt] (v, exp) EN: be over the limit FR: dépasser la limite |
ลิ้นมังกรด่างเขียวขอบทอง | [linmangkøn dāng khīo khøp thøng] (n, exp) EN: Snake Plant ; Mother-in-law's tongue ; Devil's tongue FR: sansevière [ f ] |
ไม่ขอบคุณ | [mai khøpkhun] (adj) EN: thankless |
นกนางนวลขอบปีกขาว | [nok nāng-nūan khøp pīk khāo] (n, exp) EN: Black-headed Gull ; Common Black-headed Gull FR: Mouette rieuse [ f ] ; Mouette rieuse d’Europe [ f ] ; Goéland rieur [ m ] |
ผีเสื้อบารอนขอบปีกขาว | [phīseūa bārøn khøp pīk khāo] (n, exp) EN: White-edged Blue baron |
ผีเสื้อดำจุดขอบ | [phīseūa dam jut khøp] (n, exp) EN: Forest Quaker |
ผีเสื้อฟ้าขอบขนใต้ปีกจุด | [phīseūa fā khøp khon tāi pīk jut] (n, exp) EN: Pointed Ciliate Blue |
ผีเสื้อฟ้าขอบขนธรรมดา | [phīseūa fā khøp khon thammadā] (n, exp) EN: Common Ciliate Blue ; Ciliate Blue |
ผีเสื้อฟ้าขอบประกาย | [phīseūa fā khøp prakāi] (n, exp) EN: Grass Jewel |
ผีเสื้อฟ้าขอบประกายเล็ก | [phīseūa fā khøp prakāi lek] (n, exp) EN: Small Grass Jewel |
ผีเสื้อฟ้าพุ่มขอบปีกจาง | [phīseūa fā phum khøp pīk jāng] (n, exp) EN: Pale Hedge Blue |
ผีเสื้อเจ้าชายดำขอบปีกเรียบ | [phīseūa jaochāi dam khøp pīk rīep] (n, exp) EN: Tonkin Prince |
ผีเสื้อขอบปีกเลื่อยจุดแดง | [phīseūa khøp pīk leūay jut daēng] (n, exp) EN: Red-spot Sawtooth |
ผีเสื้อขอบปีกเลื่อยลายจุด | [phīseūa khøp pīk leūay lāi jut] (n, exp) EN: Spotted Sawtooth |
ผีเสื้อขอบไร้จุด | [phīseūa khøp rai jut] (n, exp) EN: Common Quaker |
ผีเสื้อเหลืองสยามขอบดำ | [phīseūa leūang Sayām khøp dam] (n, exp) EN: Lesser Gull |
ผีเสื้อหนอนใบกุ่มขอบตาลไหม้ | [phīseūa nøn bai kum khøp tān mai] (n, exp) EN: Chocolate Albatross |
ผีเสื้อหนอนจำปีจุดต่อขอบ | [phīseūa nøn jampī jut tø khøp] (n, exp) EN: Veined Jay |
รู้สึกขอบคุณ | [rūseuk khøpkhun] (adj) EN: grateful |
แสดงความขอบคุณ | [sadaēng khwām khøpkhun] (v, exp) EN: express thanks ; acknowledge |
เส้นขอบฟ้า | [sen khøpfā] (n, exp) FR: horizon [ m ] ; ligne d'horizon [ f ] |
ตกขอบ | [tokkhøp] (adj) EN: extreme ; ultra- ; egregious ; far out |
อย่างปราศจากขอบเขต | [yāng prātsajāk khøpkhēt] (adv) EN: ad infinitum |
absolute | (adj) ไม่มีขอบเขต, See also: ไม่จำกัด, Syn. unlimited, Ant. limited |
acknowledge | (vt) ขอบคุณ, See also: แสดงความขอบคุณ |
acknowledge | (vi) ขอบคุณ, See also: แสดงความขอบคุณ, Syn. thank |
acknowledgement | (n) การแสดงความขอบคุณ, Syn. acknowledgment, appreciation, gratefulness |
acknowledgment | (n) การแสดงความขอบคุณ, Syn. acknowledgement, appreciation, gratefulness |
America Online | (n) ศูนย์บริการออนไลน์ผ่านทางโมเด็มที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในอเมริกา มีขอบเขตการให้บริการที่กกว้างขวางมีการให้บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ปริการเชื่อมต่ออินเตอร์เนตขั้นพื้นฐาน มีข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากสำนักข่าวรอยเตอร์และยูพีไอ |
appreciation | (n) ความสำนึกบุญคุณ, See also: ความขอบคุณ, ความกตัญญู, Syn. thankfulness, recognition, gratefulness |
appreciative | (adj) รู้สึกขอบคุณ, Syn. thankful, appreciatory, grateful |
appeal for | (phrv) ขอ, See also: ขอบริจาค, Syn. beg for |
baseboard | (n) แผ่นกระดานที่ปิดขอบด้านล่างของผนัง, Syn. skirting board |
baseline | (n) เส้นขอบด้านหลังของสนามกีฬา, See also: เช่น เทนนิส, แบดมินตัน, เบสบอล |
beading | (n) ขอบหรือริมของวัตถุที่ประดับด้วยลูกทรงกลม, Syn. astragal |
benediction | (n) การขอพรในตอนท้ายพิธีสวด, See also: การอวยพร, การขอบคุณ, Syn. blessing |
beveled | (adj) ซึ่งมีผิวหรือขอบเอียง |
bevelled | (adj) ซึ่งมีผิวหรือขอบเอียง |
beyond | (prep) ที่เหนือกว่า (แสดงถึงขอบเขต, ข้อจำกัด), See also: มากกว่า |
beyond | (n) ที่ที่อยู่ไกล, See also: ที่ที่ห่างไกล, สุดขอบฟ้า |
border | (n) ขอบเขต, Syn. borderline |
border | (n) กรอบ, See also: ขอบ, Syn. rim |
border | (vt) สร้างขอบเขต, Syn. edge |
border | (n) ขอบนอก, See also: เส้นรอบวง |
borderline | (n) เส้นแบ่งขอบเขต, See also: เส้นเขตแดน, เส้นแสดงเขต, Syn. borders |
bound | (vt) จำกัด, See also: จำกัดขอบเขต, Syn. confine |
bound | (n) เส้นขอบเขต, See also: ขอบเขต, เส้นแบ่งเขตแดน |
boundary | (n) ขอบเขต, See also: เขตแดน, อาณาเขต, Syn. border |
bowler | (n) หมวกทรงกลมสีดำมีขอบโค้ง, Syn. bowler hat, derby |
brim | (adj) ขอบ, See also: ขอบ ภาชนะ, Syn. rim |
brink | (n) ริม, ขอบ, Syn. edge |
be within | (phrv) มีประสบการณ์, See also: รู้, อยู่ในอำนาจ, อยู่ในขอบเขต, Syn. fall within |
cheers | (int) ขอบคุณ |
circuit | (n) ขอบเขต |
collection | (n) การเรี่ยไรเงิน, See also: การขอบริจาคเงิน, การเก็บเงิน, Syn. solicitation, appeal |
compass | (n) ขอบ, See also: เส้นขอบ, Syn. circumference, boundary |
confine | (n) ขอบเขต, Syn. border, limit |
contour | (n) เส้นขอบ, See also: เส้นรอบนอกที่แสดงรูปร่าง, โครงร่าง, Syn. outline, shape |
coverage | (n) ขอบเขตคุ้มครองในการประกันภัย |
crepuscular | (adj) ที่เกี่ยวกับช่วงเวลาพระอาทิตย์จวนจะลับขอบฟ้า |
curb | (n) ขอบทางเดิน, Syn. edge, ledge |
curb | (vt) ควบคุม, See also: จำกัดขอบเขต, ระงับ, Syn. restrain, control |
curb | (vt) ทำขอบทางเดิน |
curbside | (adj) ที่ขอบทางเดินเท้า |
edge with | (phrv) ขลิบด้วย, See also: ใส่ขอบด้วย |
fall outside | (phrv) อยู่นอกขอบเขตของ, See also: อยู่นอกเหนือจาก, Syn. be outside, stand outside, Ant. fall within |
fall within | (phrv) จัดอยู่ในประเภท, See also: อยู่ในขอบเขตของ, Syn. come under |
deerstalker | (n) หมวกที่มีขอบปีกด้านหน้าและหลัง และมีปกหูสองข้าง, See also: หมวกนักล่าสัตว์, Syn. glengarry |
de-escalate | (vt) ทำให้ลดลง (ขนาด, ขอบเขต, ความรุนแรง), See also: ทำให้น้อยลง, ทำให้เบาบางลง, Syn. lower, lesson |
de-escalate | (vi) ลดลง (ขนาด, ขอบเขต, ความรุนแรง), See also: บรรเทา, Syn. lower |
define | (vt) เป็นเครื่องหมายแสดง, See also: บอกขอบเขต, กำหนดเขตแดน, Syn. restrict, limit, delimit |
derby | (n) หมวกสีดำขอบแข็งและม้วนขึ้น, Syn. bowler |
dimension | (n) การหามิติ, See also: การวัดขนาด, การหาขอบเขต, การวัดระยะ, Syn. measurement |
a gogo | (อาโก' โก) มากเท่าที่คุณต้องการ, ไม่มีขอบเขต, เดินเพ่นพ่าน, จังหวะเต้นรำอะโกโก้, เวที่เต้นรำจังหวะอะโกโก้, Syn. a Go go, a go-go, au gogo |
ad infinitum | (แอดอินฟะไน' ทัม) ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขต |
alvelar ridge | ขอบเป็นสันของขากรรไกรบนและล่าง ประกอบด้วยเบ้าหรือแอ่งรับฟัน., Syn. alveolar process |
ambit | (แอม' บิท) n. เส้นรอบวง, ขอบเขต, บริเวณรอบ ๆ (circuit, boundary, limits) |
appreciative | (อะพรี'ชีเอทิฟว) adj. รู้สึกขอบคุณ, เห็นคุณค่า, สามารถเห็นคุณค่าหรือขอบคุณได้. -appreciativeness n., Syn. pleased |
appropriable | (อะโพร'พริอะเบิล) adj. สามารถเห็นคุณค่าหรือขอบคุณได้ |
architrave | (อาร์'คิเทรฟว) n. ขอบประตูหรือหน้าต่าง, ส่วนล่างสุดของคิ้วบนเสา, บัวลาดบัวลาย. -architraval adj. -architraved adj. |
baroque | (บะโรค') n. ศิลปะขอบลวดลายพิสดาร adj. เกี่ยวกับศิลปะขอบลวดลายพิสดาร, แปลกประหลาด, พิสดาร, ประดับมากไป |
benediction | (เบนนิดิค'เชิน) n. การให้พร, การขอพร, การอวยพร, การขอบคุณ, พิธีอวยพร, See also: benedictory adj. ให้พร benedictive adj. ให้พร |
bleed | (บลีด) { bled, bleeding, bleeds } vi. เลือดออก, ตกเลือด, หลั่งเลือด, เศร้าโศก, โทมนัส, ซึมออก, แพร่กระจาย, เห็นใจ vt. ทำให้เลือดออก, เสียเลือด, ถ่ายเทของเหลว (น้ำ, ไฟฟ้าและอื่น) -n. ขอบหน้าตัด, ส่วนหน้าที่ตัดออก adj. ตัดริมทิ้ง |
board | (บอร์ดฺ) { boarded, boarding, boards } n. ไม้กระดาน, แผ่นกระดาน, แผ่นกระดาษแข็ง, กระดานหมากรุก, ข้างเรือ, ค่าอาหาร, อาหาร, ที่พัก, โต๊ะประชุม, โต๊ะอาหาร, เวที, คณะกรรมการ, สภา, กลุ่มผู้บริหารของหน่วยงาน, แป้นสวิตช์ไฟฟ้าบนผลฝาผนัง, ขอบ, ข้าง vt. ใช้กระดานปู, บริการอาหาร, บริการ แผงวงจรแผงหมายถึง แผ่นพลาสติกที่มีการติดตั้งวงจรไฟฟ้าซึ่งใช้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ แผงเหล่านี้จะทำหน้าที่ต่าง ๆ เช่น แผงวงจรเร่งความเร็ว (accelerator board) จะมีตัวประมวลผลที่ทำงานเร็วกว่าตัวประมวลผลทีมีอยู่เดิม แผงวงจรภาพ (video board) แผงวงจรเสียง (sound board) ก็จะเป็นตัวเพิ่มภาพและเสียง เป็นต้น |
boilerplate | ต้นแบบหมายถึง เอกสารประเภทหนึ่งที่ทำเอาไว้เป็นแบบ เรียกว่า boilerplate document นิยมนำมาใช้ในเวลาที่รีบร้อน ไม่มีเวลาคิดหาถ้อยคำเพราะ ๆ เช่น บัตรเชิญ จดหมายขอบคุณ จดหมายแสดงความยินดี แสดงความเสียใจ หรือ สัญญาต่าง ๆ เมื่อนำมาใช้ ก็เพียงแต่เปลี่ยนข้อความให้เหมาะกับสถานการณ์เท่านั้นมีความหมายเหมือน template |
border | (บอร์'เดอะ) { bordered, bordering, borders } n. ชายแดน, ขอบ, ริม, เนิน -v. มีเขตแดนติดต่อกับ, คล้ายกับ, ใกล้เคียง, เหมือน, Syn. brink |
bottomless | adj. สุดที่หยั่งถึง, ไม่มีก้น, ลึกจนไม่อาจหยั่งได้, ลึกลับ, วัดไม่ได้, ไร้ขอบเขต |
bound | (เบาดฺ) { bounded, bounding, bounds } adj. ถูกผูกมัด, เหนียวแน่น, แน่นอน, จักต้อง, ตัดสินใจ, เข้าเล่ม, ท้องผูก vi. กระโดด, เด้งกลับ, จดกับ, ประชิดกับ vt. จำกัด, กลายเป็นขอบเขต, พูดถึงขอบเขต -n. การกระโดด, การเด้งกลับ, ขอบเขต, ชายแดน adj. กำลังจะ, ไปทาง, พร้อมที่จะ |
boundless | (เบา'เลส) adj. ไร้ขอบเขต, สุดขีด, มากมาย, สุดสายตา, See also: boundlessness n. |
bourn | (เบิร์น) n. ลำธารสายเล็ก, ขอบเขต, เป้าหมาย |
bourne | (เบิร์น) n. ลำธารสายเล็ก, ขอบเขต, เป้าหมาย |
braid | (เบรค) { braided.braiding, braids } vt. ถักผม, ถักเปีย, ถักสาย, เล็ม, ขอบผ้า-n. สายถัก, เปีย, ดิ้นเงินดิ้นทอง, See also: braider เครื่องถัก, ผู้ถัก braiding การถัก, สิ่งที่ได้จากการถัก |
brim { brimmed | n. ขอบ, ริม, ปาก, ปีก vt. เต็มเปี่ยม, เต็มถึงขอบ vt. ใส่จนเต็มเปี่ยม |
brimming | n. ขอบ, ริม, ปาก, ปีก vt. เต็มเปี่ยม, เต็มถึงขอบ vt. ใส่จนเต็มเปี่ยม |
brims } | n. ขอบ, ริม, ปาก, ปีก vt. เต็มเปี่ยม, เต็มถึงขอบ vt. ใส่จนเต็มเปี่ยม |
brink | (บริงคฺ) n ริม, ขอบ, ปาก, ระยะใกล้, ความจวนเจ, จุดปลาย |
bullion | (บูล'เยิน) n. ทองแท่ง, เงินแท่ง, ขอบลายทองหรือลายเงิน |
bumper | (บัม'เพอะ) { bumpered, bumpering, bumpers } n. คนหรือสิ่งที่กระทบ, เครื่องกันชน, เครื่องผ่อนคลายแรงกระทบ adj. อุดมสมบูรณ์อย่างผิดปกติ, มากผิดปกติ vt. เติมเต็มถึงขอบ, ดื่มอวยพรจากแก้วเหล้าที่เติมเต็มขอบ vi. ดื่มอวยพร |
cadastral | adj. แสดงขอบเขตหรือเส้นพรมแดนหรือที่ดินหรือภูมิภาค |
cadre | (คา'ดระ, แคด'รี) n. ฝ่ายบริหาร, นายทหารฝ่ายเสนาธิการ, โครงงาน, ขอบข่ายของงาน |
circle { circled | n. วงกลม, วงเวียน, วงแหวน, วัฎจักร, วงการ, ขอบเขต, บริเวณ, ปริมณฑล, อาณาจักร, ที่นั่งเป็นรูปวงกลม, โรงละครสัตว์, เส้นรอบวงที่แบ่งโลกออกเป็น2ส่วน, เส้นรุ้ง. vt. ล้อมรอบ, โคจรรอบ, หมุนรอบ vi. เคลื่อนเป็นรูปวงกลม, Syn. ring, cycle |
circles } | n. วงกลม, วงเวียน, วงแหวน, วัฎจักร, วงการ, ขอบเขต, บริเวณ, ปริมณฑล, อาณาจักร, ที่นั่งเป็นรูปวงกลม, โรงละครสัตว์, เส้นรอบวงที่แบ่งโลกออกเป็น2ส่วน, เส้นรุ้ง. vt. ล้อมรอบ, โคจรรอบ, หมุนรอบ vi. เคลื่อนเป็นรูปวงกลม, Syn. ring, cycle |
circling | n. วงกลม, วงเวียน, วงแหวน, วัฎจักร, วงการ, ขอบเขต, บริเวณ, ปริมณฑล, อาณาจักร, ที่นั่งเป็นรูปวงกลม, โรงละครสัตว์, เส้นรอบวงที่แบ่งโลกออกเป็น2ส่วน, เส้นรุ้ง. vt. ล้อมรอบ, โคจรรอบ, หมุนรอบ vi. เคลื่อนเป็นรูปวงกลม, Syn. ring, cycle |
circumscription | (เซอคัมสคริพ'เชิน) n. การเขียนวงกลมรอบ, การจำกัดเขต, ขอบเขต, โครงร่าง, เส้นรอบวง, คำนิยาม, คำจำกัดความ, ลายริม, See also: circumscriptive adj. |
cognizable | (คอก'นิซะเบิล) adj. ซึ่งสามารถรับรู้หรือรู้ได้, ภายในขอบเขตอำนาจการพิจารณาของศาล, Syn. cognisable |
cognizance | n. การรับรู้, การยอมรับ, การสังเกต, คำสั่งศาล, อำนาจการพิจารณาคดี, อำนาจศาล, วงความรู้, ขอบข่ายของการสังเกต, Syn. cognisance |
compass | (คัม'พัส) { compassed, compassing, compasses } n. เข็มทิศ, เส้นรอบวง, เส้นล้อม, พื้นที่, เนื้อที่, ขอบเขต, อาณาเขต, อาณาจักร, ระยะ, ขอบเขตที่เหมาะสม, See also: compasses n., pl. วงเวียน adj. โค้ง. vt. เคลื่อนรอบ, โอบล้อม, ล้อม, เดินอ้อมรอบ, วางแผน, เข้าใจ. คำที่ |
confine | (คันไฟน์') { confined, confining, confines } vt. ขีดขั้น, จำกัด, ตีวง, เก็บตัว, กักตัว n. ขอบเขต, การจำกัด, การเก็บตัว, คุก, สถานกักกัน., See also: confinable adj. ดูconfine confineable adj. ดูconfine, Syn. intern, imprision |
conservative | (คันเซอ'วะทิฟว) adj. ซึ่งอนุรักษ์ไว้, ซึ่งสงวนไว้, เกี่ยวกับการเก็บรักษา, ซึ่งมีขอบเขต, รอบคอบ, เกี่ยวกับพรรคConservative. n. นักอนุรักษ์นิยม, นักจารีตนิยม, ผู้รักษาสิ่งเก่า ๆ , สมาชิกพรรคคอนเซอวาตีฟ, ตัวกันบูด., See also: conservativeness n. คำที่มีความ |
costa | (คอส'ทะ, โคส'ทะ) n. ซี่โครง, เส้นกลางใบ, สัน, ริม, ขอบ, เส้นเลือดที่ปีกแมลง -pl. costae |
coverage | (คัฟ'เวอริจฺ) n. ขอบเขตที่การประกันภัยครอบคลุมถึง, เงินค้ำประกัน, เงินประกัน, การรายงานข่าวและการตีพิมพ์ข่าวหรือออกข่าว, ขอบเขตของการรายงานข่าว |
curb | (เคิร์บ) n. ขอบ, ขอบถนน, ขอบบ่อ, ริม, เครื่องเหนี่ยวรั้ง, สิ่งควบคุม vt. รั้งม้า, เหนี่ยวรั้ง, ควบคุม, ระงับ, กั้นขอบ, สร้างคันดิน., Syn. check |
curbing | (เคิร์บ'บิง) n. วัตถุที่สร้างเป็นขอบ, ขอบริม |
deep | (ดีพ) adj., adv. ลึก, ลึกล้ำ, ลึกซึ้ง, มาก, เหลือเกิน, ห่างไกล, อยู่ตามเส้นขอบ, มีใจจดจ่อ, ใจจริง n. ส่วนลึกของทะเล แม่น้ำ, ความกว้างใหญ่ไพศาล ส่วนที่เข้มข้นน้อยที่สุด |
demesne | (ดีเมน') n. การครอบครอง (ทรัพย์สิน) ที่ดินโดยเจ้าของที่ดิน, ที่ดินในครอบครอง , ขอบเขต, อาณาจักร |
dialog box | กรอบสนทนาหมายถึงวินโดว์เล็ก ๆ มี ลักษณะเป็นกรอบสี่เหลี่ยมที่จะปรากฏขึ้นมาบนจอภาพเพื่อถามหาข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนที่จะนำคำสั่งไปปฏิบัติ เช่น ในโปรแกรมพิมพ์เอกสาร ถ้าสั่งเริ่มแฟ้มข้อมูลใหม่ ก็จะมีกรอบสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ถามว่าต้องการกำหนดหน้าเป็นขนาดใด กั้นขอบซ้าย ขวา บน ล่างเข้ามาเท่าใด มีจำนวนกี่หน้า เมื่อตอบคำถามต่าง ๆ แล้ว จึงกดปุ่ม OK กรอบสนทนานี้ก็จะหายไป พร้อมกับที่คอมพิวเตอร์นำความต้องการนั้นไปปฏิบัติ (อนึ่ง กรอบสนทนาจะปรากฏบนจอภาพทุกครั้งที่เลือกรายการคำสั่งที่มี....ตามหลัง เช่น คำสั่ง new... ใต้เมนู FILE) |
domain | (โดเมน') n. อาณาเขตการปกครอง, อาณาจักร, ที่ดินขอบเขต, กลุ่มของคำ (ในทางคณิตศาสตร์) ของตัวแปรอิสระของ function, See also: domainal, domainial adj., Syn. discipline |
edge | (เอดจฺ) n. ขอบ, ริม, ข้าง, เขตแดน, สัน, ด้านคมของใบมีด, ความคม, เหลี่ยม, เนินเขา, หน้าผา, ข้อได้เปรียบ, ตำแหน่งที่ดีกว่า vt. ทำให้คม, ใส่ขอบให้, เคลื่อนไปทางข้าง, ค่อย ๆ เคลื่อนไปทางข้าง. vi. เคลื่อนไปข้างหน้า -Phr. (edge out เอาชนะทีละนิด, เล็ม) คำที่มีความหมายเหมือ |
edge tool | n. เครื่องมือตัดขอบ, เครื่องมือมีคม |
edger | (เอด'เจอะ) n. เครื่องทำขอบ, เครื่องมือทำรอยบนขอบ |
edgeways | adj. ไปทางขอบ, หันริมหรือคมออกนอก |
edgewise | adj. ไปทางขอบ, หันริมหรือคมออกนอก |
edging | (เอด, 'จิง) n. การทำให้คม, การใส่ขอบ, การค่อย ๆ เคลื่อนไป, ริม, ขอบ, การประดับที่ขอบ |
appreciative | (adj) ซึ่งเห็นคุณค่า, รู้สึกขอบคุณ |
architrave | (n) ขอบประตู, ขอบหน้าต่าง |
border | (n) ริม, ขอบ, เขตแดน, ชายแดน, พรมแดน, อาณาเขต |
bottomless | (adj) ลึกมาก, หยั่งไม่ถึง, ไร้ขอบเขต |
bound | (n) ขอบเขต, บริเวณ, เขตแดน, อาณาเขต, ขอบข่าย |
bound | (vt) จำกัด, กำหนดขอบเขต |
boundary | (n) ขอบเขต, เขตแดน, บริเวณ, อาณาเขต |
boundless | (adj) ไม่มีขอบเขต, กว้างขวาง, ไม่มีที่สิ้นสุด, ไม่จำกัด |
bourn | (n) ลำธารเล็กๆ, ขอบข่ายงาน, วัตถุประสงค์, จุดหมาย, เป้าหมาย |
bourne | (n) ลำธารเล็กๆ, ขอบข่ายงาน, วัตถุประสงค์, จุดหมาย, เป้าหมาย |
brim | (n) ขอบ, ริม |
brink | (n) ปากขอบ, ริม |
circle | (n) วงกลม, วงแหวน, วงเวียน, บริเวณ, ขอบเขต, หมู่คณะ, การหมุนเวียน, วัฏจักร |
circumference | (n) เส้นรอบวง, ขอบ, ปริมณฑล, วง |
circumscription | (n) เส้นรอบวง, การจำกัดเขต, ขอบเขต, คำนิยาม |
compass | (n) เข็มทิศ, เส้นรอบวง, วงเวียน, ขอบเขต, เนื้อที่, ระยะ |
confine | (n) ขอบเขต, วงรอบ, การจำกัด, คุก, สถานกักกัน |
confinement | (n) การกักขัง, การจำกัดขอบเขต, การกักตัว, การคุมขัง |
cuff | (n) ขอบแขนเสื้อ, การชก, กุญแจมือ |
curb | (n) บังเหียน, เครื่องควบคุม, เครื่องเหนี่ยวรั้ง, ขอบถนน |
curb | (vt) กด, กั้นขอบ, ยั้ง, เหนี่ยวรั้ง, ระงับ |
domain | (n) ขอบเขต, คฤหาสน์, ที่ดิน, อาณาจักร |
edge | (n) ขอบ, ริม, ปาก, สัน, คมมีด, ข้าง, ความคม, เหลี่ยมเขา |
edging | (n) การขลิบริม, การแต่งขอบ, การทำให้คม, ขอบ |
extent | (n) อาณาเขต, ขอบเขต, ขนาด, การประเมินค่า |
felloe | (n) ขอบวงล้อ, ขอบล้อ |
field | (n) ทุ่ง, สนาม, ทุ่งหญ้า, ทุ่งนา, สนามรบ, สมรภูมิ, ขอบเขต, แผนก |
frill | (vt) ติดพู่ห้อย, มีครุย, จับจีบ, ประดับขอบ |
fringe | (n) ขอบผ้า, ตะเข็บ, ริมผ้า, กุ๊น, พู่ |
fringe | (vt) อยู่ตามขอบ, ขึ้นรอบนอก, ขึ้นเป็นแนว |
frontier | (n) พรมแดน, ชายแดน, เขตแดน, ขอบเขต |
grateful | (adj) กตัญญู, ขอบคุณ, รู้คุณ, ปลื้มปีติ |
gratitude | (n) ความกตัญญู, ความรู้คุณ, การขอบคุณ |
hedge | (n) รั้ว, แนวพุ่มไม้, สิ่งกีดขวาง, เครื่องล้อม, ขอบแดน |
hem | (n) ชายผ้า, ขอบ, ริมผ้า |
hem | (vt) พับขอบ, เย็บริม, ปิดล้อม |
horizon | (n) สายตา, เส้นขอบฟ้า, ขอบเขต, วง, ตำแหน่ง, ระดับ |
horizontal | (adj) ทางเส้นขอบฟ้า, ตามแนวนอน, ตามขวาง, ตามพื้นราบ |
illimitable | (adj) ไม่มีขอบเขต, ไม่มีที่สิ้นสุด |
immeasurable | (adj) มากมาย, ไม่มีขอบเขต, ไม่สามารถวัดได้ |
incidence | (n) การตกลงมา, แสงตกกระทบ, ขอบเขต, การบังเกิด, เหตุการณ์ |
infinite | (adj) อสงขัย, ไม่จำกัด, ไม่มีขอบเขต, มากมาย, เหลือคณา |
ken | (n) ขอบเขต, สายตา |
kingdom | (n) อาณาจักร, ขอบเขต, วงการ, ปริมณฑล |
limit | (n) ขอบเขต, ขีดจำกัด, ข้อบกพร่อง |
limit | (vt) จำกัด, กั้นวง, ขีดวง, กำหนดขอบเขต |
limited | (adj) ถูกจำกัด, น้อย, มีขอบเขต, แคบ |
limitless | (adj) ไม่จำกัด, ไม่อั้น, มากมาย, ไม่มีขอบเขต |
margin | (n) ริมกระดาษ, จำนวนที่เกิน, ช่องว่าง, ขอบ, เงินทดรอง |
marginal | (adj) ตรงริม, ตรงขอบ, ร่อแร่, เกือบขาดทุน |