ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: กราน, -กราน- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ กราน | (v) assert, See also: insist, uphold, Syn. ยืนกราน, Example: เขายืนกรานว่าไม่ได้ทำผิด | รุกราน | (v) invade, See also: attack, assault, encroach, raid, infringe, Example: การที่อิรักรุกรานคูเวตทำให้แผนการของตะวันตกในตะวันออกกลางล้มลง, Thai Definition: ล่วงล้ำเข้าไปก้าวร้าวระราน | รุกราน | (v) attack, See also: burst into, intrude, assault, Syn. บุกลุก, ล่วงล้ำ, Example: อังกฤษต้องปกป้องจุดนี้ด้วยชีวิต มิเช่นนั้นมหาอำนาจของยุโรปอื่นๆ จะสามารถรุกรานอินเดียอย่างสะดวก, Thai Definition: ล่วงล้ำเข้าไปก้าวร้าวระราน | กรานกฐิน | (v) Kathina Khandhaka, See also: stretch out monk's robes in order to cut to a standard size, Example: ชาวบ้านกำลังกรานกฐิน, Thai Definition: เอาผ้าที่จะเย็บเป็นจีวรเข้าขึงที่ไม้สะดึง เย็บเสร็จแล้วบอกแก่ภิกษุทั้งหลายผู้ร่วมใจกันยกผ้าให้ในนามของสงฆ์เพื่ออนุโมทนา | กราบกราน | (v) prostrate oneself, See also: kowtow, Syn. หมอบกราบ, Thai Definition: เคารพนบนอบ ก้มหัวลง | สงกรานต์ | (n) SongKran, Syn. วันสงกรานต์ | เชิงกราน | (n) pelvis, Example: เธอเป็นหมันเนื่องจากการตีบตันของท่อนำไข่ซึ่งเป็นผลแทรกซ้อนจากโรคเชิงกรานอักเสบ | เชิงกราน | (n) stove with projecting foot, See also: stove using wood fuel, portable fireplace for cooking, Example: เครื่องสามหาบมีไตร 3 ไตร เชิงกรานหรืออั้งโล่ 3 ใบ สาแหนก 3 คู่ (6อัน) พันด้วย | สงกรานต์ | (n) Songkran festival, See also: Songkran Day, Thai New Year, Syn. วันสงกรานต์, Example: สงกรานต์เป็นช่วงที่เป็นเทศกาลหลังฤดูการเก็บเกี่ยวพืชพันธุ์ธัญญาหาร, Thai Definition: เทศกาลเนื่องในการขึ้นปีใหม่อย่างเก่า ซึ่งกำหนดตามสุริยคติ ตกวันที่ 13 - 14 - 15 เมษายน, Notes: (สันสกฤต) | สงกรานต์ | (n) name of species of aquatic animal, Syn. ตัวสงกรานต์, Count Unit: ตัว, Thai Definition: ชื่อสัตว์น้ำชนิดหนึ่ง ชอบลอยตัวบนผิวน้ำในวันสงกรานต์, Notes: (สันสกฤต) | ผู้รุกราน | (n) invader, See also: attacker, raider, aggressor, Syn. ผู้บุกรุก, Example: มนุษย์เป็นผู้รุกรานที่อยู่ของสัตว์ป่า, Count Unit: คน, Thai Definition: ผู้ที่ล่วงล้ำเข้าไปก้าวร้าวระราน | การยืนกราน | (n) insistence, See also: insistency, persistence, persistency, Syn. การยืนยัน, การยืนคำ, Example: การยืนกรานอย่างแข็งขันของสามีทำให้ภรรยาเชื่อได้ว่าเขาไม่ได้โกหก, Thai Definition: การยืนคำอยู่อย่างใดก็อย่างนั้น (ไม่ยอมถอนหรือเปลี่ยนความเห็นเป็นอื่น) | ฝ่ายรุกราน | (n) aggressor, Syn. ฝ่ายบุก, ฝ่ายรุก, Ant. ฝ่ายรับ, Example: ฝ่ายรุกรานไม่ทันตั้งตัวจึงตกเป็นฝ่ายรับอย่างตั้งตัวไม่ติด, Count Unit: ฝ่าย, Thai Definition: ฝ่ายที่เข้าไประรานผู้อื่น | มหาสงกรานต์ | (n) day the sun enters Aries, See also: 13th of April, Syn. วันมหาสงกรานต์, Thai Definition: นักขัตฤกษ์ขึ้นปีใหม่อย่างเก่า เริ่มแต่พระอาทิตย์ย่างขึ้นสู่ราศีเมษ คือ วันที่ 13 เมษายน | กระดูกเชิงกราน | (n) pelvis, See also: hip bone, Syn. เชิงกราน, Example: ลุงขึ้นต้นมะพร้าวแล้วพลาดตกลงมาทำให้กระดูกเชิงกรานหัก, Count Unit: ชิ้น |
|
| กราน ๑ | (กฺราน) น. ไฟ เช่น เชิงกราน, ธุมาก็ปรากฏแก่กราน (กฤษณา). | กราน ๒ | (กฺราน) ใช้เข้าคู่กับคำอื่น หมายความว่า ทอดตัว หรือ ล้มตัวลงราบ เช่น ก้มกราน หมอบกราน, หมายความว่า คํ้า, ยัน, เช่น ยันกราน ยืนกราน, ในบทกลอนใช้โดยลำพังก็มี เช่น ก็กรานในกลางรณภู (สมุทรโฆษ), พระรามตัดตีนสินมือเสีย กรานคอไปไว้ที่นอกเมือง (มโนห์รา), โบราณเขียนเป็น กราล ก็มี. | กรานกฐิน | (-กะถิน) ก. ขึงไม้สะดึง คือ เอาผ้าที่จะเย็บเป็นจีวรเข้าขึงที่ไม้สะดึง เย็บเสร็จแล้วบอกแก่ภิกษุทั้งหลายผู้ร่วมใจกันยกผ้าให้ในนามของสงฆ์เพื่ออนุโมทนา, ภิกษุผู้เย็บจีวรเช่นนั้น เรียกว่า ผู้กราน, สงฆ์ยกผ้าอันไม่พอแจกกันให้ภิกษุรูปหนึ่ง ภิกษุรูปนั้นทำตั้งแต่ซัก กะ ตัด เย็บ ย้อม เสร็จในวันนั้น ทำพินทุกัปปะอธิษฐานเป็นจีวรครอง เป็นจีวรกฐิน เรียกว่า . (อุปสมบทวิธี). (ดู กฐิน). | เชิงกราน | น. เตาไฟปั้นด้วยดิน ยกย้ายได้ มีชานสำหรับวางฟืน | เชิงกราน | เรียกกระดูกตะโพกที่มีสัณฐานอย่างเชิงกราน ว่า กระดูกเชิงกราน. | พสุสงกรานต์ | น. พระอาทิตย์โคจรมาถึงจุดใกล้สุดกับโลกในราววันที่ ๔ มกราคม เรียกว่า พสุสงกรานต์เหนือ (perihelion) กับโคจรไปถึงจุดไกลสุดจากโลกในราววันที่ ๓ กรกฎาคม เรียกว่า พสุสงกรานต์ใต้. | มหาสงกรานต์ | น. วันขึ้นปีใหม่อย่างเก่า เริ่มแต่พระอาทิตย์ย่างขึ้นสู่ราศีเมษ เรียกว่า วันมหาสงกรานต์. | ยืนกราน | ก. ยืนคำอยู่อย่างใดก็อย่างนั้น (ไม่ยอมถอนหรือเปลี่ยนความเห็นเป็นอื่น). | รุกราน | ก. ล่วงลํ้าเข้าไปก้าวร้าวระราน เช่น ถูกข้าศึกรุกราน. | วันมหาสงกรานต์ | น. วันเริ่มต้นเทศกาลสงกรานต์ เริ่มแต่พระอาทิตย์ย่างขึ้นราศีเมษ. | วันสงกรานต์ | น. วันเทศกาลเนื่องในการขึ้นปีใหม่อย่างเก่า ซึ่งกำหนดตามสุริยคติ ปรกติตกวันที่ ๑๓–๑๔–๑๕ เมษายน. | วิกรานต์ | (วิกฺราน) ว. กล้าหาญ, มีชัยชนะ, ก้าวหน้า. | สงกรานต์ ๑ | (-กฺราน) น. เทศกาลเนื่องในการขึ้นปีใหม่อย่างเก่า ซึ่งกำหนดตามสุริยคติ ปรกติตกวันที่ ๑๓-๑๔-๑๕ เมษายน วันที่ ๑๓ คือวันมหาสงกรานต์ วันที่ ๑๔ คือวันเนา และวันที่ ๑๕ คือวันเถลิงศก. | สงกรานต์ ๒ | (-กฺราน) น. สัตว์พวกหนอนทะเล มีหลายวงศ์ เช่น วงศ์ Phyllodocidae ชั้น Polychaeta ลำตัวยาวเป็นปล้อง แต่ละปล้องมีรยางค์ ๑ คู่อยู่ข้างลำตัว อาศัยอยู่ในทะเล ช่วงประมาณกลางเดือนเมษายนใกล้วันสงกรานต์จะพบอยู่ในบริเวณน้ำกร่อยหรือแม่น้ำลำคลองที่ติดต่อกับทะเลเพื่อผสมพันธุ์ จึงเรียกว่า ตัวสงกรานต์. | กฐิน, กฐิน- | คำ กฐิน นี้ ใช้ประกอบกับคำอื่นอันเนื่องด้วยพิธีกฐิน ผ้าที่ถวายแก่ภิกษุสงฆ์ในพิธีนี้ เรียกว่า ผ้ากฐิน ในฤดูกาลเรียกว่า กฐินกาล [ กะถินนะกาน ] คือระยะเวลาตั้งแต่แรมคํ่าหนึ่ง เดือน ๑๑ ถึงกลางเดือน ๑๒ ระยะเวลานี้เรียกเป็นสามัญว่าเทศกาลกฐิน [ เทดสะกานกะถิน ] ฤดูกฐิน หรือ หน้ากฐิน ก็มี ก่อนจะถึงกฐินกาลผู้ประสงค์จะถวายผ้ากฐินแก่ภิกษุสงฆ์วัดใดจะต้องไปแจ้งความจำนงว่าจะนำผ้ากฐินไปทอดที่วัดนั้นเป็นการล่วงหน้า การแสดงความจำนงล่วงหน้านี้ เรียกว่า จองกฐิน การทำพิธีถวายผ้ากฐิน เรียกว่า ทอดกฐิน พระภิกษุผู้ได้รับมอบผ้ากฐินจากสงฆ์โดยวิธีที่กำหนดไว้ในพระวินัย เรียกว่า ผู้กรานกฐิน ผู้ครองกฐิน หรือ องค์ครองกฐิน เฉพาะผ้ากฐิน บางทีก็เรียกว่า องค์กฐิน ถ้าพร้อมกับของอื่นอันเป็นบริวารสำหรับถวายภิกษุสงฆ์ เรียกว่า เครื่องกฐิน หรือ บริวารกฐิน [ บอริวานกะถิน ] เมื่อนำผ้ากฐินไปทอดโดยมีขบวนแห่ เรียกว่า แห่กฐิน ถ้ามีพิธีฉลอง เรียกว่า ฉลองกฐิน การที่ภิกษุสงฆ์ผู้ร่วมอยู่ในพิธีอนุโมทนาต่อองค์ครองกฐินตามพระวินัย หรือการที่บุคคลแสดงความยินดีในการที่เขาทอดกฐิน เรียกว่า อนุโมทนากฐิน [ อะนุโมทะนากะถิน ] ภิกษุสงฆ์ผู้ได้อนุโมทนากฐินแล้วนั้น ย่อมได้ชื่อว่าเป็น ผู้กรานกฐิน ด้วย ผลของการทอดกฐิน เรียกว่า อานิสงส์กฐิน , ในทางวินัยสิทธิพิเศษ ๕ ประการซึ่งมีแก่ภิกษุผู้ได้กรานกฐินแล้ว ก็เรียกว่า อานิสงส์กฐิน เช่นกัน. (ดู กรานกฐิน และ จุลกฐิน). | กฐินัตถารกรรม | (กะถินัดถาระกำ) น. การกรานกฐิน. | กรรโชก | (กัน-) ก. ขู่เอาด้วยกิริยาหรือวาจาให้กลัว เช่น ผู้ใดกรานกรรโชกราษฎรแลตรัสถามตนฯ อำพรางพระเจ้าอยู่หัว มิได้กราบทูลตามสัจตามจริงก็ดี (สามดวง), โบราณเขียนเป็น กันโชก หรือ กำโชก ก็มี. (แผลงมาจาก กระโชก). | กระต่ายสามขา | ว. ยืนกรานไม่ยอมรับ, กระต่ายขาเดียว ก็ว่า. | กราล | (กฺราน) ดู กราน ๒. | ขื่อ | เรียกกระดูกเชิงกรานที่ขวางอยู่ด้านหน้า. | คู่สวด | น. พระ ๒ รูปที่ทำหน้าที่สวดญัตติในการอุปสมบทหรือการกรานกฐินเป็นต้น. | โคจร, โคจร- | (-จอน, -จะระ-) ก. เดินไปตามวิถี เช่น ดวงอาทิตย์โคจร ดวงจันทร์โคจรรอบโลก, เที่ยว เช่น โคจรมาพบกัน, คำนี้โดยมากใช้แก่ดาวนพเคราะห์, เมื่อว่าเฉพาะทางที่พระอาทิตย์โคจร มีจุดสุดอยู่ ๖ แห่งที่อยู่ตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ คือ ครีษมายัน กับ เหมายัน คู่หนึ่ง, วสันตวิษุวัต กับ ศารทวิษุวัต คู่หนึ่ง, พสุสงกรานต์ ๒ แห่ง คู่หนึ่ง. | จีวรกาลสมัย | น. คราวที่เป็นฤดูถวายจีวร (งวดที่ ๑ ตั้งแต่วันมหาปวารณา คือ วันแรมคํ่าหนึ่งเดือน ๑๑ ถึงวันเพ็ญเดือน ๑๒, งวดที่ ๒ ตั้งแต่วันมหาปวารณาไปจนหมดฤดูหนาว, งวดที่ ๑ เป็นของพระที่มิได้กรานกฐิน, งวดที่ ๒ เป็นของพระที่กรานกฐินแล้ว). | ช่วงชัย | น. การเล่นพื้นเมืองอย่างหนึ่ง นิยมเล่นในเทศกาล เช่นสงกรานต์ มีผู้เล่นหลายคน แบ่งออกเป็น ๒ ฝ่าย ชายฝ่ายหนึ่ง หญิงฝ่ายหนึ่ง ยืนหันหน้าเข้าหากัน ห่างพอที่จะใช้ลูกช่วงที่ทำด้วยผ้าขาวม้าเป็นต้นม้วนเป็นลูกกลม ๆ ผูกให้แน่นโยนหรือปาใส่กัน ถ้าฝ่ายใดรับได้แล้วปาไปถูกคนใดคนหนึ่งของฝ่ายตรงข้าม ฝ่ายที่ถูกปาเป็นฝ่ายแพ้ มี ๓ ชนิด คือ ช่วงรำ ผู้แพ้ต้องออกไปรำ ช่วงใช้ ผู้แพ้ต้องไปอยู่อีกข้างหนึ่ง และช่วงขี้ข้า ผู้แพ้ต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งขี่หลัง. | ดำหัว | น. ประเพณีทางภาคเหนือซึ่งกระทำในวันสงกรานต์เพื่อเป็นการแสดงความเคารพนับถือ วิธีดำหัว คือ เอานํ้าสะอาด พร้อมดอกคำฝอย ฝักส้มป่อย และผงขมิ้น ใส่ขัน ไปเคารพและขอขมาผู้ใหญ่ โดยให้ท่านจุ่มน้ำลูบศีรษะตนเองเพื่อให้ท่านอยู่เย็นเป็นสุขและขอรับพรจากท่าน. | ตะเกียบ | ส่วนล่างของกระดูกเชิงกรานที่แตะพื้นในเวลานั่ง | ตะคาก | น. แง่กระดูกเชิงกรานที่อยู่ใต้บั้นเอว, หัวตะคาก ก็เรียก. | เทพี ๑ | น. เทวี, เรียกหญิงที่ทำหน้าที่โปรยพืชพรรณธัญญาหารในพิธีแรกนา ว่า นางเทพี, หญิงที่ชนะประกวดความงาม เช่น เทพีสงกรานต์. | เทศกาล | น. คราวสมัยที่กำหนดไว้เป็นประเพณีเพื่อทำบุญและการรื่นเริงในท้องถิ่น เช่น ตรุษ สงกรานต์ เข้าพรรษา สารท | เนา ๔ | น. วันที่อยู่ถัดจากวันมหาสงกรานต์ หน้าวันเถลิงศก เรียกว่า วันเนา. | ประอุก | ร้อนรน เช่น หนึ่งอัคนีมีในเชองกราน บมีเป่าพัดพาน ประอุกแลลุกลามเลือน, ผิโคเคียงเกวียนเดิรหน ไป่ทันแก้ปรน ประอุกแลขุกวอดวาย (จารึกวัดโพธิ์; อภิไธยโพธิบาทว์), ใช้เป็น กระอุ หรือ กระอุก ก็มี. | ปราการ | (ปฺรา-) น. กำแพงสำหรับป้องกันการรุกราน. | พระราชพิธี | น. พิธีที่พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ กำหนดไว้ตามราชประเพณี เช่น พระราชพิธีฉัตรมงคล พระราชพิธีสงกรานต์ พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี. | แม่ศรี | น. ชื่อการละเล่นสมัยโบราณอย่างหนึ่ง โดยเชิญผีแม่ศรีมาเข้าทรงหญิงสาว หญิงสาวที่ถูกผีเข้าทรงจะรำได้อย่างสวยงาม นิยมเล่นในเทศกาลสงกรานต์. | รดน้ำ | ก. หลั่งนํ้าในพิธีต่าง ๆ เช่น รดน้ำบ่าวสาวในพิธีแต่งงาน รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ในวันสงกรานต์. | เล่นพิเรนทร์, เล่นวิตถาร, เล่นอุตริ | ก. กระทำสิ่งที่นอกลู่นอกทางหรือนอกรีตนอกรอยเพื่อความสนุกเป็นต้น เช่น เล่นอุตริเอาน้ำสกปรกมาสาดในงานสงกรานต์. | วันเนา | น. วันที่อยู่ถัดจากวันมหาสงกรานต์ หน้าวันเถลิงศก, พายัพเรียก วันเน่า. | วิตถาร | นอกแบบ, นอกทาง, (เกินวิสัยปรกติ) เช่น พวกเด็ก ๆ ชอบเล่นวิตถาร เอาน้ำสกปรกผสมแป้งสาดเข้าไปในรถประจำทางในวันสงกรานต์. | ศาลาสรง | (-สง) น. ศาลาขนาดย่อมมุงหลังคาและมีฝากั้นมิดชิด ใช้เป็นที่สรงนํ้าพระสงฆ์ที่เคารพนับถือ ปฏิบัติกันในเทศกาลสงกรานต์โดยทำรางนํ้ารูปนาคพาดเข้าไปในศาลา เวลาสรงนํ้าพระให้เทนํ้าลงบนรางนั้น. | ศิโรราบ | ก. กราบกราน, ยอมอ่อนน้อม. | สนุกสนาน | (-สะหฺนาน) ว. ร่าเริงบันเทิงใจ, เพลิดเพลินเจริญใจ, เช่น เด็ก ๆ เล่นสาดน้ำในเทศกาลสงกรานต์กันอย่างสนุกสนาน. | สลักเพชร | กล้ามเนื้อที่เกาะอยู่ระหว่างขอบกระดูกเชิงกรานตรงตะโพกกับหัวกระดูกต้นขาทำให้ขากางออกได้. | สามหาว ๒ | น. เรียกผักตบไทย [ Monochoria hastata (L.) Solms ] ว่า ผักสามหาว เช่น นางสงกรานต์ทัดดอกสามหาว. | หัวตะคาก | น. แง่กระดูกเชิงกรานที่อยู่ใต้บั้นเอว, ตะคาก ก็เรียก. | องค์กฐิน | น. ผ้ากฐิน, ผ้าผืนที่ถวายสงฆ์เพื่อกรานกฐิน. |
| pelvimeter | มาตรเชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvimetry | การวัดเชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvimetry, combined | การวัดเชิงกรานทั้งภายนอกภายใน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvimetry, instrumental | การวัดเชิงกรานด้วยมาตร [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvimetry, manual | การวัดเชิงกรานด้วยมือ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelviography; pelvioradiography; pelviradiography; pelviroentgenography | การถ่ายภาพรังสีเชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvioradiography; pelviography; pelviradiography; pelviroentgenography | การถ่ายภาพรังสีเชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvioscopy | ๑. การส่องตรวจเชิงกราน๒. การส่องตรวจกรวยไต [ มีความหมายเหมือนกับ pyeloscopy ] [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelviotomy | ๑. การผ่าเชิงกราน [ มีความหมายเหมือนกับ pelvitomy ]๒. การผ่ากรวยไต [ มีความหมายเหมือนกับ pyelotomy ] [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, android | เชิงกรานแบบชาย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, beaked; pelvis, rostrate | เชิงกรานรูปปากนก [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, contracted | เชิงกรานแคบ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, cordate; pelvis, cordiform | เชิงกรานรูปหัวใจ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, cordiform; pelvis, cordate | เชิงกรานรูปหัวใจ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, dwarf; pelvis nana | เชิงกรานแคระ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, false; pelvis major; pelvis, large | เชิงกรานใหญ่, เชิงกรานส่วนบน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, flat; pelvis plana | เชิงกรานแบนผิดปรกติ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, funnel-shaped | เชิงกรานรูปกรวย [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, gynaecoid; pelvis, gynecoid | เชิงกรานแบบหญิง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelviperitonitis; peritonitis, pelvic | เยื่อบุอุ้งเชิงกรานอักเสบ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelviradiography; pelviography; pelvioradiography; pelviroentgenography | การถ่ายภาพรังสีเชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvirectal | -เชิงกรานร่วมไส้ตรง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelviroentgenography; pelviography; pelvioradiography; pelviradiography | การถ่ายภาพรังสีเชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis | เชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis major; pelvis, false; pelvis, large | เชิงกรานใหญ่, เชิงกรานส่วนบน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis minor; pelvis, small; pelvis, true | เชิงกรานน้อย, เชิงกรานส่วนล่าง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis nana; pelvis, dwarf | เชิงกรานแคระ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis plana; pelvis, flat | เชิงกรานแบนผิดปรกติ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvic | -เชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvic abscess | ฝีอุ้งเชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvic bone; basin; os pubis | กระดูกเชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvic floor | ฐานเชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvic girdle | กระดูกโอบเชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvic inlet | ทางเข้าเชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvic outlet | ทางออกเชิงกราน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvic peritonitis; pelviperitonitis | เยื่อบุอุ้งเชิงกรานอักเสบ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, gynecoid; pelvis, gynaecoid | เชิงกรานแบบหญิง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, infantile; pelvis, juvenile | เชิงกรานแบบเด็ก [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, juvenile; pelvis, infantile | เชิงกรานแบบเด็ก [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, large; pelvis major; pelvis, false | เชิงกรานใหญ่, เชิงกรานส่วนบน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, Nägele's; pelvis, oblique | เชิงกรานเฉียง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, oblique; pelvis, Nägele's | เชิงกรานเฉียง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, reniform | เชิงกรานรูปไต [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, rostrate; pelvis, beaked | เชิงกรานรูปปากนก [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, round | เชิงกรานรูปกลม [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | peritonitis, pelvic; pelviperitonitis | เยื่อบุอุ้งเชิงกรานอักเสบ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, simple flat | เชิงกรานแบน [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, small; pelvis minor; pelvis, true | เชิงกรานน้อย, เชิงกรานส่วนล่าง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvis, true; pelvis minor; pelvis, small | เชิงกรานน้อย, เชิงกรานส่วนล่าง [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] | pelvisacrum | เชิงกรานร่วมกระเบนเหน็บ [แพทยศาสตร์ ๖ ส.ค. ๒๕๔๔] |
| Pelvimetry | การวัดกระดูกเชิงกราน [วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี] | Aggression (International law) | การรุกราน (กฎหมายระหว่างประเทศ) [TU Subject Heading] | Biological invasions | การรุกรานทางชีวภาพ [TU Subject Heading] | Pelvic bones ; Coccyx | กระดูกเชิงกราน [TU Subject Heading] | Pelvis | เชิงกราน [TU Subject Heading] | Songkran | วันสงกรานต์ [TU Subject Heading] | Eisenhower Doctrine | ลัทธิไอเซนฮาวร์ เมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1957 ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีความวิตกห่วงใยในสถานการณ์ที่ล่อแหลมต่ออันตรายในภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้อ่านสารพิเศษต่อที่ประชุมร่วมระหว่างสภาผู้แทนกับวุฒิสภาขอร้องให้รัฐสภา สหรัฐฯ ลงมติรับรองโครงการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและทางทหาร เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งเอกราชแห่งชาติของบรรดาประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ให้มีความมั่นคงยิ่งขึ้น ดังนั้น ในการสนองตอบสารพิเศษดังกล่าว รัฐสภาสหรัฐฯ ได้ผ่านข้อมติร่วมกันเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 1957 มอบให้ประธานาธิบดีมีอำนาจให้ความร่วมมือและอำนวยความช่วยเหลือแก่ชาติหรือ กลุ่มชาติต่างๆ ในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งต้องการความช่วยเหลือเช่นนั้น ในการที่จะพัฒนาพลังทางเศรษฐกิจเพื่อรักษาไว้ซึ่งเอกราชแห่งชาติตน และให้จัดโครงการช่วยเหลือทางทหารแก่ชาติต่างๆ ในภาคนั้นซึ่งต้องการความช่วยเหลือดังกล่าว ทั้งได้มอบอำนาจให้ประธานาธิบดีสามารถใช้กองทัพสหรัฐฯ เข้าช่วยเหลือชาติเหล่านั้นที่แสดงเจตนาขอความช่วยเหลือ เพื่อต่อต้านการรุกรานจากประเทศใด ๆ ที่อยู่ใต้อำนาจควบคุมของคอมมิวนิสต์ระหว่างประเทศ [การทูต] | Gorbachev doctrine | นโยบายหลักของกอร์บาชอฟ เป็นศัพท์ที่สื่อมวลชนของประเทศฝ่ายตะวันตกบัญญัติขึ้น ในตอนที่กำลังมีการริเริ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศของโซเวียตในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศอภิมหา อำนาจตั้งแต่ ค.ศ. 1985 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของ นายมิคาอิล กอร์บาชอฟ ในระยะนั้น โซเวียตเริ่มเปลี่ยนทิศทางของสังคมภายในประเทศใหม่ โดยยึดหลักกลาสนอสต์ (Glasnost) ซึ่งหมายความว่า การเปิดกว้าง รวมทั้งหลักเปเรสตรอยก้า (Perestroika) อันหมายถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ในช่วงปี ค.ศ. 1985 ถึง 1986 บุคคลสำคัญชั้นนำของโซเวียตผู้มีอำนาจในการตัดสินใจนี้ ได้เล็งเห็นและสรุปว่าการที่ประเทศพยายามจะรักษาสถานภาพประเทศอภิมหาอำนาจ และครองความเป็นใหญ่ในแง่อุดมคติทางการเมืองของตนนั้นจำต้องแบกภาระทาง เศรษฐกิจอย่างหนักหน่วง แต่ประโยชน์ที่จะได้จริง ๆ นั้นกลับมีเพียงเล็กน้อย เขาเห็นว่า แม้ในสมัยเบรสเนฟ ซึ่งได้เห็นความพยายามอันล้มเหลงโดยสิ้นเชิงของสหรัฐฯ ในสงครามเวียดนาม การปฏิวัติทางสังคมนิยมที่เกิดขึ้นในแองโกล่า โมซัมบิค และในประเทศเอธิโอเปีย รวมทั้งกระแสการปฏิวัติทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในแถบประเทศละตินอเมริกา ก็มิได้ทำให้สหภาพโซเวียตได้รับประโยชน์ หรือได้เปรียบอย่างเห็นทันตาแต่ประการใด แต่กลับกลายเป็นภาระหนักอย่างยิ่งเสียอีก แองโกล่ากับโมแซมบิคกลายสภาพเป็นลูกหนี้อย่างรวดเร็ว เอธิโอเปียต้องประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างสาหัส และการที่โซเวียตใช้กำลังทหารเข้ารุกรานประเทศอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1979 ทำให้ระบบการทหารและเศรษฐกิจของโซเวียตต้องเครียดหนักยิ่งขึ้น และการเกิดวิกฤตด้านพลังงาน (Energy) ในยุโรปภาคตะวันออกระหว่างปี ค.ศ. 1984-1985 กลับเป็นการสะสมปัญหาที่ยุ่งยากมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันโซเวียตตกอยู่ในฐานะต้องพึ่งพาอาศัยประเทศภาคตะวันตกมากขึ้นทุก ขณะ ทั้งในด้านวิชาการทางเทคโนโลยี และในทางโภคภัณฑ์ธัญญาหารที่จำเป็นแก่การดำรงชีวิตของพลเมืองของตน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เกิดการแข่งขันกันใหม่ด้านอาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะแผนยุทธการของสหรัฐฯ ที่เรียกว่า SDI (U.S. Strategic Defense Initiative) ทำให้ต้องแบกภาระอันหนักอึ้งทางการเงินด้วยเหตุนี้โซเวียตจึงต้องทำการ ประเมินเป้าหมายและทิศทางการป้องกันประเทศใหม่ นโยบายหลักของกอร์บาซอฟนี่เองทำให้โซเวียตต้องหันมาญาติดี รวมถึงทำความตกลงกับสหรัฐฯ ในรูปสนธิสัญญาว่าด้วยกำลังนิวเคลียร์ในรัศมีปานกลาง (Intermediate Range Force หรือ INF) ซึ่งได้ลงนามกันในกรุงวอชิงตันเมื่อปี ค.ศ. 1987เหตุการณ์นี้ถือกันว่าเป็นมาตรการที่มีความสำคัญที่สุดในด้านการควบคุม ยุทโธปกรณ์ตั้งแต่เริ่มสงครามเย็น (Cold War) ในปี ค.ศ. 1946 เป็นต้นมา และเริ่มมีผลกระทบต่อทิศทางในการที่โซเวียตเข้าไปพัวพันกับประเทศ อัฟกานิสถาน แอฟริกาภาคใต้ ภาคตะวันออกกลาง และอาณาเขตอ่าวเปอร์เซีย กอร์บาชอฟถึงกับประกาศยอมรับว่า การรุกรานประเทศอัฟกานิสถานเป็นการกระทำที่ผิดพลาด พร้อมทั้งถอนกองกำลังของตนออกไปจากอัฟกานิสถานเมื่อปี ค.ศ. 1989 อนึ่ง เชื่อกันว่าการที่ต้องถอนทหารคิวบาออกไปจากแองโกล่า ก็เป็นเพราะผลกระทบจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟ ซึ่งได้เปลี่ยนท่าทีและบทบาทใหม่ของโซเวียตในภูมิภาคตอนใต้ของแอฟริกานั้น เอง ส่วนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นโยบายหลักของกอร์บาชอฟได้เป็นผลให้ นายเอ็ดวาร์ด ชวาดนาเซ่ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกอร์บาชอฟ เริ่มแสดงสันติภาพใหม่ๆ เช่น ทำให้โซเวียตกลับไปรื้อฟื้นสัมพันธภาพทางการทูตกับประเทศอิสราเอล ทำนองเดียวกันในเขตอ่าวเปอร์เซีย โซเวียตก็พยายามคืนดีด้านการทูตกับประเทศอิหร่าน เป็นต้นการเปลี่ยนทิศทางใหม่ทั้งหลายนี้ ถือกันว่ายังผลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายภายในประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจและ ด้านสังคมของโซเวียต อันสืบเนื่องมาจากนโยบาย Glasnost and Perestroika ที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเองในที่สุด เหตุการณ์ทั้งหลายเหล่านี้ก็ได้นำไปสู่การล่มสลายอย่างกะทันหันของสหภาพ โซเวียตเมื่อปี ค.ศ. 1991 พร้อมกันนี้ โซเวียตเริ่มพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง รวมทั้งปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจการเมืองของประเทศให้ทันสมัยอย่างขนานใหญ่ นำเอาทรัพยากรที่ใช้ในด้านการทหารกลับไปใช้ในด้านพลเรือน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เกิดจิตใจ (Spirit) ของการเป็นมิตรไมตรีต่อกัน (Détente) ขึ้นใหม่ในวงการการเมืองโลก เห็นได้จากสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งโซเวียตไม่เล่นด้วยกับอิรัก และหันมาสนับสนุนอย่างไม่ออกหน้ากับนโยบายของประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรนัก วิเคราะห์เหตุการณ์ต่างประเทศหลายคนเห็นพ้องต้องกันว่า การที่เกิดการผ่อนคลาย และแสวงความเป็นอิสระในยุโรปภาคตะวันออกอย่างกะทันหันนั้น เป็นผลจากนโยบายหลักของกอร์บาชอฟโดยตรง คือเลิกใช้นโยบายของเบรสเนฟที่ต้องการให้สหภาพโซเวียตเข้าแทรกแซงอย่างจริง จังในกิจการภายในของกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก กระนั้นก็ยังมีความรู้สึกห่วงใยกันไม่น้อยว่า อนาคตทางการเมืองของกอร์บาชอฟจะไปได้ไกลสักแค่ไหน รวมทั้งความผูกพันเป็นลูกโซ่ภายในสหภาพโซเวียตเอง ซึ่งยังมีพวกคอมมิวนิสต์หัวรุนแรงหลงเหลืออยู่ภายในประเทศอีกไม่น้อย เพราะแต่เดิม คณะพรรคคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียตนั้น เป็นเสมือนจุดรวมที่ทำให้คนสัญชาติต่าง ๆ กว่า 100 สัญชาติภายในสหภาพ ได้รวมกันติดภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือมีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 6 ส่วนของพื้นที่โลก และมีพลเมืองทั้งสิ้นประมาณ 280 ล้านคนจึงสังเกตได้ไม่ยากว่า หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายไปแล้ว พวกหัวเก่าและพวกที่มีความรู้สึกชาตินิยมแรง รวมทั้งพลเมืองเผ่าพันธุ์ต่างๆ เกิดความรู้สึกไม่สงบ เพราะมีการแก่งแย่งแข่งกัน บังเกิดความไม่พอใจกับภาวะเศรษฐกิจที่ตนเองต้องเผชิญอยู่ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้จักรวรรดิของโซเวียตต้องแตกออกเป็นส่วน ๆ เช่น มีสาธารณรัฐที่มีอำนาจ ?อัตตาธิปไตย? (Autonomous) หลายแห่ง ต้องการมีความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่กับรัสเซีย เช่น สาธารณรัฐยูเกรน ไบโลรัสเซีย มอลดาเวีย อาร์เมเนีย และอุสเบคิสถาน เป็นต้น แต่ก็เป็นการรวมกันอย่างหลวม ๆ มากกว่า และอธิปไตยที่เป็นอยู่ขณะนี้ดูจะเป็นอธิปไตยที่มีขอบเขตจำกัดมากกว่าเช่นกัน โดยเฉพาะสาธารณรัฐมุสลิมในสหภาพโซเวียตเดิม ซึ่งมีพลเมืองรวมกันเกือบ 50 ล้านคน ก็กำลังเป็นปัญหาต่อเชื้อชาติสลาฟ และการที่พวกมุสลิมที่เคร่งครัดต่อหลักการเดิม (Fundamentalism) ได้เปิดประตูไปมีความสัมพันธ์อันดีกับประะเทศอิหร่านและตุรกีจึงทำให้มีข้อ สงสัยและครุ่นคิดกันว่า เมื่อสหภาพโซเวียตแตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ ดังนี้แล้ว นโยบายหลักของกอร์บาชอฟจะมีทางอยู่รอดต่อไปหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงและอภิปรายกันอยู่พักใหญ่และแล้ว เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1991 ก็ได้เกิดความพยายามที่จะถอยหลังเข้าคลอง คือกลับนโยบายผ่อนเสรีของ Glasnost และ Perestroika ทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศโดยมีผุ้ที่ไม่พอใจได้พยายามจะก่อรัฐประหาร ขึ้นต่อรัฐบาลของนายกอร์บาชอฟ แม้การก่อรัฐประหารซึ่งกินเวลาอยู่เพียงไม่กี่วันจะไม่ประสบผลสำเร็จ แต่เหตุการณ์นี้ก่อให้เกิดผลสะท้อนลึกซึ้งมาก คือเป็นการแสดงว่า อำนาจของรัฐบาลกลางย้ายจากศูนย์กลางไปอยู่ตามเขตรอบนอกของประเทศ คือสาธารณรัฐต่างๆ ซึ่งก็ต้องประสบกับปัญหานานัปการ จากการที่ประเทศเป็นภาคีอยู่กับสนธิสัญญาระหว่างประเทศต่างๆ โดยเฉพาะความตกลงเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งสหภาพโซเวียตเดิมได้ลงนามไว้หลายฉบับผู้นำของสาธารณรัฐที่ใหญ่ที่สุดคือ นายบอริส เยลท์ซินได้ประกาศว่า สหพันธ์รัฐรัสเซียยังถือว่า พรมแดนที่เป็นอยู่ขณะนี้ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ ไม่ใช่เป็นสิ่งที่จะแก้ไขเสียมิได้และในสภาพการณ์ด้านต่างประทเศที่เป็นอยู่ ในขณะนี้ การที่โซเวียตหมดสภาพเป็นประเทศอภิมหาอำนาจ ทำให้โลกกลับต้องประสบปัญหายากลำบากหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเศรษฐกิจระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ ที่เคยสังกัดอยู่ในสหภาพโซเวียตเดิม จึงเห็นได้ชัดว่า สหภาพโซเวียตเดิมได้ถูกแทนที่โดยการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐต่างๆ อย่างหลวมๆ ในขณะนี้ คล้ายกับการรวมตัวกันระหว่างสาธารณรัฐภายในรูปเครือจักรภพหรือภายในรูป สมาพันธรัฐมากกว่า และนโยบายหลักของกอร์บาชอฟก็ได้ทำให้สหภาพโซเวียตหมดสภาพความเป็นตัวตนใน เชิงภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) [การทูต] | New World Order | ระเบียบใหม่ของโลก คำนี้มีส่วนเกี่ยวพันกับอดีตประธานาธิบดียอร์ช บุช และเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางใจสมัยหลังจากที่ประเทศอิรักได้ใช้กำลัง ทหารรุกรานประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 1990 กล่าวคือ ประธานาธิบดียอร์ช บุช มีความวิตกห่วงใยว่า การที่สหรัฐอเมริกาแสดงปฏิกิริยาต่อการรุกรานของอิรักนี้ ไม่ควรจะให้โลกมองไปในแง่ที่ว่า เป็นการปฏิบัติการของสหรัฐแต่ฝ่ายเดียวหากควรจะมองว่าเป็นเรื่องของหลักความ มั่นคงร่วมกัน (Collective Security ) ที่นำออกมาใช้ใหม่ในสมัยหลังสงครามเย็นในสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมสภาร่วมทั้ง สองของรัฐสภาอเมริกันเมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1990 ประธานาธิบดีบุชได้วางหลักการง่าย ๆ 5 ข้อ ซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของระเบียบใหม่ของโลก ตามระเบียบใหม่ของโลกนี้ โลกจะปลอดพ้นมากขึ้นจากการขู่เข็ญหรือการก่อการร้าย ให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็งในการแสวงความยุติธรรม ตลอดจนให้บังเกิดความมั่นคงยิ่งขึ้นในการแสวงสันติสุข ซึ่งจะเป็นยุคที่ประชาชาติทั้งหลายในโลก ไม่ว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก ตะวันตก ภาคเหนือหรือภาคใต้ ต่างมีโอกาสเจริญรุ่งเรืองและมีชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวแม้ว่า ระเบียบใหม่ของโลก ดูจะยังไม่หลุดพ้นจากความคิดขั้นหลักการมาเป็นขั้นปฏิบัติอย่างจริงจังก็ตาม แต่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า อย่างน้อยก็เป็นการส่อให้เห็นเจตนาอันแน่วแน่ที่จะกระชับความร่วมมือระหว่าง ประเทศใหญ่ ๆ ทั้งหลายให้มากยิ่งขึ้น ส่งเสริมให้องค์การระหว่างประเทศมีฐานะเข้มแข็งขึ้น และให้กฎหมายระหว่างประเทศมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ต่อมา เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในด้านการเมืองของโลกระหว่างปี ค.ศ. 1989 ถึง ค.ศ. 1991 ทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกำลังผันไปสู่หัวเลี้ยวหัวต่อใหม่ กล่าวคือ ความล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปภาคตะวันออก อวสานของสหภาพโซเวียตในฐานะประเทศอภิมหาอำนาจ การยุติของกติกาสัญญาวอร์ซอว์และสงครามเย็น การรวมเยอรมนีเข้าเป็นประเทศเดียว และการสิ้นสุดของลัทธิอะพาไทด์ในแอฟริกาใต้ (คือลัทธิกีดกันและแบ่งแยกผิว) เหล่านี้ทำให้เกิด ?ศักราชใหม่? ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้ว่า บรรดาประเทศต่าง ๆ บัดนี้ต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมากขึ้น องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงมีศักยภาพสูงขึ้น กำลังทหารมีประโยชน์น้อยลง เสียงที่กำลังกล่าวขวัญกันหนาหูเกี่ยวกับระเบียบใหม่ของโลกในขณะนี้ คือความพยายามที่จะปฏิรูปองค์การสหประชาติใหม่ และปรับกลไกเกี่ยวกับรักษาความมั่นคงร่วมกันให้เข้มแข็งขึ้นอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สิทธิ์ยับยั้ง (Veto) ในคณะมนตรีความมั่นคง ควรจะเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ โดยจะให้สมาชิกที่มีอำนาจใช้สิทธิ์ยับยั้งนั้นได้แก่สมาชิกในรูปกลุ่มประเทศ (Blocs of States) แทนที่จะเป็นประเทศสมาชิกถาวร 5 ประเทศเช่นในปัจจุบันอย่างไรก็ดี การสงครามอ่าวเปอร์เซียถึงจะกระทำในนามของสหประชาชาติ แต่ฝ่ายที่รับหน้าที่มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา แม่ว่าฝ่ายที่รับภาระทางการเงินมากที่สุดในการทำสงครามจะได้แก่ซาอุดิอาระ เบียและญี่ปุ่นก็ตาม ถึงแม้ว่าคติของระเบียบใหม่ของโลกจะผันต่อไปในรูปใดก็ดี สิ่งที่แน่นอนที่สุดก็คือ โลกจะยังคงต้องอาศัยพลังอำนาจ การเป็นผู้นำ และอิทธิพลของสหรัฐอเมริกาต่อไปอยู่นั่นเอง [การทูต] | Organization of American States | คือองค์การของรัฐในสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1947 สหรัฐอเมริกา และประเทศต่าง ๆ ในละตินอเมริกา ยกเว้นประเทศนิคารากัวและอีเควดอร์ ได้ตกลงทำสนธิสัญญาระหว่างรัฐในอเมริกาด้วยกัน ณ กรุงริโอเดจาเนโร เพื่อให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า สนธิสัญญาริโอ ประเทศเหล่านั้นต่างมุ่งมั่นที่จะให้ความช่วยเหลือกันอย่างมีประสิทธิผล ถ้าหากรัฐในอเมริกาหนึ่งใดถูกโจมตีด้วยกำลังอาวุธหรือถูกคุกคามจาการรุกราน ต่อมาในเดือนเมษายน ค.ศ. 1948 ได้มีการจัดตั้งองค์การของรัฐอเมริกัน (Organization of American States) ขึ้น ณ กรุงโบโกตา ประเทศโบลิเวีย ประกอบด้วยรัฐต่าง ๆ ในอเมริการวม 21 ประเทศ ยกเว้นประเทศแคนาดา เพื่อดำเนินการให้เป็นผลตามสนธิสัญญาริโอ และจัดวางระบบการรักษาความมั่นคงร่วมกันขึ้น กฎบัตร (Charter) ขององค์การได้มีผลบังคับให้เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1951องค์การโอเอเอสนี้ เป็นองค์การส่วนภูมิภาคแห่งหนึ่ง ภายในกรอบของสหประชาชาติ ประเทศสมาชิกต่างปฏิญาณร่วมกันที่จะทำการธำรงรักษากระชับสันติภาพ ตลอดจนความมั่นคงในทวีปอเมริกา เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุแห่งความยุ่งยากใด ๆ และต้องการระงับกรณีพิพาทที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างประเทศสมาชิกด้วยกันโดย สันติวิธี อนึ่ง ถ้าหากมีการรุกรานเกิดขึ้นก็จะมีการปฏิบัติการร่วมกัน นอกจากนี้ ยังจะหาทางระงับปัญญาหาทางการเมือง ทางการศาล และทางเศรษฐกิจ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในระหว่างประเทศสมาชิก พร้อมทั้งจะพยายามร่วมกัน ในการหาหนทางส่งเสริมพัฒนาการทางเศรษฐกิจสังคม และวัฒนธรรม สำนักงานใหญ่ขององค์การโอเอเอสตั้งอยู่ ณ กรุงวอชิงตันดีซี นครหลวงของสหรัฐอเมริกา [การทูต] | Pacific Charter | คือกฎบัตรแปซิฟิค ซึ่งประกาศ ณ กรุงมะนิลา เมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1954 ในโอกาสที่มีการตกลงกันทำสนธิสัญญาป้องกันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ( Southeast Asia Defense Treaty-SEATO ) ประเทศที่ลงนามเป็นภาคีในสนธิสัญญา คือ ออสเตรีย ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ไทย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกาสาระสำคัญในสนธิสัญญาดังกล่าว หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า SEATO (ซีโต้) นั้นคือ ทุกประเทศภาคีจะร่วมมือกันในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมให้พลเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมาตรฐานการครอง ชีพสูงขึ้น มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และมีสวัสดิภาพสังคมที่ดี แต่จุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดคามสนธิสัญญาคือ บรรดาประเทศภาคีตกลงที่จะป้องกันหรือตอบโต้ความพยายามใด ๆ ที่จะล้มล้างเสรีภาพที่มีอยู่ในเขตสนธิสัญญา หรือทำลายอธิปไตยหรือบูรณภาพแห่งเขตแดนของประเทศภาคี พูดอย่างสั้น ๆ ก็คือฝ่ายโลกเสรีอันมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ ต้องการกีดกันมิให้ประเทศฝ่ายคอมมิวนิสต์เข้าไปมีอำนาจครอบงำดินแดนเขต เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระหว่างสงครามเย็น (Cold War ) โดยวิธีรุกรานหรือวิธีอื่นใดก็ตาม [การทูต] | Southeast Asia Collective Defense Treaty (Mahila Pact) | สนธิสัญญาซีโต้ สนธิสัญญานี้ได้มีการลงนามกัน ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 8 กันยายน ค.ศ. 1954 ประเทศที่ลงนามในสนธิสัญญามีประเทศออสเตรเลีย ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ ประเทศไทย อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา สนธิสัญญาได้มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955ในภาคอารัมภบทของสัญญานี้ บรรดาประเทศสมาชิกต่างแสดงความปรารถนาที่จะประสานความพยายามของตนที่จะ ป้องกันร่วมกัน เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคง โดยเฉพาะข้อ 4 ของสนธิสัญญาเป็นข้อสำคัญที่สุด คือ แต่ละประเทศภาคีคู่สัญญาตกลงเห็นพ้องกันว่า หากดินแดนของประเทศใดถูกรุกรานจาการโจมตีด้วยกำลังอาวุธ ประเทศภาคีทั้งหมดที่เหลือจะถือว่าเป็นอันตรายร่วมกัน และจะปฏิบัติการเพื่อเผชิญหน้ากับอันตรายร่วมกัน หรือถ้าหากพื้นที่ภายในเขตครอบคลุมของสนธิสัญญาถูกคุกคามด้วยประการใด ๆ ประเทศภาคีทั้งหมดจะปรึกษากันในทันที เพื่อตกลงในมาตรการเพื่อการป้องกันร่วมกันสำนักงานใหญ่ขององค์การซีโต้ตั้ง อยู่ในกรุงเทพมหานคร โดยที่สถานการณ์ทางการเมืองของโลกได้เปลี่ยนไปมากทำให้องค์การซีโต้หมดความ จำเป็น และได้ยุบเลิกไปนานแล้ว [การทูต] | Security Council of the United Nations | คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คณะมนตรีนี้ประกอบด้วยสมาชิกถาวร (Permanent members) 5 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต อังกฤษ และสหรัฐฯ และมีสมาชิกไม่ถาวร (Non-permanent members) อีก 10 ประเทศ ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเป็นผู้เลือกตั้ง และให้ดำรงอยู่ในตำแหน่งประเทศละ 2 ปี สมาชิกประเภทนี้ไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งใหม่ในทันที และในการเลือกตั้งจะคำนึงส่วนเกื้อกูลหรือบทบาทของประเทศผู้สมัครที่มีต่อ การธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมทั้งที่มีต่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ขององค์การสหประชาชาติด้วย ในการเลือกตั้ง จะคำนึงถึงการแบ่งกลุ่มประเทศสมาชิกดังนี้คือ ก. 5 ประเทศจากแอฟริกาและเอเชียข. 1 ประเทศจากยุโรปตะวันออกค. 2 ประเทศจากละตินอเมริกาง. 2 ประเทศจากยุโรปตะวันตก และประเทศอื่น ๆหน้าที่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีดังนี้1. ธำรงรักษาสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศตามวัตถุประสงค์และหลักการของสหประชาชาติ2. สอบสวนเกี่ยวกับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ใด ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งระหว่างประเทศ3. เสนอแนะวิธีที่จะใช้กรณีพิพาทเช่นว่านั้น หรือ เงื่อนไขที่ให้มีการตกลงปรองดองกัน4. วางแผนเพื่อสถาปนาระบบการควบคุมกำลังอาวุธ5. ค้นหาและวินิจฉัยว่ามีภัยคุกคามต่อสันติภาพ หรือ เป็นการกระทำที่รุกรานหรือไม่ แล้วเสนอแนะว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร 6. เรียกร้องให้สมาชิกประเทศที่ทำการลงโทษในทางเศรษฐกิจ และใช้มาตรการอื่น ๆ ที่ไม่ถึงขั้นทำสงคราม เพื่อป้องกันมิให้เกิดหรือหยุดยั้งการรุกราน7. ดำเนินการทางทหารตอบโต้ฝ่ายที่รุกราน8. เสนอให้รับประเทศสมาชิกใหม่ รวมทั้งเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ ในการที่จะเข้าเป็นภาคีตามกฎหมายของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ 9. ทำหน้าที่ให้ภาวะทรัสตีของสหประชาชาติ ในเขตที่ถือว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์10. เสนอแนะให้สมัชชาสหประชาชาติ แต่งตั้งตัวเลขาธิการและร่วมกับสมัชชาในการเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลโลก11. ส่งรายงานประจำปีและรายงานพิเศษต่อสมัชชาสหประชาชาติบรรดาประเทศสมาชิกของสห ประชาชาติ ต่างตกลงยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อมติใด ๆ ของคณะมนตรีความมั่นคง ทั้งยังรับรองที่จะจัดกำลังกองทัพของตนให้แก่คณะมนตรีความมั่นคงหากขอร้อง รวมทั้งความช่วยเหลือและและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ [การทูต] | Work of the United Nations on Human Rights | งานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน งานสำคัญชิ้นหนึ่งของสหประชาชาติคือ วควมมปรารถนาที่จะให้ประเทศทั้งหลายต่างเคารพและให้ความคุ้มครองแก่สิทธิ มนุษยชนตลอดทั่วโลก ดังมาตรา 1 ในกฎบัตรของสหประชาติได้บัญญัติไว้ว่า?1. เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และมีเจตนามุ่งมั่นต่อจุดหมายปลายทางนี้ จะได้ดำเนินมาตรการร่วมกันให้บังเกิดผลจริงจัง เพื่อการป้องกันและขจัดปัดเป่าการคุกคามต่อสันติภาพ รวมทังเพื่อปราบปรามการรุกรานหรือการล่วงละเมิดอื่น ๆ ต่อสันติภาพ ตลอดจนนำมาโดยสันติวิธี และสอดคล้องกับหลักแห่งความยุติธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งการปรับปรุงหรือระงับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การล่วงละเมิดสันติภาพได้ 2. เพื่อพัฒนาสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชาติทั้งปวงโดยยึดการเคารพต่อหลักการ แห่งสิทธิเท่าเทียมกัน และการกำหนดเจตจำนงของตนเองแห่งประชาชนทั้งปวงเป็นมูลฐานและจะได้ดำเนิน มาตรการอันเหมาะสมอย่างอื่น เพื่อเป็นกำลังแก่สันติภาพสากล 3. เพื่อทำการร่วมมือระหว่างประเทศ ในอันที่จะแก้ปัญหาระหว่างประเทศในทางเศรษฐกิจ การสังคม วัฒนธรรม และมนุษยธรรม รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพ อันเป็นหลักมูลฐานสำหรับทุก ๆ คนโดยปราศจากความแตกต่างด้านเชื้อชาติ เพศ ภาษา หรือศาสนา 4. เพื่อเป็นศูนย์กลางและประสานการดำเนินงานของประชาชาติทั้งปวงในอันที่จะ บรรลุจุดหมายปลายทางเหล่านี้ร่วมกันด้วยความกลมกลืน"ดังนั้น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1948 สมัชชาแห่งสหประชาชาติจึงได้ลงข้อมติรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชุมชนระหว่างประเทศ ที่ได้ยอมรับผิดชอบที่จะให้ความคุ้มครอง และเคารพปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยข้อความรวม 30 มาตรา กล่าวถึง1. สิทธิของพลเมืองทุกคนที่จะมีเสรีภาพ และความเสมอภาค รวมทั้งสิทธิทางการเมือง2. สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม มาตรา 1 และ 2 เป็นมาตราที่กล่าวถึงหลักทั่วไป เช่น มนุษย์ปุถุชนทั้งหลายต่างเกิดมาพร้อมกับ อิสรภาพ และทรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้น ทุกคนย่อมมีสิทธิและอิสรภาพตามที่ระบุในปฏิญญาสากล โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างใด ๆ เชื้อชาติ เพศ ภาษา ศาสนา ความเห็นทางการเมือง หรืออื่น ๆ ต้นกำเนิดแห่งชาติหรือสังคม ทรัพย์สินหรือสถานภาพอื่น ๆ ส่วนสิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมืองนั้น ได้รับการรับรองอยู่ในมาตร 3 ถึง 21 ของปฏิญญาสากล เช่น รับรองว่าทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ มีเสรีภาพและความมั่นคงปลอดภัย มีอิสรภาพจากความเป็นทาสหรือตกเป็นทาสรับใช้ มีเสรีภาพจากการถูกทรมาน หรือการถูกลงโทษอย่างโหดร้าย สิทธิที่จะได้รับการรับรองเป็นบุคคลภายใต้กฎหมาย ได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย มีเสรีภาพจากการถูกจับกุม กักขัง หรือถูกเนรเทศโดยพลการ มีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ สิทธิที่จะมีสัญชาติ รวมทั้งสิทธิที่จะแต่งงานและมีครอบครัว เป็นต้นส่วนมาตรา 22 ถึง 27 กล่าวถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และทางวัฒนธรรม เช่น มีสิทธิที่จะอยู่ภายใต้การประกันสังคม สิทธิที่จะทำงาน สิทธิที่จะพักผ่อนและมีเวลาว่าง สิทธิที่จะมีมาตรฐานการครองชีพสูงพอที่จะให้มีสุขภาพอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดี สิทธิที่จะได้รับการศึกษาและมีส่วนร่วมในชีวิตความเป็นอยู่ตามวัฒนธรรมของ ชุมชน มาตรา 28 ถึง 30 กล่าวถึงการรับรองว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะมีขีวิตอยู่ท่ามกลางความสงบเรียบร้อยของสังคมและระหว่าง ประเทศ และขณะเดียวกันได้เน้นว่า ทุกคนต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อชุมชนด้วยสมัชชาสหประชาชาติได้ประกาศ ให้ถือปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนนี้ เป็นมาตรฐานร่วมกันที่ทุกประชาชาติจะต้องปฏิบัติตามให้ได้ และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกของสหประชาชาติช่วยกันส่งเสริมรับรองเคารพสิทธิและ เสรีภาพตามที่ปรากฎในปฏิญญาสากลโดยทั่วกัน โดยเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนนี้ สมัชชาสหประชาชาติจึงลงมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1950 ให้ถือวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชนทั่วโลก [การทูต] | Amputation, Gordon-Taylor | การตัดขาโดยเอากระดูกเชิงกรานด้านนั้นออกด้วยซีก, การตัดขาโดยเอากระดูกเชิงกรานด้านนั้นออก [การแพทย์] | Appendicitis, Pelvic | ไส้ติ่งอักเสบที่อยู่ในอุ้งเชิงกราน [การแพทย์] | Arteries, Gluteal | แขนงหลอดเลือดแดงเลี้ยงบริเวณเชิงกราน [การแพทย์] | Bone, Innominate | กระดูกตะโพกครึ่งเชิงกราน [การแพทย์] | Cancer, True Preinvasive | มะเร็งชนิดเริ่มรุกรานจริง [การแพทย์] | Cephalopelvic Disproportion | ศีรษะทารกในครรภ์ไม่ได้สัดส่วนกับช่องเชิงกราน, ขนาดของเด็กและช่องทางคลอดไม่ได้สัดส่วน, เชิงกรานเล็กกว่าศีรษะเด็ก [การแพทย์] | Connective Tissue, Pelvic | เนื้อเยื่อประสานของช่องเชิงกราน [การแพทย์] | Descend and Engagement | ส่วนนำเลื่อนจากในช่องท้องลงมาอยู่ในอุ้งเชิงกราน [การแพทย์] | Diameter, Mentooccipital | เส้นผ่าศูนย์กลางของส่วนที่จะผ่านช่องเชิงกราน [การแพทย์] | Engaged | ช่วงที่ศีรษะทารกเข้าสู่อุ้งเชิงกราน [การแพทย์] | Engagement | ส่วนนำส่วนใหญ่ยังไม่ผ่านลงในอุ้งเชิงกราน, ศีรษะเด็กผ่านช่องเข้าลงในเชิงกราน, การลงในอุ้งเชิงกรานของศีรษะเด็ก, การหมั้นหมาย [การแพทย์] | Fascia, Endopelvic | พังผืดของช่องเชิงกราน [การแพทย์] | Fascia, Pelvic | พังผืดในช่องเชิงกราน [การแพทย์] | Fractures, Malgaigne | กระดูกเชิงกรานหักทั้งซีก, กระดูกเชิงกรานหักผ่าซีก [การแพทย์] | grana | กรานา, กลุ่มของลาเมลลาที่ซ้อนกันอยู่เป็นชั้น ๆ ภายในคลอโรพลาสต์ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | chloroplast | คลอโรพลาสต์, ออร์แกเนลล์ที่มีรูปร่างเป็นเม็ดค่อนข้างกลม ภายในมีองค์ประกอบที่สำคัญ 2 ส่วน คือ สโตรมาและกรานา พบในไซโทพลาซึมของเซลล์พืช และโพรทิสต์บางชนิด คลอโรพลาสต์เป็นแหล่งสังเคราะห์ด้วยแสงของพืช [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | lamella | ลาเมลลา, ชั้นบาง, โครงสร้างที่มีลักษณะเป็นแผ่นบางซ้อนเป็นชั้น อยู่เป็นกลุ่ม ๆ เรียกว่า กรานา อยู่ภายในคลอโรพลาสต์ ลาเมลลามีองค์ประกอบที่สำคัญคือ คลอโรฟิลล์ โปรตีน ไขมัน และ แคโรทีนอยด์ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | Grana | กรานา [การแพทย์] | Granules, Course | เม็ดกรานูลหยาบ [การแพทย์] | Granules, Fine | เม็ดกรานูลละเอียด [การแพทย์] | Gynaecoid Type | เชิงกรานแบบที่พบบ่อยในสตรี [การแพทย์] | Iliac Crest | ขอบของกระดูกเชิงกราน, กระดูกเชิงกราน, ขอบกระดูกเชิงกราน, สันกระดูกปีกตะโพก, สันกระดูกเชิงกราน [การแพทย์] | Iliac Crest, Posterior | สันกระดูกสะโพกส่วนล่าง, ส่วนหลังของสันกระดูกเชิงกราน [การแพทย์] | Iliac Spine | ปุ่มกระดูกปีกตะโพก, หนามกระดูกเชิงกราน [การแพทย์] | Innominate Bones | กระดูกเชิงกราน [การแพทย์] | Invasion | แทรกซึม, การแทรกลง, การรุกราน, ลุกลาม [การแพทย์] | Irradiation, Pelvic, Whole | การฉายรังสีต่อช่องเชิงกรานทั้งหมด [การแพทย์] | Laparotomy | ท้อง, การผ่า; ผนังท้อง, ศัลยกรรม; การผ่าหน้าท้อง; การผ่าท้อง; การผ่าทางหน้าท้อง; การเปิดหน้าท้อง; การผ่าตัดเปิดช่องเชิงกราน [การแพทย์] | Ligaments, Vertebropelvic | เอ็นที่ยึดกระดูกเชิงกรานกับกระดูกสันหลัง [การแพทย์] | Lumbosacral Angle | มุมของเชิงกราน, มุมลัมโบเซครัล [การแพทย์] | Manipulation, Bimanual | ขยับตัวมดลูกให้ออกจากอุ้งเชิงกราน [การแพทย์] | Muscular Dystrophy, Limb Girdle | ฝ่อลีบเฉพาะกล้ามเนื้อบริเวณไหล่และสะโพก, โรคกล้ามเนื้อพิการที่หลังและเชิงกราน [การแพทย์] | Muscular Dystrophy, Limp Girdle | ดิสโทรฟีของกล้ามเนื้อแบบเป็นที่หัวไหล่และเชิงกราน [การแพทย์] |
| - I don't want to offend you. | - ฉันไม่ต้องการที่จะรุกรานคุณ Pulp Fiction (1994) | I insist. | ฉันยืนกราน Wild Reeds (1994) | But now he has the incident he requires to go on a rampage of conquest. | เเต่ตอนนี้ เขามีข้ออ้างที่จะยกทัพไปรุกรานชาวบ้าน Beneath the Planet of the Apes (1970) | An Egyptian Pharaoh, Shishak, invaded Jerusalem about 980 BC, and may have taken the Ark to the city of Tanis and hidden it in a secret chamber called the Well of Souls. | ฟาโรห์แห่งอียิปต์, ซิซา, รุกรานเยซูซาเล็ม ประมาณปี 980 ก่อนคริสต์ศักราช, และอาจจะนำเอาหีบ ไปที่เมืองทานิส และซ่อนมันเอาไว้ในแชมเบอร์ลึกลับ เรียกว่า กำแพงแห่งวิญญาณ Indiana Jones and the Raiders of the Lost Ark (1981) | Survivor of countless incursions behind enemy lines. | รอดชีวิตจากการรุกรานที่นับไม่ถ้วนของศัตรู First Blood (1982) | I wouldn't want to offend you. | ฉันไม่อยากรุกรานคุณ Idemo dalje (1982) | What grudge do the two of you have with Quan Zhen Sect to involve with so many men? | เจ้ามีเรื่องบาดหมางอะไรกับสำนักช้วนจิน ถึงได้พาคนมารุกรานที่นี่? Return of the Condor Heroes (1983) | history demonstrates conclusively that naive wishing for peace is the surest possible way to encourage an aggressor. | ประวัติศาสตร์ชี้ชัดว่า พวกโลกสวยที่เรียกร้องสันติภาพ มีทางเดียวที่เป็นไปได้ นั่นคือ ยอมสยบแก่ผู้รุกราน Spies Like Us (1985) | But, if you insist, Toto. | แต่, ถ้าคุณยังยืนกรานก็ได้, โตโต้. Cinema Paradiso (1988) | But over two million civilians, mostly peasants farmers and their families, have been systematically slaughtered by invading Russian armies. | ประชากรมากกว่า 2 ล้านคน ส่วนใหญ่ก็เป็นเกษตรกร ชาวไร่Nชาวนากับครอบครัวพวกเขา กำลังถูกกองทัพรัสเซียรุกราน เข่นฆ่า Rambo III (1988) | They'd rather die than be slaves to an invading army. | พวกเขายอมตายดีกว่าอยู่เป็นทาสของพวกรุกราน Rambo III (1988) | What could I do if she insisted I drive her home for her goddamn hat? | จะให้ผมทำไงถ้าเธอยืนกรานแบบนั้น ผมต้องขับพาเธอกลับบ้านเพื่อหมวกเหรอ Goodfellas (1990) | If I fall asleep, ... ..I'm done for. | เธอรุกรานกลุ่มผู้สนับสนุนผม และเธอก็รุกรานบ้านผม เฮ้ย เฮ้ย, นั่งก่อน Fight Club (1999) | No, he, uh, he insisted we call only you... though we had some trouble tracking you down. | ไม่ เขายืนกรานให้โทรเรียกคุณคนเดียว แม้เราจะตามตัวคุณยากกว่า Unbreakable (2000) | By the blood of our people are your lands kept safe. | ...สกัดการรุกรานของพวกมอร์ดอร์ พี่น้องเราหลั่งเลือด... ...เพื่อปกป้องดินเเดนของพวกท่าน The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring (2001) | The same reason you insist on going to save him. | ด้วยเห็นผลเดียวกันกับที่ท่าน ยืนกรานที่จะไปช่วยเขา. Millennium Actress (2001) | Some kind of dormant defense mechanism. | มีบางอย่างนิดหน่อย กลไกป้องกันการรุกราน Resident Evil (2002) | Did you beg, did you grovel to that piece of shit? | แกไปอ้อนวอน ไปกราบกราน - เลียแข้งเลียขาไอ้สารเลวนั่น ใช่รึเปล่า The Pianist (2002) | they're hostile. | ข้อสอง คือมารุกราน Signs (2002) | Uh... in this book of yours... did they happen to detail what would happen if they were hostile? | ในหนังสือของลูกน่ะ พวกมันทำอะไรที่คล้ายกับ... การรุกรานบ้างมั้ย มีรายละเอียดอะไร Signs (2002) | It said they would probably invade. | หนังสือบอกว่าถ้ามันมารุกราน Signs (2002) | They would use ground tactics... hand-to-hand combat. | มาจะรุกรานทางพื้นดิน ต่อสู้ด้วยมือ Signs (2002) | I was wrong. They're hostile. It's like "War of the Worlds." | ผมคิดผิด พวกมันมารุกราน เหมือนเรื่อง "War of the Worlds" เลย Signs (2002) | Those of you that do know we are nearing the end of our struggle. | ต่างก็คงรู้ดีว่าอีกไม่นานการรุกรานก็จะสิ้นสุดลง The Matrix Reloaded (2003) | This is the single greatest threat we have ever faced and if we do not act accordingly, we will not survive. | นี่คือการรุกรานที่ใหญ่มากเท่าที่เคยเจอมา และถ้าเราทำไม่ได้ เราก็ไม่รอด The Matrix Reloaded (2003) | Were it not for the threat of invasion... | ถ้าหากว่าดาวดวงนี้ไม่โดนรุกราน The Chronicles of Riddick (2004) | Instead, we will forge a union so strong, the Mongol hordes won't dare attack. | ข้าจะเข้าแทรกแซง, โดยปล่อยข่าวว่ามีทัพหนุนเข้ามาเสริมกองกำลังของเรา เหล่าทหารของมองโกลจะไม่กล้ารุกรานเรา Mulan 2: The Final War (2004) | I must be allowed to insist on this. | ผมต้องขออนุญาตที่จะยืนกรานในสิ่งนี้ Episode #1.6 (1995) | I must insist on this, sir. I assure you that in this matter, argument is fruitless. | ผมต้องยืนกรานในสิ่งนี้ครับ ผมทำให้คุณมั่นใจได้ว่า ในกรณีนี้การโต้เถียงนั้นเปล่าประโยชน์ Episode #1.6 (1995) | Something starts in your pelvis and goes to your heart... where it becomes heart-slash-pelvis. | สิ่งที่เริ่มต้นในกระดูกเชิงกรานของคุณและไปที่หัวใจของคุณ ... ที่มันจะกลายเป็นหัวใจเฉือนกระดูกเชิงกราน- The Birdcage (1996) | I could smell it, but the waitress kept saying to me, | ผมได้กลิ่นอาหาร แต่พนักงานเสิร์ฟยืนกรานกับผมว่า Mr. Monk and the Game Show (2004) | You have such a unique voice, and I don't say that to everybody. | เธอยืนกรานอย่างเรื่องนั้นมาตลอด แล้วฉันก็ไม่ได้บอกใครเลย Mr. Monk and the Girl Who Cried Wolf (2004) | Ilman sitä häpeää, tuo vihollinen ei eläisi. | ต่อต้านผู้รุกรานที่บุกเข้ามา. Kingdom of Heaven (2005) | Tuhoatte armeijanne tänne, ettekä pysty koskaan rakentamaan samanlaista. | ท่านจะทำให้กองทัพถูกทำลายที่นี่ และจะรุกรานใครไม่ได้อีก. Kingdom of Heaven (2005) | But i insist to tell you why | แต่ฉันก็ยืนกรานที่สอนพวกเธอ ทำไม... Harry Potter and the Goblet of Fire (2005) | - Tell her you insist they marry. | -บอกลูกสิ ว่าคุณยืนกรานให้พวกเขาแต่งงานกัน Pride & Prejudice (2005) | I didn't want to, but he insisted. | ไม่ใช่ว่าฉันอยากหรอกนะ แต่เพราะว่าทอมยืนกราน Match Point (2005) | The four of them rode out against impossible odds to defend this island with their lives. | พวกเขาทั้งสี่ออกเรือไปเผชิญกับ การรุกรานที่ชั่วร้าย ที่จะป้องกันเกาะนี้ด้วยชีวิต The Fog (2005) | Plus, I'll have you giving Chloe the pelvic noogie inside a week. | ยิ่งกว่านั้นกูจะให้มึงดูทุกหลืบไม่เว้นกระดูกเชิงกรานของโคลอี้ American Pie Presents: Band Camp (2005) | Do you know what I believe in? | แล้วพวก โกราน จะคอยไล่ล่า ไม่รู้ว่าเมื่อไหรจะโดนฆ่า Shadowless Sword (2005) | They seem dropping out of the headquarters. | ทหาร โกราน! Shadowless Sword (2005) | We could get into big trouble unless we put on Georan costumes. | เราอาจจะเจอปัญหา ถ้าเราไม่ใส่ชุด โกราน Shadowless Sword (2005) | I will establish my own country on the territory of current Balhae with a help of Georan. | ข้าจะสร้างประเทศของข้าเอง บนแผ่นดินของ บัลเฮ ด้วยความช่วยเหลือของ โกราน Shadowless Sword (2005) | My father and mother, both were killed by the Georan people. | เพราะว่าพ่อแม่ของหม่อมฉันถูกพวกโกรานฆ่า Shadowless Sword (2005) | - Andy, it's the end of January. | -แอนดี้ นี่มันปลายมกรานะ Eight Below (2006) | It seems as though the German aggressors cannot be stopped as the Allied nations valiantly fight to survive. | ดูเหมือนว่าจะไม่มีทาง ยับยั้งเยอรมันผู้รุกรานได้ ในขณะที่สัมพันธมิตรหาญกล้า ต่อสู้เพื่อความอยู่รอด Flyboys (2006) | Our country has been at war since we were first attacked three years ago, and we have lost more than a million of our young men. | ประเทศของเราตกอยู่ในภาวะสงคราม นับแต่ถูกรุกรานเมื่อสามปีก่อน เราสูญเสียคนหนุ่มไปกว่าล้านคน Flyboys (2006) | Our lands were ravaged! | เขตของเราถูกรุกราน! Apocalypto (2006) | Your lands were ravaged? | เขตของเจ้าถูกรุกรานหรือ? Apocalypto (2006) | Well, I admit, I was suspicious of Mr. Bauer, but you were so adamant about his integrity that I just... looked for a way to reconcile the contradiction, so... thank you. | คือ ผมยอมรับว่าสงสัยในตัวคุณบาวเออร์ แต่คุณยืนกรานหนักแน่นเรื่องความซื่อสัตย์ของเขา ผมเลยลองหาข้อมูลเพื่อลบข้อขัดแย้งดู Day 5: 10:00 a.m.-11:00 a.m. (2006) |
| ฉลองสงกรานต์ | [chaløng Songkrān] (v, exp) FR: célébrer le Songkran | เชิงกราน | [choēngkrān] (n) EN: pelvis ; pelvic bones ; hip bone FR: bassin [ m ] | เชิงกราน | [choēngkrān] (n) EN: stove using wood fuel FR: poêle au bois [ m ] | การรุกราน | [kān rukrān] (n) EN: aggression ; invasion ; attack FR: agression [ f ] ; invasion [ f ] | ก้มกราน | [kom krān] (v, exp) EN: submit to | กระดูกเชิงกราน | [kradūk choēngkrān] (n) EN: pelvis ; pelvic bones ; hip bone FR: bassin [ m ] | กราน | [krān] (v) EN: persist ; persevere ; insist ; assert ; uphold | กราบกราน | [krāp krān] (v) EN: prostrate oneself ; kowtow | งานสงกรานต์ | [ngān Songkrān] (n, exp) EN: Songkran Festival FR: fête du Songkran [ f ] | ผู้รุกราน | [phūrukrān] (n) EN: invader ; attacker ; raider ; aggressor FR: envahisseur [ m ] ; agresseur [ m ] | รุกราน | [rukrān] (v) EN: invade ; attack ; assault ; encroach ; raid ; infringe ; intrude ; burst into FR: envahir ; attaquer ; assaillir ; agresser | ซึ่งรุกราน | [seung rukrān] (adj) FR: agressif | สงกรานต์ | [Songkrān] (n, prop) EN: Songkran Festival ; Thai New Year ; Water Festival FR: Songkran [ m ] ; fête du Songkran [ f ] ; Nouvel an thaï [ m ] | สงกรานต์ | [Songkrān] (n) EN: the date when the sun enters Aries | สุขสันต์วันสงกรานต์ | [suksan wan Songkrān] (n, exp) EN: happy Songkran | เทศกาลสงกรานต์ | [thētsakān Songkrān] (n, exp) EN: Songkran festival FR: festivités du Songkran [ fpl ] ; congé du Songkran [ m ] | ตรุษสงกรานต์ | [trut songkrān] (n, exp) EN: Songkran Festival FR: Fête du Songkran [ f ] | วันสงกรานต์ | [wan Songkrān] (x) EN: Songkran Day ; Songkran Festival Day ; Thai New Year Day ; Water Festival FR: jour du Songkran [ m ] ; fête du Songkran [ f ] ; Songkran [ m ] ; Nouvel an thaï [ m ] | วันหยุดเทศกาลสงกรานต์ | [wanyut thētsakān Songkrān] (n, exp) EN: Songkran Festival Holiday | ยืนกราน | [yeūnkrān] (v) EN: stand firm ; stand fast on one's ground ; be unyielding FR: persister ; s'obstiner | ยืนกราน | [yeūnkrān] (adj) EN: resolute ; steadfast FR: résolu |
| adamant | (adj) แน่วแน่, See also: ใจแข็ง, ยืนกราน, Syn. inflexible | aggression | (n) การบุกรุก, See also: การรุกราน | aggressive | (adj) เริ่มต่อสู้, See also: เริ่มทะเลาะ, เริ่มรุกราน | aggressor | (n) ฝ่ายรุกราน, See also: ผู้รุกราน, Syn. assailant, invader, offender, attacker | assail | (vt) โจมตี, See also: รุกราน, ถล่ม, Syn. attack, assault | assert | (vt) ยืนยัน, See also: ยืนกราน, Syn. affirm, declare, Ant. deny, controvert | attack | (vi) บุก, See also: โจมตี, รุกราน, รุก, ตี | attack | (vt) บุก, See also: โจมตี, รุกราน, รุก, ตี, Syn. assault, strike | advance on | (phrv) บุก, See also: โจมตี, รุกราน, เข้าตี, Syn. advance upon | advance upon | (phrv) บุก, See also: โจมตี, รุกราน, เข้าตี, Syn. advance on | assail with | (phrv) จู่โจมด้วย (มักใช้รูป passive voice), See also: โจมตีด้วย, รุกรานด้วย | contend | (vi) ยืนยัน, See also: ยืนกราน, Syn. postulate | drive off | (phrv) ขับผู้รุกรานออกไป, Syn. fight off | hold out for | (phrv) ยืนกรานสำหรับ, Syn. hang out for, stand out for | insist on | (phrv) ยืนยันในเรื่อง, See also: ยืนกรานในเรื่อง, Syn. insist upon | insist upon | (phrv) ยืนยันในเรื่อง, See also: ยืนกรานในเรื่อง, Syn. insist on | ilium | (n) กระดูกเชิงกราน, See also: กระดูกแบนกว้าง หนึ่งในสามชิ้นของกระดูกสะโพก | inoffensive | (adj) ไม่เป็นภัย, See also: ไม่ทำอันตราย, ไม่รุกราน, ไม่ทำร้ายคนอื่น, ไม่น่ารังเกียจ, Syn. friendly, harmless, innocuous, Ant. offensive | insist | (vi) ยืนยัน, See also: ยืนกราน, กำชับ, ย้ำ | insistence | (n) การยืนกราน, See also: คำยืนยัน | insistency | (n) การยืนกราน | insistent | (adj) ยืนยัน, See also: ยืนหยัด, ยืนกราน, หัวรั้น | invade | (vt) บุกรุก, See also: บุก, รุกราน, Syn. attack, assult, raid, Ant. defend | invader | (n) ผู้รุกราน, See also: ผู้บุกรุก, Syn. attacker, raider, trespasser, Ant. defender | invasion | (n) การรุกราน, See also: การโจมตี, Syn. attack, assult, inroad, Ant. defense, protection | invasive | (adj) ที่เป็นการรุกราน, Syn. offensive | Koran | (n) คัมภีร์กุรอ่าน, See also: คัมภีร์โกรานของศาสนาอิสลาม, คัมภีร์กุรอานของศาสนาอิสลาม, Syn. Qur'an | miff | (vi) รุกราน, See also: ระราน, ทำให้เคือง, Syn. provoke, offend | miff | (vt) รุกราน, See also: ระราน, ทำให้เคือง, Syn. provoke, offend | molestation | (n) การรบกวน, See also: การรุกราน, Syn. abuse | molester | (n) ผู้รุกราน, See also: ผู้รบกวน, Syn. attacker | occupy | (vt) ยึดครอง, See also: รุกราน, ครอบครอง, Syn. capture, seize, invade, Ant. free, liberate | pelvic | (n) เกี่ยวกับกระดูกเชิงกราน | pelvis | (n) กระดูกเชิงกราน, Syn. hip | persist | (vi) ยืนกราน, See also: ดื้อแพ่ง, Syn. endure, persevere, Ant. desist, stop | persistence | (n) การยืนกราน, See also: การดื้อแพ่ง, Syn. steadfastness, tenacity, Ant. stamina | persist with | (phrv) ยืนกราน, See also: เพียรพยายามทำ, Syn. persist in | self-assertion | (n) การยืนยันในความคิดตน, See also: การยืนกราน, การกล้าแสดงความคิดเห็นของตน, Syn. assertiveness, egotism, insolence | stand out for | (phrv) ยืนยัน, See also: ยืนกราน, Syn. hang out for, hold out for, stand out, stick out, stick out for | stand pat | (phrv) ไม่ยอมเปลี่ยน (ความคิด), See also: ยืนกราน, ยืนยัน, Syn. stand patter, hold firm | stick out for | (phrv) ยืนกรานเพื่อ, Syn. hang out for, hold out of, stand out for | stickle at | (phrv) ยืนกรานใน, See also: ยึดแน่นกับ |
| acariasis | (แอคคะไร' อะซิส) n. ภาวะที่มีแมลง 6 ขา (เช่นเห็บ, หมัด) รุกราน infestation with mites | aggression | (อะเกรส' เชิน) n. การรุกราน, การบุกรุก, การล่วงละเมิด, Syn. attack | aggressive | (อะเกรส'ซิฟว) adj. รุกราน, ก้าวร้าว. -agressiveness n., Syn. belligerent | aggressor | (อะเกรส' เซอะ) n. ผู้รุกราน, ทำให้ได้รับทุกข์, ทำให้เจ็บปวด, Syn. attacker | aggrieved | (อะกรีฟวดฺ') adj. เสียใจ, ได้รับอันตราย, ได้รับบาดเจ็บ, ถูกรุกราน -aggrievedness n., Syn. sorrowful | aground | (อะเกรานดฺ') adv., adj. บนพื้นดิน, เกยตื้น. (on or into the ground) | assail | (อะเซล') vt. โจมตี, ป้ายร้าย, รุกราน, กล่าวหา, ทำร้าย-assailer, assailment n. | assertive | (อะเซอ'ทิฟว) adj. ซึ่งยืนยัน, รุกราน, Syn. decided, positive, aggressive | defence | (ดิเฟนซฺ') n. การป้องกัน, การต้านการรุกราน, การพิทักษ์, การแก้ตัวให้, การเป็นทนายให้, การแก้ต่าง, See also: defenceable adj. ดูdefence, Syn. protection | defensible | (ดิเฟน'ซิเบิล) adj. ซึ่งต่อต้านการรุกรานได้, ซึ่งป้องกันได้, ซึ่งสามารถแก้ต่างหรือแก้คดีได้., See also: defensibility n. ดูdefensible | grand monde | (กรานมอนด') fr. โลกแห่งแฟชั่น, สังคมที่ดีที่สุด, สัมคมชั้นสูง | grand prix | (กรานพรี') n. การแข่งขันรถระหว่างประเทศ, การแข่งขันกรังปรีซ์ | grande dame | (กรานดัม') n. หญิงจากตระกูลสูง | grant | (กรานทฺ) vt. อนุญาต, ยอมให้, ให้, โอน. n. สิ่งที่ให้, การให้, การอนุญาต, การโอน, การโอนทรัพย์สิน., See also: grantable adj. granter n. grantor n., Syn. boon | grantee | (กรานที') n. ผู้ได้รับสิ่งของ, ผู้ได้รับทุน, ผู้ได้รับเงิน, ผู้รับ | impinge | (อิมพินจฺ') vt. กระทบ, การแทก, ปะทะ, บุกรุก, รุกราน, มีผลต่อ., See also: impinger n. impingement n., Syn. strike, collide | innocuous | (อินอค'คิวอัส) adj. ไม่มีอันตราย, ไม่เป็นภัย, ไม่เป็นพิษ, ไม่รุกราน, ไม่น่ากลัว., See also: innocuously adv. innocuousness n., Syn. harmless-A. noxious | inoffensive | (อินอะเฟน'ซิฟว) adj. ไม่เป็นภัย, ไม่ทำอันตราย, เป็นรุกราน, ไม่ทำร้ายคนอื่น, ไม่น่ารังเกียจ., See also: inoffensiveness n., Syn. innocuous, Ant. offensive | insist | (อินซิสทฺ') vi., vt. ยืนยัน, ยืนกราน, ยืนหยัด, เรียกร้อง., See also: insister n. insistly adv., Syn. urge, maintain, assert | insistent | (อินซิส'เทินทฺ) adj. ยืนยัน, ยืนหยัด, ยืนกราน, หัวรั้น. | invade | (อินเวด') vt. บุกรุก, รุกราน, ล่วงล้ำ, ย่ำยี, เหยียบย่ำ, แผ่ไปทั่ว, แพร่หลาย., See also: invader n. invadable adj., Syn. attack, spread | invasion | (อินเ'เชิน) n. การรุกราน, การล้ำรุก, การบุกรุก, การถลันเข้าไป, การแพร่ (ของโรค) | invasive | (อินเว'ซิฟว) adj. ซึ่งรุกราน | jingo | (จิง'โก) n., adj. (เกี่ยวกับ) ผู้แสดงความรักชาติอย่างรุนแรงและรุกราน -Phr. (byjingo! คำอุทานเพื่อแสดงการย้ำ) -, Syn. chauvinist, Ant. pacifist | jingoism | (จิง'โกอิสซึม) n. การแสดงความรักชาติที่รุนแรงและโวยวาย, การแสดงความรักชาติแบบรุกราน., See also: jingoist n., adj. ดูjingoism jingoistic adj. ดูjingoism | miff | (มิฟ) vt. รุกราน, ทำให้ขุ่นเคือง, ทำผิด | molest | (มะเลสทฺ') vt. รบกวน, เข้ายุ่ง, รุกรานทางเพศ., See also: molestation n. molester n. | noisome | (นอย'เซิม) adj. รุกราน, น่ารังเกียจ, เป็นภัย, เป็นอันตราย, เป็นพิษ., See also: noisomeness n., Syn. noxious, bad | offend | (อะเฟนดฺ') n. กระทำผิด, ละเมิด, รุกราน, ทำให้ขุ่นเคือง, ทำให้ไม่พอใจ., See also: offendable adj. offendible adj. offender n., Syn. fault, vice, attack | overpass | (โอ'เวอะพาซฺ) n. ทางข้าง, สะพานลอย, ทางผ่านสายด่วน vt. ข้าม, ผ่าน, ผ่านเหนือ, เกิน, รุกราน, รุกล้ำ, มีเกิน, ชนะ, ดีกว่า, มีประสบการณ์, มองข้าม, เพิกเฉย | pelvic | (เพล'วิค) adj. เกี่ยวกับกระดูกเชิงกราน | pelvis | (เพล'วีส) n. กระดูกเชิงกราน, เชิงกรานอวัยวะรูปกรวย | peritonium | ชั้นเยื่อบุช่องท้องเป็นที่อยู่ของอวัยวะภายในช่องท้องและภายในอุ้งเชิงกราน | persist | (เพอซิสทฺ', -ซิสทฺ') vt. ยืนกราน, ยืนหยัด, ดื้อรั้น, ดื้อ, เพียร, ทนทาน, ฝังแน่น, See also: persister n., Syn. persevere | persistence | (เพอซิส'เทินซฺ, -ซิส-) n. การยืนกราน, ความดื้อรั้น, ความทนทาน, ความต่อเนื่อง, การมีอยู่เรื่อยไป | persistency | (เพอซิส'เทินซฺ, -ซิส-) n. การยืนกราน, ความดื้อรั้น, ความทนทาน, ความต่อเนื่อง, การมีอยู่เรื่อยไป | persistent | (เพอซิส'เทินทฺ) adj. ยืนกราน, ยืนหยัด, ดื้อ, ดื้อรั้น, ทนทาน, ฝังแน่น, Syn. persevering, firm | pushing | (พุช'ชิง) adj. เกี่ยวกับการผลักดัน, ขยันขันแข็ง, ทะเยอทะยาน, รุกราน, ชอบเลือก, ชอบสอดแทรก., See also: pushingness n., Syn. enterprising, pushy | quisle | (ควิส'เซิล) vi. ขายชาติโดยการช่วยเหลือข้าศึกที่กำลังรุกรานประเทศ, สมคบกระทำความผิด | stickler | (สทิค'เคลอะ) n. ผู้ยืนกรานในความคิดของตน, ปัญหายุ่งยาก | stink | (สทิงคฺ) { stank/stunk, stunk, stinking, stinks } vi. ส่งกลิ่นเหม็น, รุกราน, เสื่อมทราม, มีจำนวนมาก (โดยเฉพาะเงิน) . vt. ทำให้เหม็น, ไล่ด้วยกลิ่นเหม็น, ได้กลิ่นเหม็นของ n. กลิ่นเหม็น, ความเหม็นโฉ่, ความยุ่งเหยิง, เรื่องอื้อฉาว, , See also: stinks n. วิชาเคมี | tigress | (ไท'เกรส) n. เสื้อตัวเมีย, หญิงดุร้ายรุกรานหรือโหดเหี้ยม | tread | (เทรด) vt., vi., n. (การ) ย่ำ, เหยียบ, เดินไปมา, ใช้เข้าบดขยี้, ย่ำยี, บดขยี้, กดขี่, เต้นรำ, เสียงฝีเท้า, วิธีการเดิน, วิธีก้าว, จังหวะการก้าว, ที่เหยียบของระหัด, แผ่นเหยียบ, พื้นเหยียบ, พื้นรองเท้า, ยางหล่อดอก. -Phr. (tread on someone's toes (corns) ก้าวร้าว รุกราน) | turbulent | (เทอ'บิวเลินทฺ) adj. วุ่นวาย, สับสน, อลหม่าน, โกลาหล, พล่าน, ซึ่งไหลทะลัก, ก้าวร้าว, รุกราน., See also: turbulently adv., Syn. tumultuous | underground | (อัน'เดอะเกราน์ด') adj. ใต้ดิน, ไม่เปิดเผย, ซ่อนเร้น, n. บริเวณใต้ดิน, องค์การลับ, รถไฟใต้ดิน | vandal | (แวน'เดิล) n. สมาชิกเผ่าเยอรมันในสมัยศตวรรษที่ 5 ที่ถูกชาว Gaul และสเปนรุกราน adj. เกี่ยวกับชนเผ่าเยอรมันดังกล่าว, ชอบทำลาย, ทรัพย์สินของคนอื่น, ป่าเถื่อน., See also: Vandalic adj. vandal n. ผู้ทำลายทรัพย์สินของรัฐหรือของเอกชน | well-grounded | (เวล'เกราน'ดิด) adj. มีเหตุผลดี, สมเหตุสมผล, ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี, Syn. reasonable |
| adamant | (adj) เด็ดเดี่ยว, ยืนกราน, แข็งแกร่ง, ใจแข็ง | adamantine | (adj) เด็ดเดี่ยว, ยืนกราน, แข็งแกร่ง, ใจแข็ง | aggression | (n) การรุกราน, การบุกรุก, การก้าวร้าว, การล่วงละเมิด | aggressive | (adj) รุกราน, ล่วงละเมิด, ก้าวร้าว, แข็งขัน | aggressor | (n) ผู้รุกราน, ผู้บุกรุก | assail | (vt) ทำร้าย, ก้าวร้าว, ด่าว่า, โจมตี, รุกราน, ต่อสู้ | corroborate | (vt) สนับสนุน, ทำให้แน่ใจ, ยืนยัน, ยืนกราน | corroboration | (n) เครื่องสนับสนุน, การทำให้แน่ใจ, การยืนยัน, การยืนกราน | impinge | (vt) กระทบ, บุกรุก, รุกราน | inoffensive | (adj) ไม่น่ารังเกียจ, ไม่ทำอันตราย, ไม่รุกราน | inroad | (n) การโจมตี, การบุกรุก, การรุกราน | insistent | (adj) รบเร้า, คะยั้นคะยอ, ยืนกราน | invader | (n) ผู้บุกรุก, ผู้รุกราน, ผู้ย่ำยี | molest | (vt) แกล้ง, รบกวน, ทำร้าย, ข่มเหง, รุกราน | molestation | (n) การแกล้ง, การรบกวน, การทำร้าย, การข่มเหง, การรุกราน | offence | (n) การรุกราน, การละเมิด, การกระทำผิด | offend | (vt) ทำให้ขุ่นเคือง, ทำให้ไม่พอใจ, รุกราน, ละเมิด, ทำผิด | offender | (n) ผู้ละเมิด, ผู้รุกราน, ผู้กระทำผิด | offensive | (adj) ซึ่งรุกราน, ก้าวร้าว, น่ารังเกียจ | offensive | (n) การรุกราน, การบุกรุก, การล่วงละเมิด | pelt | (vt) โยน, ขว้างปา, เขวี้ยง, รุกราน, ระดมยิง, โจมตี | pelvic | (adj) เกี่ยวกับกระดูกเชิงกราน | pelvis | (n) กระดูกเชิงกราน | persist | (vi) คะยั้นคะยอ, ดื้อดึง, ยืนกราน, ฝังแน่น | persistence | (n) การคะยั้นคะยอ, การยืนกราน, ความดื้อดึง | persistent | (adj) ดื้อ, ซึ่งยืนกราน, ซึ่งขัดขืน, ที่ติดตา | prostrate | (vt) นอนราบ, หมอบราบ, กราบกราน | stickle | (vi) ยืนกราน, คัดค้าน | trench | (vt) ขุดสนามเพลาะ, ขุดคู, รุกราน |
| alhambra | ชื่อพระราชวังและป้อมปราการในประเทศสเปน ตั้งอยู่ที่กรานาด้า | biosecurity | ความปลอดภัยทางชีวะภาพ ความหมาย มาตรการที่มุ่งป้องกันการนำเข้าและ/หรือการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายไปยังสัตว์และพืช เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อ ในการเกษตร มาตรการเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การปกป้องพืชผลอาหารและปศุสัตว์จากศัตรูพืช ชนิดพันธุ์ที่รุกราน และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ | biosecurity | ความปลอดภัยทางชีวะภาพ ความหมาย มาตรการที่มุ่งป้องกันการนำเข้าและ/หรือการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายไปยังสัตว์และพืช เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อ ในการเกษตร มาตรการเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การปกป้องพืชผลอาหารและปศุสัตว์จากศัตรูพืช ชนิดพันธุ์ที่รุกราน และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ | biosecurity | ความปลอดภัยทางชีวะภาพ ความหมาย มาตรการที่มุ่งป้องกันการนำเข้าและ/หรือการแพร่กระจายของสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายไปยังสัตว์และพืช เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายของโรคติดเชื้อ ในการเกษตร มาตรการเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่การปกป้องพืชผลอาหารและปศุสัตว์จากศัตรูพืช ชนิดพันธุ์ที่รุกราน และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ | Magnetic resonance cholangiopancreatography (MRCP) | เป็นเทคนิคการถ่ายภาพทางการแพทย์ที่ใช้การถ่ายภาพสะท้อนแบบแม่เหล็กเพื่อแสดงให้เห็นถึงน้ำดีและท่อตับอ่อนในลักษณะที่ไม่รุกราน ขั้นตอนนี้สามารถใช้ในการตรวจสอบว่านิ่วในท่อที่อยู่รอบถุงน้ำดีหรือไม่ | pelvic floor muscles | (n) กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (กล้ามเนื้อที่ควบคุมการกลั้น ปัสสาวะ อุจาระ และกล้ามเนื้อเกี่ยวกับการคลอดบุตร) | pelvic organ prolapse | (n, medical, term) อวัยวะอุ้งเชิงกรานหย่อน |
| 骨盤 | [こつばん, kotsuban] (n) กระดูกเชิงกราน | 主張 | [しゅちょう, shuchou] การยืนกราน การยืนยันความคิดของตนเอง | 防御 | [ぼうぎょ, bougyo] (n, adj) การป้องกันถัย (จากการรุกราน) |
| bestehen | ยืนยัน, ยืนกราน | bestand, bestanden | | bestehen auf | (vi) |bestand, hat bestanden, auf +D| ยืนกราน เช่น Sie besteht auf einer Herabsetzung der Rechnung. | Beckenboden | (n) |der| อุ้งเชิงกราน เช่น Bei Frauen und Männern wird der Beckenboden durch Übergewicht und teilweise durch Medikamente geschwächt. |
| |
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |