ลองค้นหาคำในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์มากขึ้นหรือน้อยลง: นึง, -นึง- |
มีผลลัพธ์ที่ไม่แสดงผลอยู่ อวย | (vt, slang, ศัพท์วัยรุ่น) การที่ยกย่องคน ๆ นึงให้ดูดีเกินเหตุ เกินกว่าที่ควรเป็น |
| 仇人 | [chóu rén, ㄔㄡˊ ㄖㄣˊ, 仇 人] (n) personal enemy ศัตรู เช่นเพื่อนสองคนสนิทกันมาก วันนึงเกิดผิดใจกันขึ้น หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไม่คุยกันอีกเลย ทั้งสองกลายเป็น Chou Ren แต่ถ้าเป็นคำว่า 敌人 เป็นศัตรูกันเช่น อิสราเอล กับ ปาเลสไตน์, See also: R. 敌人 |
| คะนึง | (v) think of, See also: consider, contemplate, reflect, Syn. คิดถึง, นึกถึง, Example: เขาหวนคะนึงถึงคนรัก | คำนึง | (v) consider, See also: contemplate, think of, mediate, Syn. พิจารณา, ทบทวน, นึกตรอง, Example: พรรคการเมืองทุกพรรคประกาศว่าพรรคจะคำนึงถึงแต่ประโยชน์ส่วนรวมก่อน | คะนึงถึง | (v) miss, See also: think of, yearn, Syn. คิดถึง, ระลึกถึง, Ant. ลืม, Example: มิตรไมตรีของเขาทำให้ฉันคะนึงถึงอยู่เสมอ, Thai Definition: นึกถึงด้วยใจผูกพัน | คำนึงถึง | (v) consider, See also: take into consideration, think over, Syn. คิดถึง, นึกถึง, พิจารณาถึง, Example: ผู้เขียนบทโฆษณาต้องคำนึงถึงผู้อ่านหรือผู้ฟังมากกว่าคำนึงถึงรสนิยมเฉพาะของตนเอง, Thai Definition: คิดพิจารณาหรือคิดทบทวนไตร่ตรอง | คิดคำนึง | (v) consider, See also: contemplate, think of, reflect, mediate, propose, Syn. ใคร่ครวญ, ตรอง, ครุ่นคิด, Example: การจะกระทำสิ่งใดเราจะต้องคิดคำนึงถึงในฐานะที่เป็นนักเขียนคนหนึ่งซึ่งมีชีวิตอยู่ในสังคม | อึงคะนึง | (adj) noisy, See also: clamorous, Syn. เอะอะ, อื้ออึง, Ant. เงียบ | อึงคะนึง | (adv) noisily, See also: clamorously, Syn. เอะอะ, อื้ออึง, Ant. เงียบ, Example: รถติดจนคนขับรถหัวเสียกดแตรบีบไล่กันอึงคะนึง | อึงคะนึง | (v) be noisy, See also: be clamorous, Syn. เอะอะ, อื้ออึง, Ant. เงียบ, Example: ในฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ เสียงลมเสียงฟ้าอึงคะนึง กิ่งใบของต้นไทรใหญ่หน้าตึกเรียนไหวยวบเหมือนถูกมือยักษ์จับ | ข้อควรคำนึง | (n) caution, See also: paying, attention, warning, consideration, Example: ในบทความนี้จะกล่าวถึงข้อควรคำนึงถึงในการเลือกซื้อคอมพิวเตอร์, Count Unit: ข้อ, ประเด็น | พะเน้าพะนึง | (v) pester, Syn. เซ้าซี้, กระเซ้ากระซี้, Example: ธงไม่สามารถให้ในสิ่งที่หล่อนต้องการได้ เมื่อพะเน้าพะนึงมากๆ ธงจะหงุดหงิด อารมณ์เสียทุกครั้ง, Thai Definition: พูดรบเร้าร่ำไรเพื่อให้ได้ตามที่ต้องการ | พะเน้าพะนึง | (v) loiter, Syn. ทำอิดเอื้อน, Example: เวลาผู้ใหญ่เรียกให้เข้าไปหา ก็อย่าทำพะเน้าพะนึงให้ท่านขุ่นใจ | ความคิดคำนึง | (n) thinking, See also: imagination, thought, Syn. การคิดคำนึง, การใคร่ครวญ, ห้วงคำนึง |
| คะนึง | ก. คิดทบทวน, นึกตรอง, คำนึง ก็ว่า. | คำนึง | ก. คิดทบทวน, นึกตรอง, คะนึง ก็ว่า. | นึง | น. ลูกชายคนที่ ๑๑, นิง ก็ว่า. | พะเน้าพะนึง | ก. ทำอิด ๆ เอื้อน ๆ | พะเน้าพะนึง | เซ้าซี้. | สำนึง | ก. อยู่. | หวนคำนึง | น. ชื่อเพลงไทยประเภทเพลงเถา หน้าทับปรบไก่. | อึงคะนึง | ว. เอะอะ, อื้ออึง. | กระสัน | ก. คะนึง, คิดผูกพันอยู่, มีใจจดจ่ออยู่, เช่น ปู่กระสันถึงไก่ในไพรพฤกษ์ (ลอ) | กามวิตก | น. ความครุ่นคิดในกาม, ความคิดคำนึงในทางกาม (ป.). | กำเลาะ | ว. หนุ่ม, สาว, เช่น หากกูกำเลาะหลงกาม ไป่คำนึงความ แลโดยอำเภอลำพัง (สุธน). | ค่าสัมบูรณ์ | น. ค่าของจำนวนจริงที่ไม่คำนึงถึงเครื่องหมาย เช่น ค่าสัมบูรณ์ของ −๓ หรือ +๓ คือ ๓. | คู่ลำดับ | น. สิ่ง ๒ สิ่งที่จัดเข้าวงเล็บให้อยู่คู่กัน ซึ่งคำนึงถึงการเรียงลำดับก่อนหลังเป็นหลักสำคัญ โดยถือว่า (a, b) ต่างกับ (b, a). | งก ๆ, ง่ก ๆ | ว. อาการที่ทำงานอย่างขยันขันแข็งโดยไม่คำนึงถึงความเหนื่อยยาก เช่น ทำงานง่ก ๆ ทั้งวันจนไม่มีเวลาหยุดพัก. | จตุรงคประดับ | (จะตุรงคะ-) น. ชื่อกลอนกลบทโบราณ มีบังคับพิเศษคือ กลอน ๔ วรรค ในแต่ละบทขึ้นต้นวรรคด้วยคำ ๒ คำซ้ำกัน ตัวอย่างว่า พระหน่อไทยได้สดับแสดงกิจ พระหน่อคิดจิตวาบระหวาบหวาม พระหน่อตรึกนึกคะเนคะนึงความ พระหน่อนามแจ้งกระจัดกระจ่างใจ (ชุมนุมตำรากลอน). | จลนศาสตร์ | (จะละนะ-, จนละนะ-) น. สาขาหนึ่งของพลศาสตร์ ว่าด้วยการเคลื่อนที่ของเทหวัตถุที่เป็นของแข็ง โดยไม่คำนึงถึงแรงที่ก่อให้เกิดการเคลื่อนที่นั้น. | ฉัตรสามชั้น | (ฉัด-) น. ชื่อกลบทชนิดหนึ่ง ตัวอย่างว่า หวนสวาทโหยถวิลโหยสวาทหวน ครวญคะนึงคะเนนึกคะนึงครวญ ใจเศร้าโศกแสนกำสรวลโศกเศร้าใจ. | ซื้อควายหน้านาซื้อผ้าหน้าตรุษ, ซื้องัวหน้านา ซื้อผ้าหน้าหนาว | ก. ซื้อของไม่คำนึงถึงกาลเวลา ย่อมได้ของแพง, ทำอะไรไม่เหมาะกับกาลเวลา ย่อมได้รับความเดือดร้อน. | ทะยาทะแย, ทะยาทะแยแส | ก. เอาใจใส่, สนใจ, แยแส, เช่น แก้สาดเสียสิ้นกินแต่ของ อันใบตองหาทะยาทะแยไม่ (ขุนช้างขุนแผน), เมื่อนั้นรจนาไม่ทะยาทะแยแส คิดว่าเงาะลูบหลังทำรังแก ไม่เหลียวแลร้องอึงคะนึงไป (สังข์ทอง). | นาโครคินทระ | (นาโคระคินทฺระ) น. พญานาค เช่น อันว่าพระญานาโครคินทรกคำนึง (นันโท). | นิง | น. ลูกชายคนที่ ๑๑, นึง ก็ว่า. | ปากโป้ง | ก. ชอบพูดเปิดเผยสิ่งที่ไม่สมควรออกมาโดยไม่คำนึงถึงความผิดพลาดเสียหาย. | ปากพล่อย | ก. พูดโดยไม่คำนึงว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง. | โป้ง | ว. อาการที่พูดโพล่งออกมาโดยไม่ระมัดระวังปาก หรือพูดเปิดเผยสิ่งที่ไม่สมควรออกมาโดยไม่คำนึงถึงความผิดพลาดเสียหาย | พุ่งหอกเข้ารก | ก. ทำพอให้เสร็จไปโดยไม่มีเป้าหมายหรือโดยไม่คำนึงว่าใครจะเดือดร้อน. | ฟุ่มเฟือย | ว. สุรุ่ยสุร่าย, ใช้จ่ายโดยไม่คำนึงถึงความสิ้นเปลือง, เกินความจำเป็น เช่น ใช้ถ้อยคำฟุ่มเฟือย. | มุทะลุ | ก. หุนหันพลันแล่น, โกรธแล้วทำลงไปอย่างไม่คำนึงถึงเหตุผลหรือไม่ยับยั้ง. | ยุทโธปกรณ์ | น. วัสดุอุปกรณ์ทั้งปวงและยุทธภัณฑ์ทุกชนิดซึ่งใช้ในราชการทหาร รวมทั้งเครื่องมือยานยนต์ ชิ้นส่วนอะไหล่สาธารณูปโภคอันจำเป็นเพื่อปฏิบัติการรบหรือเพื่อดำรงและสนับสนุนกิจกรรมทางทหารโดยไม่คำนึงถึงว่าจะมีความมุ่งหมายทางธุรการหรือทางการรบ. | รำพึง | ก. คิดถึง, คิดคำนึงอยู่ในใจ, เช่น เขารำพึงถึงความหลังด้วยความเศร้าใจ. | รำพึงรำพัน | ก. พูดอย่างที่คิดคำนึงอยู่ เช่น เขารำพึงรำพันว่า โลกนี้น่าอยู่จริงหนอ. | วอน | ร่ำขอ, ขอด้วยอาการออด, เฝ้าร้องขอให้ทำตามประสงค์, เช่น คำนึงนุชนาฎเนื้อ นวลสมร แม้นแม่มาจักวอน พี่ชี้ (ตะเลงพ่าย). | วางผังเมือง | ก. ควบคุมและกำหนดแนวทางในการพัฒนาเมืองและสภาพแวดล้อม โดยคำนึงถึงความสุข ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ความประหยัด และความสวยงามของชุมชนเป็นส่วนรวม. | วิภัชพยากรณ์ | น. การพยากรณ์หรืออธิบาย โดยจำแนกธรรมแต่ละหัวข้อตามเหตุและผลแห่งธรรมนั้น ซึ่งคำนึงถึงนิสัยของผู้ฟังเป็นที่ตั้ง. | วิภัชวาที | น. ผู้จำแนกธรรมแต่ละหัวข้อตามเหตุและผลแห่งธรรมนั้น โดยคำนึงถึงนิสัยของผู้ฟังเป็นที่ตั้ง. | เศรษฐกิจพอเพียง | น. ปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเป็นแนวทางการดำรงชีวิตและปฏิบัติตนของประชาชนตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ให้ดำเนินไปในทางสายกลาง ไม่ประมาท ไม่โลภ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น คำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันในตัว ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรม เป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตให้รอดพ้นจากวิกฤติ มีความมั่นคงและยั่งยืนท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ. | สมมต, สมมติ, สมมติ-, สมมุติ, สมมุติ- | (สมมด, สมมด, สมมดติ-, สมมุด, สมมุดติ-) ว. ที่ยอมรับตกลงกันเองโดยปริยาย โดยไม่คำนึงถึงสภาพที่แท้จริง เช่น สมมติเทพ. | อนุสร | (อะนุสอน) ก. ระลึก, คำนึงถึง. | อนุสรณ์ | ก. ระลึก, คำนึงถึง. | อัตราเร็ว | น. อัตราการเคลื่อนที่ของวัตถุต่อหนึ่งหน่วยเวลาโดยไม่คำนึงถึงทิศทางของการเคลื่อนที่. |
| | Corps Diplomatique หรือ Diplomatic Corps | คณะทูตานุทูตที่ประจำอยู่ในนครหลวง (Capital) ของประเทศ ซึ่งจะมีหัวหน้าคณะทูตพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทางการทูตใน คณะทูต เจ้าหน้าที่ทางการทูตในคณะทูตนั้นจะประกอบไปด้วย อัครราชทูต (Minister) อัครราชทูตที่ปรึกษา (Minister Counselor) และที่ปรึกษา (Counselor) ซึ่งอาจจะมีคนเดียวหรือหลายคน นอกจากนี้ มีเลขานุการทางการทูตอีกหลายคน คือ เลขานุการเอก โท ตรี และตามปกติยังมีผู้ช่วยทูต (Attaché) อีกหลายคนซึ่งมีฐานะทางการทูต (Diplomatic status) คือผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร (บก เรือ และอากาศ) ผู้ช่วยทูตฝ่ายพาณิชย์ (Commercial Attaché) ผู้ช่วยทูตฝ่ายการแถลงข่าว (Press Attaché) และผู้ช่วยฝ่ายอื่น ๆ ซึ่งกระทรวงทบวงกรมของรัฐบาล (นอกจากกระทรวงการต่างประเทศ) เป็นฝ่ายแต่งตั้งข้าราชการของตนไปประจำในคณะทูต รวมทั้งเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ซึ่งมีฐานะทางการทูตด้วยในนครหลวงของประเทศใดก็ตาม ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะทูตานุทูต (Head หรือ Dean of the Diplomatic Corps) จะได้แก่ผู้แทนทางการทูตอาวุโสที่ได้ประจำการอยู่ในประเทศนั้นเป็นเวลานาน ที่สุด ยกเว้นแต่ในบางประเทศ จะถือเอกอัครราชทูตผู้แทนองค์สมเด็จพระสันตะปาปา (Papal Nuncio) เป็นหัวหน้าคณะทูตานุทูตตลอดไป โดยไม่คำนึงถึงเรื่องอาวุโสแต่อย่างใด เช่น ฟิลิปปินส์ [การทูต] | Departure of Diplomatic Agents | การออกไปจากรัฐผู้รับของเจ้าหน้าที่ทางการทูต ข้อ 44 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ได้บัญญัติได้ว่า ?แม้ในกรณีการขัดกันด้วยอากร รัฐผู้รับต้องอำนวยความสะดวก เพื่อให้บุคคลซึ่งอุปโภคเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน นอกจากคนชาติของรัฐผู้รับและคนในครอบครัวของบุคคลเช่นว่านี้ โดยไม่คำนึงถึงสัญชาติของบุคคลเหล่านั้น ออกไปในขณะที่เร็วที่สุดที่จะเป็นไปได้ ในกรณีที่จำเป็นโดยเฉพาะ รัฐผู้รับต้องจัดพาหนะเดินทางในการขนส่งสำหรับตัวบุคคลเหล่านั้น และทรัพย์สินของบุคคลเหล่านั้นให้ด้วย? [การทูต] | Good Offices และ Mediation | วิธีการที่จะระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐโดยฉันมิตร คำว่า Good Offices หมายถึง การช่วยเป็นสื่อกลาง ส่วน Mediation หมายถึง การไกล่เกลี่ยศัพท์ทั้งสองนี้หมายถึงวิธีการที่จะระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐ โดยฉันมิตร กล่าวคือ ในกรณีข้อพิพาทซึ่งการเจรจากันทางการทูตไม่สามารถตกลงกันได้ง่าย ๆ ดังนั้น รัฐที่สามอาจยื่นมือเข้าช่วยเป็นสื่อกลาง หน้าที่ในการนี้มิใช่ออกความเห็นหรือวินิจฉัยชี้ขาดว่าใครถูกใครผิดในกรณี ข้อพิพาท หากเป็นแต่เพียงแสวงหาลู่ทางที่จะระงับข้อพิพาทจะต้องมีให้น้อยที่สุดเท่า ที่จะทำได้ และถือว่าเป็นกาดรกระทำฉันมิตร (Friendly act) คู่พิพาทฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจปฏิเสธข้อเสนอได้โดยไม่ถือว่าเป็นความผิดทางการ เมือง หรือคู่พิพาทฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจขอร้องให้ช่วยเป็นสื่อกลาง หรือให้ช่วยไกล่เกลี่ย ตามธรรมดาการช่วยเป็นสื่อกลางนั้นเป็นเพียงการเข้าช่วยงานพื้นฐาน หรือให้มีการเริ่มต้นการเจรจาเท่านั้น ส่วนงานเจรจาที่จะกระทำโดยตรงกว่าจะมีลักษณะเป็นการไกล่เกลี่ย แต่ในทางปฏิบัติไม่ค่อยมีการคำนึงกันนักถึงความแตกต่างจริงๆ ระหว่างวิธีทั้งสอง คู่พิพาทฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจปฏิเสธไม่ยอมรับการไกล่เกลี่ยไม่ว่าเวลาใดก็ได้ จะเห็นได้ว่า การช่วยเป็นสื่อกลางกับการไกล่เกลี่ยนั้นแตกต่างกัน คือ ในกรณีการช่วยเป็นสื่อกลาง ฝ่ายที่สามจะกระทำแต่เพียงช่วยให้มีการหันหน้าเข้าเจรจากันระหว่างคู่พิพาท ส่วนในกรณีการไกล่เกลี่ย ฝ่ายที่สามพยายามจัดให้มีการเจรจากันจริง ๆ ตามมูลฐานข้อเสนอของตน ฝ่ายที่เสนอช่วยเป็นสื่อกลางหรือช่วยไกล่เกลี่ยนั้น อาจจะมาจากประเทศที่สาม หรือจากองค์การระหว่างประเทศ หรือจากบุคคลธรรมดาคนหนึ่งก็ได้ [การทูต] | Humanitarian Intervention | การแทรกแซงเพื่อมนุษยธรรม " เป็นแนวคิดที่นายโคฟี อันนาน เลขาธิการสหประชาชาติเสนออย่างเป็น ทางการครั้งแรกต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 54 เมื่อปี พ.ศ. 2542 โดยมุ่งจะให้สหประชาชาติสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนภาย ในประเทศต่าง ๆ ได้โดย คำนึงถึงประเด็นเรื่องมนุษยธรรมเป็นหลัก ขณะนี้ แนวคิดนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันและยังไม่ยุติ โดยบางประเทศเห็นว่า เป็นการดำเนินการที่ขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจากเป็นการละเมิดอธิปไตยของรัฐ บางประเทศเห็นว่าเป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อแก้ปัญหาของมนุษยชาติ ส่วนบางประเทศเห็นว่าการแทรกแซงดังกล่าวจะต้องอยู่ใต้กรอบหลักเกณฑ์ หรือกรอบกฎหมายบางประการ เช่น กฎบัตรสหประชาชาติ " [การทูต] | International Civil Aviation Organization | เรียกโดยย่อว่า ICAO คือองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1947 หลังจากที่ประเทศสมาชิก 28 แห่ง ได้ให้สัตยาบันแก่อนุสัญญาว่าด้วยการบินพลเรือน ซึ่งได้ร่างขึ้นโดยที่ประชุมองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศในนครชิคาโก เมื่อปี ค.ศ.1944วัตถุประสงค์ของ ICAO คือการศึกษาปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับการบินพลเรือนระหว่างประเทศ รวมทั้งจัดวางมาตรฐานระหว่างประเทศ และระเบียบข้อบังคับสำหรับการบินพลเรือนองค์การจะพยายามสนับสนุนให้มีการใช้ มาตรการว่าด้วยความปลอดภัย วางระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการปฏิบัติให้เสมอเหมือนกันหมด และให้ใช้วิธีปฏิบัติที่สะดวกง่ายขึ้นตรงพรมแดนระหว่างประเทศ องค์การจะส่งเสริมการใช้วิธีการทางเทคนิคและอุปกรณ์เครื่องมือใหม่ ๆ ดังนั้น ด้วยความร่วมมือจากประเทศสมาชิก องค์การจะจัดวางแนวบริการทางอุตุนิยมวิทยา การควบคุมการจราจรทางอากาศ การคมนาคมสื่อสารไฟสัญญาณด้านวิทยุ จัดระเบียบการค้นหาและช่วยเหลือ รวมทั้งอุปกรณ์ความสะดวกอื่น ๆ ซึ่งจำเป็นที่จะให้การบินระหว่างประเทศได้รับความปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังชักจูงให้รัฐบาลประเทศสมาชิกวางแนวทางปฏิบัติด้านศุลกากรให้สะดวกง่าย ขึ้น รวมทั้งการตรวจคนเข้าเมือง และระเบียบเกี่ยวกับสาธารณสุขที่ใช้กับการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ นอกจากนี้ องค์การยังรับผิดชอบต่องานร่างกฎหมายเกี่ยวกับการบินระหว่างประเทศ ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศในด้านเศรษฐกิจมาก มายหลายอย่างองค์การ ICAO ดำเนินงานโดยองค์การต่าง ๆ ดังนี้1. สมัชชา (Assembly) ประกอบด้วยผู้แทนของประเทศสมาชิกทุกประเทศ ทำการประชุมกันปีละครั้ง และจะลงมติเกี่ยวกับมาตรการทางการเงิน และจะรับพิจารณาเรื่องต่าง ๆ ที่คณะมนตรีส่งมาให้ดำเนินการ2. คณะมนตรี (Council) ประกอบด้วยผู้แทนจากชาติต่าง ๆ 21 ชาติ ซึ่งสมัชชาเป็นผู้เลือก โดยคำนึงถึงประเทศที่มีความสำคัญในการขนส่งทางอากาศ รวมทั้งประทเศที่มีส่วนเกื้อกูลไม่น้อยในการจัดอำนวยอุปกรณ์ความสะดวกแก่การ เดินอากาศฝ่ายพลเรือนระหว่างประเทศ และจัดให้มีตัวแทนตามจำนวนที่เหมาะสมในเขตภูมิศาสตร์ใหญ่ ๆ ของโลก คณะมนตรีเป็นผู้เลือกตั้งประธาน (President) ขององค์การ3. เลขาธิการ (Secretary-General) ซึ่งเป็นผู้แต่งตั้งคณะเจ้าหน้าที่ขององค์การ [การทูต] | Neutralization, Neutrality หรือ Neutralism | คำว่า Neutraliza-tion หมายถึง กระบวนการซึ่งรัฐได้รับการค้ำประกันความเป็นเอกราชและบูรณภาพอย่างถาวรภาย ใต้อนุสัญญาระหว่างประเทศ รัฐที่ได้รับการประกันรับรองให้เป็นกลาง (Neutralized State) เช่นนี้จะผูกมัดตนว่า จะละเว้นจาการใช้อาวุธโจมตีไม่ว่าประเทศใดทั้งสิ้น นอกเสียจากว่าจะถูกโจมตีก่อน ตัวอย่างอันเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในเรื่องรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความ เป็นกลางอย่างถาวร คือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตามปฏิญญา (Declaration) ซึ่งมีการลงนามกัน ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ค.ศ. 1815 ประเทศใหญ่ ๆ ในสมัยนั้น คือ ออสเตรีย ฝรั่งเศส อังกฤษ ปรัสเซีย และรัสเซีย ได้รับรองว่า โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม จึงเป็นการจำเป็นที่จะให้รัฐเฮลเวติก(Helvetic Swiss States) ได้รับการประกันความเป็นกลางตลอดไป ทั้งยังประกาศด้วยว่า รัฐสภาของสวิตเซอร์แลนด์ตกลงรับปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ได้ระบุไว้เมื่อไร ความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์ก็จะได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางในทันที และแล้วสมาพันธ์สวิตเซอร์แลนด์ก็ได้ประกาศยอมรับปฏิบัติตาม หรือให้ภาคยานุวัติเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1815 บรรดาประเทศที่รับรองค้ำประกันความเป็นกลางของสวิตเซอร์แลนด์จึงประกาศ รับรองดังกล่าว เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1815 อนึ่ง การค้ำประกันความเป็นกลางในลักษณะที่ครอบคลุมทั้งประเทศของรัฐใดรัฐหนึ่ง นั้น มีความแตกต่างกับการค้ำประกันเพียงดินแดนส่วนใดส่วนหนึ่งของรัฐหนึ่ง ซึ่งหมายความว่าดินแดนส่วนหนึ่งของรัฐที่ได้รับการค้ำประกันความเป็นกลางจะ ไม่ยอมให้ฝ่ายใดใช้ดินแดนส่วนที่ค้ำประกันนั้นเป็นเวทีสงครามเป็นอันขาด การค้ำประกันความเป็นกลางยังมีอีกแบบหนึ่งคือ รัฐหนึ่งจะประกาศตนแต่ฝ่ายเดียวว่าจะรักษาความเป็นกลางของตนตลอดไปโดยถาวร แต่ในกรณีเช่นนี้ ความเป็นเอกราชและบูรณภาพของรัฐที่ประกาศตนเป็นกลางเพียงฝ่ายเดียว จะไม่ได้รับการค้ำประกันร่วมกันจากรัฐอื่น ๆ แต่อย่างใดส่วนคติหรือลัทธิความเป็นกลาง (Neutralism) เป็นศัพท์ที่หมายถึงสถานภาพของรัฐต่าง ๆ ที่ไม่ต้องการน้ำประเทศของตนเข้ากับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในสงครามเย็น ( Cold War) ที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่ระหว่างกลุ่มประเทศภาคตะวันออกกับกลุ่มประเทศภาค ตะวันตก นอกจากนี้ ผู้นำบางคนในกลุ่มของรัฐที่เป็นกลาง ไม่เห็นด้วยกีบการที่ใช้คำว่า ?Neutralism? เขาเหล่านี้เห็นว่าควรจะใช้คำว่า ?ไม่ฝักใฝ่กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด? ( Uncommitted ) มากกว่าจะเห็นได้ว่า คำว่า ?ความเป็นกลาง? ( Neutrality ) นั้น หมายถึงความเป็นกลางโดยถาวร ซึ่งได้รับการค้ำประกันจากกลุ่มประเทศกลุ่มหนึ่ง เช่นในกรณีประเทศสวิตเซอร์แลนด์ก็ได้หรือหมายถึงความเป็นกลางเฉพาะในดินแดน ส่วนหนึ่งของรัฐที่ไม่ยอมให้ใครเข้าไปทำสงครามกันในดินแดนที่เป็นกลางส่วน นั้นเป็นอันขาดก็ได้ ดังนั้น พอจะเห็นได้ว่า แก่นแท้ในความหมายของความเป็นกลาง ( Neutrality) จึงอยู่ที่ท่าที หรือ ทัศนคติของประเทศที่ดำรงตนเป็นกลาง ไม่ต้องการเข้าข้างประเทศคู่สงครามใด ๆ ในสงคราม ในสมัยก่อนผู้คนยังไม่รู้จักความคิดเรื่องความเป็นกลางดังที่รู้จักเข้าใจ กันในปัจจุบัน ความเป็นกลางเป็นผลมาจากการทยอยวางหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ของความเป็นกลาง นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน [การทูต] | Order of Precedence | หมายถึง ลำดับอาวุโสทางการทูต โดยถือยศหรือตำแหน่งเป็นบรรทัดฐาน โดยเฉพาะในโอกาสที่ไปร่วมพิธีต่าง ๆ ตลอดจนการเลี้ยงอาหารอย่างเป็นทางการ นักการทูตทั่วโลกต่างถือลำดับอาวุโสเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิถีพิถันกันไม่ น้อย เพราะในฐานะที่เป็นตัวแทนของประเทศ หากมีการจัดลำดับอาวุโสไม่ถูกต้อง เขาผู้นั้นซึ่งคำนึงถึงศักดิ์ศรีในฐานะตัวแทนของประเทศย่อมต้องรู้สึกว่า นอกจากจะไม่ได้รับความถูกต้องแล้ว ยังเป็นการดูแคลนประเทศของตนด้วยในสมัยก่อน ผู้ที่ทำหน้าที่ชี้ขาดในเรื่องลำดับอาวุโสของบรรดาประมุขของรัฐทั้งหลาย คือสมเด็จพระสันตะปาปา ต่อมาในการประชุมคองเกรสแห่งเวียนนาเมื่อปี ค.ศ. 1815 ที่ประชุมได้ตกลงกันให้ถือวันที่เดินทางมาถึงประเทศผู้รับ และได้แจ้งให้ทราบเป็นทางการว่าเป็นเรื่องลำดับอาวุโส ผู้ที่มาถึงก่อนย่อมมีอาวุโสกว่าผู้ทีมาทีหลัง อย่างไรก็ดี มาในทุกวันนี้มีหลายประเทศถือหลักว่า ผู้แทนทางการทูตที่ยื่นสารตราตั้งก่อนจะมีอาวุโสกว่าผู้ยื่นสารตราตั้งที หลัง และในกรณีที่เกิดความเห็นไม่ลงรอยกันระหว่างบุคคลในคณะทูตเรื่องลำดับอาวุโส ประเทศเจ้าภาพหรือประเทศผู้รับจะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดอนุสัญญากรุงเวียนนาว่า ด้วยความสัมพันธ์ทางการทูตได้บัญญัติเกี่ยวกับลำดับอาวุโสของผู้แทนทางการ ทูตไว้ดังนี้ ?ข้อ 16 1. ให้หัวหน้าคณะผู้แทนมีลำดับอาวุโสในแต่ละชั้นของตนตามลำดับวันและเวลาที่ เข้ารับการหน้าที่ของตนในรัฐผู้รับ เมื่อตนได้ยื่นสารตราตั้ง หรือเมื่อได้บอกกล่าวการมาถึงของตนและได้เสนอสำเนาที่ถูกต้องของสารตราตั้ง ต่อกระทรวงการต่างประเทศของรัฐผู้รับ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงตามแนวปฏิบัติที่มีอยู่ในรัฐผู้รับ ซึ่งจะต้องใช้ในทำนองอันเป็นเอกรูป 2. การเปลี่ยนแปลงในสารตราตั้งของหัวหน้าคณะผู้แทน ซึ่งไม่เกี่ยวพันกับการเปลี่ยนแปลงชั้นใด ๆ จะไม่กระทบกระเทือนลำดับอาวุโสของหัวหน้าคณะผู้แทน 3. ข้อนี้ไม่เป็นที่เสื่อมเสียแก่ทางปฏิบัติใด ซึ่งมีอยู่ในรัฐผู้รับ ในเรื่องลำดับอาวุโสของผู้แทนของโฮลี่ซี ข้อ 17 ลำดับอาวุโสของสมาชิกคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายทูตของคณะผู้แทนนั้น ให้หัวหน้าคณะผู้แทนเป็นผู้บอกกล่าวแก่กระทรวงการต่างประเทศ หรือกระทรวงอื่นตามที่อาจจะตกลงกัน? [การทูต] | Personal Diplomacy | คือการเจรจากันโดยตรงระหว่างรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงต่างประเทศด้วยกัน ส่วนการเจรจากันโดยตรงระหว่างประมุขของรัฐ หรือหัวหน้าของรัฐบาล แต่เดิมก็จัดอยู่ในประเภทการมทูตส่วนบุคคล แต่มาในปัจจุบันนี้ มักนิยมเรียกกันว่าเป็นทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) แยกออกต่างหากจากการทูตส่วนบุคคลมีผู้สังเกตการณ์หลายคนเตือนว่า ในกรณีที่เกิดเรื่องหรือปัญหาที่ยังคาราคาซังอยู่นั้น ไม่ควรหันเข้าใช้วิธีส่งผู้แทนพิเศษจากนครหลวงไปแก้ปัญหา ควรให้เอกอัครราชทูตเป็นผู้ดำเนินการมากกว่า เพราะประการแรก การกระทำเช่นนั้นยังผลเสียหายต่อศักดิ์ศรีของตัวเอกอัครราชทูตเอง ทั้งยังกระทบกระเทือนต่อการที่เขาจะปฏิบัติงานให้ประสบผลอย่างเต็มที่ ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในประเทศนั้นในภายหน้าด้วย อีกประการหนึ่ง จะพึงคาดหมายได้อย่างไรว่า ตัวผู้แทนพิเศษที่ส่งไปนั้นจะมีความรอบรู้เกี่ยวกับภูมิหลังของปัญหา รวมทั้งตัวบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเท่ากับตัวเอกอัครราชทูตเอง ซึ่งได้ประจำทำงานอยู่ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ณ ที่นั่น แม้แต่ แฮโรลด์ นิโคลสัน ก็ไม่เห็นด้วย และได้เตือนว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศหนึ่งไปเยือนและพบปะกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอีกประเทศหนึ่งบ่อย ๆ นั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำและไม่ควรสนับสนุน เพราะการกระทำเช่นนี้ นอกจากจะทำให้ประชาชนคาดหมายไปต่าง ๆ นานาแล้ว ยังจะทำให้เกิดเข้าใจผิด และเกิดความสับสนขึ้นมาได้แม้แต่ผู้รอบรู้ในเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติทางการ ทูตบางคนก็ยังแคลงใจว่า การทูตแบบสุดยอด (Summit Diplomacy) จะได้ประโยชน์และให้ผลจริง ๆ หรือไม่ นอกจากเฉพาะในกรณียกเว้นจริง ๆ เท่านั้น บ้างเห็นว่า การพบปะเจรจาแบบสุดยอดมักจะกลายสภาพเป็นการโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์มากกว่า ที่จะเป็นการเจรจากันอย่างแท้จริง เพราะมีอันตรายอยู่ว่า ผู้ร่วมเจรจามักจะแสดงความคิดเห็นตามความรู้สึกมากกว่าตามข้อเท็จจริง เพราะมัวแต่เป็นห่วงและคำนึงถึงประชามติในประเทศของตนมากเกินไปนอกจากนี้ ผู้เจรจาไม่อยู่ในฐานะที่จะให้ข้อลดหย่อนหรือทำการประนีประนอม ( ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งหากจะให้เจรจาบังเกิดผล) เพราะกลัวเสียหน้าหากกระทำเช่นนั้น ตามปกติ ถ้าให้นักการทูตเป็นผู้เจรจา เขาจะมีโอกาสมากกว่าที่จะใช้วิธีหลบหลีกอันชาญฉลาดในการเจรจาต่อรอง เพื่อให้เป็นผลตามที่มุ่งประสงค์ [การทูต] | Placement | หมายถึง วิธีจัดที่นั่งโต๊ะในการเลี้ยงอาหารสำหรับนักการทูต โดยคำนึงถึงลำดับอาวุโส เพื่อป้องกันมิให้เกิดความรู้สึกขุ่นเคืองหรือหัวเสีย เรื่องการจัดที่นั่งในการเลี้ยงอาหารโดยคำนึงถึงลำดับอาวุโสนี้ นักการทูตส่วนใหญ่ไม่ว่าที่ไหน มักจะถือว่ามีความสำคัญไม่น้อย เพราะถือเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีในฐานะที่เป็นตัวแทนของประเทศ ฝ่ายที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการจัดที่นั่งเช่นนี้ได้แก่ กรมพิธีการทูตของกระทรวงการต่างประเทศ ส่วนลำดับของอาวุโสก็ถือตามวันเวลาที่นักการทูตแต่ละคนได้เข้าประจำตำแหน่ง ที่ในประเทศผู้รับ กล่าวคือ ผู้ที่เข้าประจำตำแหน่งก่อนก็คือผู้ทีมีอาวุโสกว่าผู้ที่มาประจำตำแหน่ง หน้าที่ทีหลัง [การทูต] | Potsdam Proclamation | คือคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดม ออกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1945 โดยหัวหน้าคณะรัฐบาลของประเทศสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และจีน ลงนามโดยประธานาธิบดีของรัฐบาลจีนคณะชาติ เป็นคำประกาศเมื่อตอนใกล้จะเสร็จสิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง โดยฝ่ายสัมพันธมิตรดังกล่าวกำลังทำสงครามขับเคี่ยวอยู่กับฝ่ายญี่ปุ่น พึงสังเกตว่า สหภาพโซเวียต ในตอนนั้นมิได้มีส่วนร่วมในการออกคำประกาศ ณ เมืองปอตสแดมแต่อย่างใดโดยแท้จริงแล้ว คำประกาศนี้เท่ากับเป็นการยื่นคำขาดให้ฝ่ายญี่ปุ่นตัดสินใจเลือกเอาว่าจะทำ การสู้รบต่อไป หรือจะยอมจำนนเพื่อยุติสงคราม คำประกาศได้เตือนอย่างหนักแน่นว่า หากญี่ปุ่นตัดสินใจที่จะสู้รบต่อไป แสนยานุภาพอันมหาศาลของสัมพันธมิตรก็จะมุ่งหน้าโจมตีบดขยี้กองทัพและประเทศ ญี่ปุ่นให้แหลกลาญ แต่หากว่าญี่ปุ่นยอมโดยคำนึงถึงเหตุผล ฝ่ายสัมพันธมิตรก็ได้ตั้งเงื่อนไขไว้หลายข้อ สรุปแล้วก็คือ ลัทธิถืออำนาจทหารเป็นใหญ่จะต้องถูกกำจัดให้สูญสิ้นไปจากโลกอำนาจและอิทธิพล ของบรรดาผู้ที่ชักนำให้พลเมืองญี่ปุ่นหลงผิด โดยกระโจนเข้าสู่สงครามเพื่อครองโลกนั้น จะต้องถูกทำลายให้สิ้นซาก รวมทั้งพลังอำนาจในการก่อสงครามของญี่ปุ่นด้วยจุดต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด จะต้องถูกยึดครองไว้จนกระทั่งได้ปฏิบัติตามจุดมุ่งหมายของสัมพันธมิตรเป็นผล สำเร็จแล้ว อำนาจอธิปไตยของญี่ปุ่นให้จำกัดอยู่เฉพาะภายในเกาะฮอนซู ฮ็อกไกโด กิวชู ชิโกกุ และเกาะเล็กน้อยอื่น ๆ ตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรจะกำหนด อาชญากรสงครามทุกคนจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาล รวมทั้งที่ทำทารุณโหดร้ายต่อเชลยศึกของสัมพันธมิตร รัฐบาลญี่ปุ่นจะต้องกำจัดสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมดที่เป็นอุปสรรคต่อการรื้อฟื้น และเสริมสร้างความเชื่อถือในหลักประชาธิปไตยในระหว่างพลเมืองญี่ปุ่น และจัดให้มีเสรีภาพในการพูด การนับถือศาสนา และในการแสดงความคิดเห็น ตลอดจนการเคารพสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นจะได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการด้านอุตสาหกรรมที่จะเกื้อกูลต่อภาวะ เศรษฐกิจของประเทศ และความสามารถที่จะชำระค่าปฏิกรรมสงคราม แต่จะไม่ยอมให้คงไว้ซึ่งกิจการอุตสาหกรรมชนิดที่จะช่วยให้ญี่ปุ่นสร้างสม อาวุธเพื่อทำสงครามขึ้นมาอีก ในทีสุด กำลังทหารสัมพันธมิตรจะถอนตัวออกจากประเทศญี่ปุ่นในทันทีที่จุดประสงค์ต่าง ๆ ได้บรรลุผลเรียบร้อยแล้ว ในตอนท้ายของเงื่อนไข สัมพันธมิตรได้เรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข เสียโดยไว [การทูต] | premises of the mission | สถานที่ของคณะผู้แทน คือ อาคารหรือส่วนของอาคารและที่ดินซึ่งอาคารตั้งอยู่ ซึ่งใช้เพื่อความมุ่งประสงค์ของคณะผู้แทนโดยไม่คำนึงถึงกรรมสิทธิ์ รวมถึงที่อยู่ของหัวหน้าคณะผู้แทนด้วย [การทูต] | Secretariat of the United Nations | คือสำนักเลขาธิการสหประชาชาติ ประกอบด้วยตัวเลขาธิการ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยสมัชชาตามข้อเสนอแนะของคณะมนตรีความมั่นคง พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ตามที่องค์การต้องการหน้าที่สำคัญของเลขาธิการสหประชา ชาติ คือ ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหารขององค์การ นำเรื่องใดก็ตามเสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคง ซี่งตามทรรศนะของเลขาธิการเห็นว่าเป็นภัยคุกคามสันติภาพและความมั่นคง ระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่ทำรายงานประจำปี และรายงานเพิ่มเติมใด ๆ ที่จำเป็นเสนอต่อสมัชชาสหประชาชาติ เกี่ยวกับงานขององค์การ สหประชาชาติคณะเจ้าหน้าที่ที่ทำงานช่วยเหลือเลขาธิการนั้น ถือเป็นเจ้าหน้าที่ระหว่างประเทศ ประกอบด้วยชนชาติต่าง ๆ ในการเกณฑ์เจ้าหน้าที่เหล่านี้เข้าทำงานกับสหประชาชาติ จะคัดแต่ผู้ที่มีประสิทธิภาพ ความสามารถ และความซื่อสัตย์ในระดับสูงสุด และคำนึงถึงเขตภูมิศาสตร์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในการทำงานตามหน้าที่ ทั้งตัวเลขาธิการและคณะเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมงาน จะต้องไม่แสวงหรือรับคำสั่งจากรัฐบาลใด ๆ หรือจากผู้มีอำนาจหน้าที่อื่นใดที่อยู่นอกเหนือองค์การสหประชาชาติ ขณะเดียวกัน สมาชิกของสหประชาชาติได้ตกลงยอมรับนับถือความรับผิดชอบที่มีลักษณะระหว่าง ประเทศของสำนักเลขาธิการ และจักไม่แสวงใช้อิทธิพลใด ๆ ต่อสำนักเลขาธิการ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบเหล่านั้น [การทูต] | Security Council of the United Nations | คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ คณะมนตรีนี้ประกอบด้วยสมาชิกถาวร (Permanent members) 5 ประเทศ คือ จีน ฝรั่งเศส สหภาพโซเวียต อังกฤษ และสหรัฐฯ และมีสมาชิกไม่ถาวร (Non-permanent members) อีก 10 ประเทศ ซึ่งสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเป็นผู้เลือกตั้ง และให้ดำรงอยู่ในตำแหน่งประเทศละ 2 ปี สมาชิกประเภทนี้ไม่มีสิทธิรับเลือกตั้งใหม่ในทันที และในการเลือกตั้งจะคำนึงส่วนเกื้อกูลหรือบทบาทของประเทศผู้สมัครที่มีต่อ การธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ รวมทั้งที่มีต่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ ขององค์การสหประชาชาติด้วย ในการเลือกตั้ง จะคำนึงถึงการแบ่งกลุ่มประเทศสมาชิกดังนี้คือ ก. 5 ประเทศจากแอฟริกาและเอเชียข. 1 ประเทศจากยุโรปตะวันออกค. 2 ประเทศจากละตินอเมริกาง. 2 ประเทศจากยุโรปตะวันตก และประเทศอื่น ๆหน้าที่ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีดังนี้1. ธำรงรักษาสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศตามวัตถุประสงค์และหลักการของสหประชาชาติ2. สอบสวนเกี่ยวกับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ใด ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การกระทบกระทั่งระหว่างประเทศ3. เสนอแนะวิธีที่จะใช้กรณีพิพาทเช่นว่านั้น หรือ เงื่อนไขที่ให้มีการตกลงปรองดองกัน4. วางแผนเพื่อสถาปนาระบบการควบคุมกำลังอาวุธ5. ค้นหาและวินิจฉัยว่ามีภัยคุกคามต่อสันติภาพ หรือ เป็นการกระทำที่รุกรานหรือไม่ แล้วเสนอแนะว่าควรจะปฏิบัติอย่างไร 6. เรียกร้องให้สมาชิกประเทศที่ทำการลงโทษในทางเศรษฐกิจ และใช้มาตรการอื่น ๆ ที่ไม่ถึงขั้นทำสงคราม เพื่อป้องกันมิให้เกิดหรือหยุดยั้งการรุกราน7. ดำเนินการทางทหารตอบโต้ฝ่ายที่รุกราน8. เสนอให้รับประเทศสมาชิกใหม่ รวมทั้งเงื่อนไขหรือกฎเกณฑ์ ในการที่จะเข้าเป็นภาคีตามกฎหมายของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ 9. ทำหน้าที่ให้ภาวะทรัสตีของสหประชาชาติ ในเขตที่ถือว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์10. เสนอแนะให้สมัชชาสหประชาชาติ แต่งตั้งตัวเลขาธิการและร่วมกับสมัชชาในการเลือกตั้งผู้พิพากษาศาลโลก11. ส่งรายงานประจำปีและรายงานพิเศษต่อสมัชชาสหประชาชาติบรรดาประเทศสมาชิกของสห ประชาชาติ ต่างตกลงยินยอมที่จะปฏิบัติตามข้อมติใด ๆ ของคณะมนตรีความมั่นคง ทั้งยังรับรองที่จะจัดกำลังกองทัพของตนให้แก่คณะมนตรีความมั่นคงหากขอร้อง รวมทั้งความช่วยเหลือและและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ [การทูต] | Size of Staff of Diplomatic Mission | ขนาดของคณะผู้แทนทางการทูต โดยพฤตินัย จำนวนคณะผู้แทนทางการทูตจะมีตั้งแต่แห่งละหนึ่งหรือสองคนขึ้นไป จนถึงแห่งละ 100 กว่าคนได้ แต่โดยส่วนเฉลี่ย คณะผู้แทนทางการทูต จะมีจำนวนระหว่าง 12 ถึง 24 คน สำหรับคณะผู้แทนทางการทูตที่ประจำอยู่ในนครหลวงของประเทศใหญ่ๆ เช่น ที่กรุงวอชิงตันดีซี กรุงลอนดอน กรุงปารีส กรุงมอสโก กรุงปักกิ่ง และกรุงโตเกียว เป็นต้น จะมีเจ้าหน้าที่ทูตมากกว่าปกติอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทาง การทูตได้บัญญัติอยู่ในมาตรา 11 ว่า ?1. เมื่อไม่มีความตกลงเฉพาะในเรื่องขนาดของคณะผู้แทน รัฐผู้รับอาจเรียกร้องให้ขนาดของคณะผู้แทนอยู่ในจำนวนจำกัดตามที่ตนเห็นว่า เหมาะหรือเป็นปกติได้ ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงพฤติการณ์หรือสภาวการณ์ในรัฐผู้รับ และความจำเป็นของคณะผู้แทนเฉพาะราย 2. ภายในสถานการณ์ที่คล้ายคลึงกัน และบนมูลฐานที่ไม่เลือกปฏิบัติ รัฐผู้รับอาจปฏิเสธได้เช่นเดียวกัน ที่จะยอมรับพนักงานเฉพาะรายประเภทหนึ่งประเภทใดก็ได้? [การทูต] | Size of Consular Staff | ขนาดของคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล ข้อ 20 ในอนุสัญญากรุงเวียนนาบัญญัติไว้ว่า ในกรณีที่ไม่มีความตกลงอย่างชัดเจนในเรื่องขนาดของคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายกงสุล รัฐผู้รับอาจกำหนดให้รักษาขนาดของคณะเจ้าหน้าที่ไว้ภายในขีดจำกัดที่ตน พิจารณาเห็นว่าปกติและสมควรได้ ทั้งนี้โดยคำนึงถึงพฤติการณ์และสถานการณ์ในเขตกงสุลนั้น รวมทั้งความต้องการของสถานที่ทำการทางกงสุลแห่งนั้นโดยเฉพาะ [การทูต] | Work of the United Nations on Human Rights | งานขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน งานสำคัญชิ้นหนึ่งของสหประชาชาติคือ วควมมปรารถนาที่จะให้ประเทศทั้งหลายต่างเคารพและให้ความคุ้มครองแก่สิทธิ มนุษยชนตลอดทั่วโลก ดังมาตรา 1 ในกฎบัตรของสหประชาติได้บัญญัติไว้ว่า?1. เพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ และมีเจตนามุ่งมั่นต่อจุดหมายปลายทางนี้ จะได้ดำเนินมาตรการร่วมกันให้บังเกิดผลจริงจัง เพื่อการป้องกันและขจัดปัดเป่าการคุกคามต่อสันติภาพ รวมทังเพื่อปราบปรามการรุกรานหรือการล่วงละเมิดอื่น ๆ ต่อสันติภาพ ตลอดจนนำมาโดยสันติวิธี และสอดคล้องกับหลักแห่งความยุติธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งการปรับปรุงหรือระงับกรณีพิพาทหรือสถานการณ์ระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การล่วงละเมิดสันติภาพได้ 2. เพื่อพัฒนาสัมพันธไมตรีระหว่างประชาชาติทั้งปวงโดยยึดการเคารพต่อหลักการ แห่งสิทธิเท่าเทียมกัน และการกำหนดเจตจำนงของตนเองแห่งประชาชนทั้งปวงเป็นมูลฐานและจะได้ดำเนิน มาตรการอันเหมาะสมอย่างอื่น เพื่อเป็นกำลังแก่สันติภาพสากล 3. เพื่อทำการร่วมมือระหว่างประเทศ ในอันที่จะแก้ปัญหาระหว่างประเทศในทางเศรษฐกิจ การสังคม วัฒนธรรม และมนุษยธรรม รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุนการเคารพสิทธิมนุษยชนและอิสรภาพ อันเป็นหลักมูลฐานสำหรับทุก ๆ คนโดยปราศจากความแตกต่างด้านเชื้อชาติ เพศ ภาษา หรือศาสนา 4. เพื่อเป็นศูนย์กลางและประสานการดำเนินงานของประชาชาติทั้งปวงในอันที่จะ บรรลุจุดหมายปลายทางเหล่านี้ร่วมกันด้วยความกลมกลืน"ดังนั้น เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 1948 สมัชชาแห่งสหประชาชาติจึงได้ลงข้อมติรับรองปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชุมชนระหว่างประเทศ ที่ได้ยอมรับผิดชอบที่จะให้ความคุ้มครอง และเคารพปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยข้อความรวม 30 มาตรา กล่าวถึง1. สิทธิของพลเมืองทุกคนที่จะมีเสรีภาพ และความเสมอภาค รวมทั้งสิทธิทางการเมือง2. สิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม มาตรา 1 และ 2 เป็นมาตราที่กล่าวถึงหลักทั่วไป เช่น มนุษย์ปุถุชนทั้งหลายต่างเกิดมาพร้อมกับ อิสรภาพ และทรงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้น ทุกคนย่อมมีสิทธิและอิสรภาพตามที่ระบุในปฏิญญาสากล โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างใด ๆ เชื้อชาติ เพศ ภาษา ศาสนา ความเห็นทางการเมือง หรืออื่น ๆ ต้นกำเนิดแห่งชาติหรือสังคม ทรัพย์สินหรือสถานภาพอื่น ๆ ส่วนสิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมืองนั้น ได้รับการรับรองอยู่ในมาตร 3 ถึง 21 ของปฏิญญาสากล เช่น รับรองว่าทุกคนมีสิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ มีเสรีภาพและความมั่นคงปลอดภัย มีอิสรภาพจากความเป็นทาสหรือตกเป็นทาสรับใช้ มีเสรีภาพจากการถูกทรมาน หรือการถูกลงโทษอย่างโหดร้าย สิทธิที่จะได้รับการรับรองเป็นบุคคลภายใต้กฎหมาย ได้รับความคุ้มครองเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย มีเสรีภาพจากการถูกจับกุม กักขัง หรือถูกเนรเทศโดยพลการ มีสิทธิที่จะเคลื่อนย้ายไปไหนมาไหนได้ สิทธิที่จะมีสัญชาติ รวมทั้งสิทธิที่จะแต่งงานและมีครอบครัว เป็นต้นส่วนมาตรา 22 ถึง 27 กล่าวถึงสิทธิทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และทางวัฒนธรรม เช่น มีสิทธิที่จะอยู่ภายใต้การประกันสังคม สิทธิที่จะทำงาน สิทธิที่จะพักผ่อนและมีเวลาว่าง สิทธิที่จะมีมาตรฐานการครองชีพสูงพอที่จะให้มีสุขภาพอนามัย และความเป็นอยู่ที่ดี สิทธิที่จะได้รับการศึกษาและมีส่วนร่วมในชีวิตความเป็นอยู่ตามวัฒนธรรมของ ชุมชน มาตรา 28 ถึง 30 กล่าวถึงการรับรองว่า ทุกคนมีสิทธิที่จะมีขีวิตอยู่ท่ามกลางความสงบเรียบร้อยของสังคมและระหว่าง ประเทศ และขณะเดียวกันได้เน้นว่า ทุกคนต้องมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อชุมชนด้วยสมัชชาสหประชาชาติได้ประกาศ ให้ถือปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนนี้ เป็นมาตรฐานร่วมกันที่ทุกประชาชาติจะต้องปฏิบัติตามให้ได้ และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกของสหประชาชาติช่วยกันส่งเสริมรับรองเคารพสิทธิและ เสรีภาพตามที่ปรากฎในปฏิญญาสากลโดยทั่วกัน โดยเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชนนี้ สมัชชาสหประชาชาติจึงลงมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1950 ให้ถือวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสิทธิมนุษยชนทั่วโลก [การทูต] | Crepe rubber | ยางเครพเป็นยางที่ผลิตขึ้นจากน้ำยางธรรมชาติ หรือยางซึ่งจับตัวเป็นก้อน เช่น ยางก้นถ้วย ยางติดเปลือกไม้ เป็นต้น นำไปรีดในเครื่องเครพ (creping machine) พร้อมทั้งใช้น้ำทำความสะอาดเอาสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากยางระหว่างการรีด นำยางแผ่นที่ได้ไปผึ่งลมให้แห้ง ยางเครพที่ผลิตจากน้ำยางเป็นยางเครพที่มีคุณภาพดี ได้แก่ ยางเครพขาว (white crepe) หรือยางเครพสีจาง (pale crepe) เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ยางประเภทยางสี ได้แก่ ยางกระเป๋าน้ำร้อน ยางรัดของ เป็นต้น ส่วนยางเครพที่ผลิตจากก้อนยางจับตัว เป็นยางเครพที่มีคุณภาพต่ำ ได้แก่ ยางเครพสีน้ำตาล (brown crepe) ยางเครฟแฟลตบาร์ก (flat bark crepe) และยางเครฟแบลงเค็ต (blanket crepe) เป็นต้น ซึ่งยางเครฟเหล่านี้มีสีค่อนข้างเข้มและมีความบริสุทธิ์แตกต่างกันมากขึ้น อยู่กับชนิดของวัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิต เหมาะสำหรับทำผลิตภัณฑ์ยางที่ไม่คำนึงถึงสี ไม่ต้องการความแข็งแรงมากนักและราคาต้นทุนต่ำ ได้แก่ ยางปูพื้น ยางกันโคลน เป็นต้น [เทคโนโลยียาง] | Reclaimed rubber | ยางรีเคลมได้มาจากการนำเอาผลิตภัณฑ์ยางเก่าที่ใช้แล้ว เช่น ยางล้อรถยนต์ ยางในรถยนต์ หรือยางคงรูปที่เป็นของเสียซึ่งเกิดระหว่างกระบวนการผลิต มาผ่านกรรมวิธีโดยความร้อนและเคมี ยางจะเกิดการดีพอลิเมอไรซ์ (depolymerize) เปลี่ยนจากสภาพคงรูป (vulcanized) และมีความยืดหยุ่น (elasticity ) กลับคืนไปสู่สถานะแรกเริ่ม คือ ไม่มีความคงรูป (unvulcanised) และไม่มีความยืดหยุ่น (plasticity )* ได้เป็นยางรีเคลมที่มีลักษณะกึ่งของแข็งและของเหลว (paste-like ) ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก ปกติจะใช้ยางรีเคลมผสมกับยางธรรมชาติสำหรับผลิตผลิตภัณฑ์ที่ไม่คำนึงถึงความ แข็งแรงและความ ทนทานมากนัก *Plasticity คือ ความโน้มเอียงของวัสดุที่จะเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปอย่างถาวรเมื่อได้รับ แรงกระทำ [เทคโนโลยียาง] | combination | วิธีจัดหมู่, วิธีจัดหมู่ของสิ่งของ โดยไม่คำนึงถึงลำดับของสิ่งของในหมู่ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | permutation | วิธีเรียงสับเปลี่ยน, การจัดเรียงลำดับสิ่งของโดยคำนึงถึงตำแหน่งของสิ่งของเป็นสำคัญ [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | expansion slot | ช่องเสียบขยาย, ช่องสำหรับติดตั้งอุปกรณ์ซึ่งเป็นลักษณะของการ์ดส่วนต่อขยายเพิ่มเติม เช่น การ์ดแสดงผล การ์ดแลน การ์ดเสียง โมเด็ม โดยการเพิ่มอุปกรณ์แต่ละชนิดลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ จำเป็นต้องคำนึงถึงจำนวนและชนิดของช่องสำหรับติดตั้งในเมนบอร์ดแต่ละรุ่น [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | technology selection | การเลือกใช้เทคโนโลยี, การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ หรือวิธีการที่มีอยู่รอบตัวมนุษย์โดยผ่านกระบวนการวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกโดยคำนึงถึงคุณธรรม จริยธรรม และผลกระทบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] | resource | ทรัพยากรทางเทคโนโลยี, ปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงในการดำเนินการงานของระบบเทคโนโลยี ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ส่งเสริมหรือขัดขวางการดำเนินงานก็ได้ ประกอบด้วย 7 ด้าน คือ คน ข้อมูลและสารสนเทศ วัสดุ เครื่องมือและอุปกรณ์ พลังงาน ทุน และเวลา [พจนานุกรมศัพท์ สสวท.] |
| One day. | ซักวันนึง The Mark of Nimueh (2008) | A day? | วันนึง? O Come, All Ye Faithful (2012) | Maybe one of these days we can discuss it. | บางทีซักวันนึง เราคงได้หารือกันเรื่องนี้ Basic Instinct (1992) | I knew one once, in San Francisco. | ฉันเคยรู้จักคนนึง ใน ซาน ฟรานซิสโก Basic Instinct (1992) | I know some people who play tennis with their shrinks. | ฉันรู้จักคนกลุ่มนึงที่เล่นเทนนิส กับจิตแพทย์ของพวกเขา Basic Instinct (1992) | Another one of your rules? | กฎอีกข้อนึงของคุณงั้นสิ? Basic Instinct (1992) | I left there about 11 with a woman. | ผมออกจากที่นั่นประมาณ 5 ทุ่มกับผู้หญิงคนนึง Basic Instinct (1992) | Just wanted to stop by and maybe sing a song. | ขอมาแวะร้องเพลงให้ฟังซักเพลงนึง The Bodyguard (1992) | Anyway, he starts playing tackle football when he's 10 years old and one day he says to me and he says he's afraid of being hit. | ตอนนั้นแฟรงค์หัดเล่นฟุตบอล วันนึงเขามาบอกว่าพ'อผมกลัวถูกอัด The Bodyguard (1992) | But thoughts are tyrants that return again and again to torment us. | แต่ห้วงคำนึงคือทรราชย์ ที่หวนกลับมา ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อทรมานเรา Wuthering Heights (1992) | My one waking thought has been of you. | ทุกห้วงคำนึงยามตื่น มีเพียงเธอ Wuthering Heights (1992) | Try to get your boss to write a note about your performance on the job. | อ้า เย้ โอเค ไปกันเถอะ เดี๋ยวๆๆ แปปนึง Hero (1992) | Create the impression of a decent citizen with familial responsibilities who happened to slip up once. | ว่าแต่เรากำลังจะไปไหนอ่ะ เราต้องไปหาใครคนนึง ซางชุลเงินชั้นอยู่ที่มัน ซางชุล? Hero (1992) | When I was a kid, I thought I was gonna be this fantastic, heroic human being. | เค้าก้อยังคงเป็นเสมือนเพื่อนคนนึงของผม ผมก้อค่อนข้างเป็นห่วง Hero (1992) | Another great story. | ที่จิงผมค่อนข้างจะหน้าเด็กนิดนึง Hero (1992) | A terrific story. What? | นี่ผมตื่นเต้นมากเลย ขอสงบสติอารมณ์แปปนึง Hero (1992) | Because we're looking for the truth. | โอ้ จุง โซ รอลุงแปปนึงนะ เด่งลุงกลับมาพร้อมเงินเยอะๆเลย Hero (1992) | A story that reveals, with each layer of investigation something finer and nobler. | ชั้นอยากได้คนที่จะมาช่วยงานชั้นมากกว่า อ่าใช่ครับ นั่นก้อเป็นอีกกรณีนึง ปล่องให้เป็นหน้าที่ของผมเอง โอเค? Hero (1992) | Dad! | คือผมพบนักลงทุนคนนึงน่ะครับ แต่ว่าหล่อนเคยเปนนักขุดทองมาก่อน Hero (1992) | Where are you hurt? | อ๊ะแปปนึงน่ะค่ะแม่ Hero (1992) | Emotional. I love it. | มีคนๆนึงที่ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก Hero (1992) | I have other... different games. | ฉันยังมีอีกเกมนึงให้ลอง The Lawnmower Man (1992) | Well, you go out to the alfalfa field. You have a sack. | นายออกไปที่ทุ่งอัลฟัลฟ่า ถือกระสอบไว้ใบนึง Of Mice and Men (1992) | That's why they give me a job sweeping. And they give me $250 cos I lost my hand. | พวกเขาถึงให้ฉันกวาดพื้น และพวกเขาก็ให้ฉัน 250 ดอลล่าร์ เพราะเสียมือไปข้างนึง Of Mice and Men (1992) | A show come through Salinas, and I met one of the actors. | มีคณะละครมาที่ซาลินาส์ และฉันก็เจอกับนักแสดงคนนึง Of Mice and Men (1992) | There's one that reminds me of that game we used to play with Sue. | มีบทนึง ทำให้ฉันนึงถึงเกมส์ที่ฉันเคยเล่นกับซู The Cement Garden (1993) | Just one more thing. - Hmm? | โอ้ อีกเรื่องนึง Cool Runnings (1993) | You're one Jamaican short. | พวกนายขาดไปคนนึง Cool Runnings (1993) | I'm here to offer you an opportunity of a lifetime. | ผมมาเสนลโอกาสครั้งนึงในชีวิต Cool Runnings (1993) | We seem to have a sceptic in our midst. | พวกเราคนนึงสงสัยในข้อมูลของเรา. Hocus Pocus (1993) | Don't worry. I've done this before once. | ไม่ต้องห่วง ผมเคยขับมาแล้ว ครั้งนึง Jumanji (1995) | Otherwise, it's curtains! | อีกอย่างนึง, มันจะตาย! Hocus Pocus (1993) | Excuse me. | ขอเวลาฉันแปบนึง. Hocus Pocus (1993) | - No, wait a minute. | - ไม่, แป๊บนึงสิ. Hocus Pocus (1993) | I killed you once! | ฉันฆ่าแกไปแล้วหนนึง! Hocus Pocus (1993) | - I'm not the dumb one | - อย่างน้อยฉันคนนึงหละที่ไม่ได้โง่ The Nightmare Before Christmas (1993) | We were on the roof on Monday, young Lisiek and I, and we saw the Herr Kommandant come out of the front door... and down the steps by the patio right there below us and-- and there on the steps he drew his gun and he... shot a woman who was passing by. | เช้าวันนึงฉันกับลิเซียคบนหลังคา... เห็นผู้กองเดินออกมาหน้าบ้าน ลงบันได... Schindler's List (1993) | Oh, another beautiful day. | วันดีๆอีกวันนึง... Schindler's List (1993) | Look, all you have to do is tell me what it's worth to you. | ไม่... หัวนึงมีค่าต่อคุณเท่าไหร่ Schindler's List (1993) | Oskar, there's a clerical error here at the bottom of the last page. | ผมยังมีอีกชื่อนึง Schindler's List (1993) | He suffered from some kind of post-traumatic stress. | ผมรับรักษาเขา อยู่ประมาณปีนึง จากอาการจิตหลอน เขาไม่รับรู้โลกจริงได้ Deep Throat (1993) | - l took the one on the end there. | - ฉันถ่ายภาพนึง ภาพสุดท้ายไง Squeeze (1993) | One of them taken almost 50 years ago. | ใบนึงได้มาจาก เกือบ 50 ปีที่แล้ว Squeeze (1993) | If you could feel for one minute the sense of absolute joy and connection... that carrying your baby brings, you would understand. | ถ้านายได้รู้สึกถึงห่วงที่มีต่อกันสักนาทีนึง ว่าการมีเด็กมันเป็นอย่างไร นายก็คงจะเข้าใจ Junior (1994) | You're doing some more charting. We'll have to do the whole thing again. | เราต้องการแผนภูมิเพิ่มอีก ทำอีกรอบนึงนะ Junior (1994) | I've got one minute past. | ฉันมาช้าไปตั้งนาทีนึง Léon: The Professional (1994) | Shit. We missed the little girl, man. | เราพลาดเด็กผู้หญิงไปคนนึง Léon: The Professional (1994) | - If somebody didn't do it... one day or another, I would have probably done it myself. | - ถ้าไม่มีใครทำอย่างนี้... ซักวันนึงฉันอาจจะทำเองก็ได้ Léon: The Professional (1994) | As a matter of fact, right now I have one in my kitchen... that's very clean... | ที่จริงตอนนี้ฉันมีอยู่ตัวนึงในครัว... มันสะอาดมาก... Léon: The Professional (1994) | I have a kid, 17, does nothing all day long. | ผมมีลูกคนนึงอายุ 17 ไม่ทำอะไรเลยทั้งวัน Léon: The Professional (1994) |
| โดยไม่คำนึงถึง | [dōi mai khamneung theung] (adv) EN: regardless of | โดยไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมา | [dōi mai khamneung theung phon thī ja tām mā] (x) EN: regardless of the consequences | คำนึง | [khamneung] (v) EN: consider ; take into consideration ; take into account FR: tenir compte de ; prendre en considération | คำนึง | [khamneung] (v) EN: think of ; meditate ; contemplate FR: réfléchir ; méditer | คำนึงถึง | [khamneung theung] (v, exp) EN: consider ; take into consideration ; think over FR: considérer | คะนึง | [khaneung] (v) EN: think of ; consider ; contemplate ; reflect FR: penser à ; considérer | คะนึงถึง | [khaneung theung] (v, exp) EN: miss ; think of ; yearn FR: penser à | คิดคำนึง | [khit khamneung] (v, exp) EN: consider ; contemplate ; think of ; reflect ; propose FR: imaginer | ข้อควรคำนึง | [khø khūan khamneung] (n, exp) EN: caution | ความคิดคำนึง | [khwāmkhit khamneung] (n) EN: thinking ; imagination ; thought |
| CDMA | (abbrev) CDMA (Code division multiple access) คือ เทคโนโลยี ที่ใช้ในการส่งข้อมูลไม่ว่าจะเป็น DATA หรือ VOICE จากผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่คนนึง ไปยังอีกคนนึง โดยข้อมูลที่ส่งไปจะถูกเข้ารหัสต่างๆกันใน channel เดียวกัน ทำให้สามารถที่จะส่งข้อมูลจากหลายๆผู้ใช้งานใน channel เดียวกันได้ |
| attention | (n) การคำนึงถึง, See also: การพิจารณาอย่างสนใจ | calculate for | (phrv) คาดไว้สำหรับ, See also: คำนึงถึง, Syn. bargain for, reckon for | dwell | (vi) คำนึงถึง, See also: ใคร่ครวญ, ไตร่ตรอง | pound for pound | (idm) เปรียบเทียบกันด้วยตัวเงิน, See also: คำนึงถึงเงิน, คำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไป | incogitant | (adj) ซึ่งไม่คำนึงถึงคนอื่น, Syn. inconsiderate, thoughtless, Ant. considerate, thoughtful | inconsiderate | (adj) ที่ไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น, See also: ที่ไม่คำนึงถึงคนอื่น, Syn. thoughtless, unthinking, Ant. considerate, thoughtful | irrespective of | (adj) โดยไม่คำนึงถึง, Syn. regardless of | moon | (vi) คิดคำนึงถึง, See also: รำลึกถึง, นึกถึง, Syn. dream, fantasize, imagine | muse | (vi) คิดรำพึง, See also: คิดคำนึง, เหม่อลอย, Syn. ruminate, think, dream, meditate | museful | (adj) ซึ่งคิดคำนึงถึง | obliviously | (adv) อย่างไม่คำนึงถึง | regardless | (adv) โดยไม่คำนึงถึง, See also: โดยไม่เอาใจใส่, Syn. irrespectively, unrelatedly | regardless | (adj) ซึ่งไม่ระมัดระวัง, See also: ซึ่งไม่คำนึงถึง, ซึ่งไม่เอาใจใส่, Syn. heedless, inattentive, neglec | respect | (vt) เอาใจใส่, See also: คำนึงถึง, Syn. regard, think of | ruminate | (vi) ครุ่นคิด, See also: คำนึง, ตรึกตรอง, ใคร่ครวญ, Syn. ponder, reflect, think | ruminate | (vt) ครุ่นคิด, See also: คำนึง, ตรึกตรอง, ใคร่ครวญ, Syn. ponder, reflect, think | ride roughshod over | (idm) ปฏิบัติกับ (บางคน) อย่างเลวร้ายหรือไม่คำนึงถึงความรู้สึก | scruple | (n) ศีลธรรม, See also: จรรยา, ความลังเลใจ, ความกระดากใจ, ความคำนึงถึงศีลธรรมจรรยา, Syn. compunction, qualm | scruple | (vi) รู้สึกกระดากใจ, See also: คำนึงถึงศีลธรรมจรรยา | scrupulous | (adj) ซึ่งคำนึงถึงศีลธรรม, Syn. moral, ethical | see | (vt) จินตนาการ, See also: วาดภาพ, คิดคำนึง, คิด, นึก, Syn. imagine, dream | self | (n) ผลประโยชน์ส่วนตัว, See also: ความสนใจตัวเอง, การคำนึงถึงตัวเอง, Syn. ego, subjectivity | self-abandoned | (adj) คำนึงถึงตัวเองเป็นใหญ่, See also: ซึ่งไม่ควบคุมตัวเอง | self-conscious | (adj) ระแวดระวังตัว, See also: ระมัดระวังตัว, ประหม่า, ขวยเขิน, ซึ่งคำนึงถึงภาพลักษณ์ของตนเอง, Syn. awkward, diffident, nervous, unsure, shy | selfishness | (n) ความเห็นแก่ตัว, See also: ความเห็นแก่ได้, การคำนึงถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน, Syn. self-regard, parsimony, vanity, greed | selfless | (adj) ซึ่งไม่เห็นแก่ตัว, See also: ซึ่งคำนึงถึงผู้อื่นก่อน, ซึ่งไม่เห็นแก่ได้, ซึ่งไม่ละโมบ, Syn. generous, altruistic, unselfish | take into account | (phrv) คิดคำนึงถึง, See also: พิจารณา, ทบทวน | thinking | (adj) ซึ่งสามารถคิดด้วยเหตุผลได้, See also: ซึ่งคำนึงในเหตุผล, Syn. rational, reasoning | unconsidered | (adj) ที่ไม่เห็นว่าน่าพิจารณา, See also: ที่ไม่อยู่ในข่ายต้องคำนึงถึง |
| brute force | เอาแต่แรงหมายถึง การออกแรงทำงานบางอย่างโดยไม่มีการคำนึงถึงรูปแบบ ความงดงาม หรือความสุนทรีย์ใด ๆ เลย | computer security | ความปลอดภัยในระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน การใช้ระบบเครือข่ายทำให้สามารถดึงข้อมูล ซึ่งบางทีเป็นความลับออกมาดู หรือแอบนำไปเผยแพร่ได้ ฉะนั้น จึงต้องมีการจัดระบบความปลอดภัย ส่วนใหญ่ใช้รหัส ซึ่งจะทำให้ทุกคนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดได้ เราอาจอนุญาตเฉพาะคนบางคน หรือกลุ่มคนบางคน ให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยต้องรู้รหัส ฉะนั้นในขณะที่มีการสร้างฐานข้อมูล ก็ควรคำนึงถึงเรื่องนี้ไว้ด้วย | consider | (คันซิด'เดอะ) { considered, considering, considers } vt. พิจารณา, ครุ่นคิด, คิด, คำนึงถึง, See also: considerer n. ดูconsider, Syn. examine, ponder | data base management syst | ระบบจัดการฐานข้อมูลใช้ตัวย่อว่า DBMS (อ่านว่า ดีบีเอ็มเอส) หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลให้เป็นระบบ เพื่อจะได้นำไปเก็บรักษา เรียกใช้หรือนำมาปรับปรุงให้ทันสมัยได้ง่าย ทั้งนี้จำเป็นต้องคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญด้วย | database management syste | ใช้ตัวย่อว่า DBMS (อ่านว่าดีบีเอ็มเอส) หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลให้เป็นระบบ เพื่อจะได้นำไปเก็บรักษา เรียกใช้หรือนำมาปรับปรุงให้ทันสมัยได้ง่าย ทั้งนี้จำเป็นต้องคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญด้วย | dbms | (ดีบีเอ็มเอส) ย่อมาจาก data base management system (แปลว่า ระบบจัดการฐานข้อมูล) หมายถึง ซอฟต์แวร์ที่สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลให้เป็นระบบ เพื่อจะได้นำไปเก็บรักษา เรียกใช้ หรือนำมาปรับปรุงให้ทันสมัยได้ง่าย ทั้งนี้จำเป็นต้องคำนึงถึงการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเป็นเรื่องสำคัญด้วย | despite | (ดิสไพทฺ') prep. ถึงอย่างไรก็ตาม, โดยไม่คำนึงถึง. n. ความเกลียดชัง, การดูหมิ่น, การเหยียดหยาม-Phr. (in despite of ถึงแม้ว่า) | expansion bus | บัสส่วนขยายหมายถึง บัส (bus) เพิ่มพิเศษที่เครื่องคอมพิวเตอร์เตรียมไว้ให้เสียบแผ่นวงจรเพิ่มเข้าไป เพื่อที่จะทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คอมพิวเตอร์สมัยก่อนไม่มีส่วนนี้ ทำให้เพิ่มขีดความสามารถไม่ได้เลย คอมพิวเตอร์ปัจจุบันจะคำนึงถึงเรื่องนี้เป็นสำคัญ และจะมีเตรียมไว้ให้ทุกเครื่องทุกยี่ห้อ | feasibility studies | การศึกษาความเป็นไปได้ในวิชาคอมพิวเตอร์หมายถึง การศึกษาเพื่อชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการมีหรือใช้คอมพิวเตอร์ โดยคำนึงถึงกำไรและต้นทุน ช่วงเวลา กำลังเงินและกำลังคน เพื่อให้ทำงานตามโครงการใด ๆ ที่กำหนด โดยปรกติในการศึกษาความเป็นไปได้ จะมีข้อเสนอแนะทางเลือกอื่นที่เหมาะสมไว้ด้วยเสมอ | horsefeathers | n. สิ่งที่ไม่มีคุณค่าแก่การติดคำนึงถึง. interj. เหลวไหลไร้สาระ | image | (อิม'มิจฺ) n. รูปภาพ, รูปจำลอง, รูปถ่าย, รูปปั้น, รูปจำลอง, ภาพ, ภาพบนจอ, ภาพในใจ, รูปแบบ, ภาพถอด, สิ่งที่ปรากฎขึ้น, ภาพพจน์, มโนภาพ, จินตนาการ, สัญลักษณ์, เครื่องหมาย, รูปบูชา vt. วาดภาพ, นึกภาพในใจ, คิดคะนึง, สะท้อนภาพ, แสดงเครื่องหมาย, เหมือนกับ | imaginable | (อิแมจ'จะนะเบิล) adj. เท่าที่จะนึกภาพได้, เท่าที่จะเป็นไปได้, เท่าที่จะคิดคะนึงได้., See also: imaginableness n. imaginably adv., Syn. unreal, visiionary, fanciful | incogitant | (อินคอจ' จิเทินทฺ) adj. ไม่เกรงใจ, ไม่คำนึงถึงคนอื่น, Syn. inconsiderate | inconsiderate | (อินคันซิด' เดอเรท) adj. ไม่เกรงใจ, ไม่คำนึงถึงคนอื่น, เลินเล่อ, ไม่สนใจ, หุนหันพลันแล่น., See also: inconsiderately adv. inconsiderateness, inconsideration n., Syn. thoughtless, negligent | length | (เลงธฺ) n. ความยาว, ส่วนยาว, ระยะเวลา, ช่วงเวลา, ระยะทาง, ส่วนใหญ่. -at length เต็มที่โดยสมบูรณ์. -Phr (go to any lengths ไม่คำนึงถึงอุปสรรค ที่อาจขวางอยู่) ., Syn. extent, term, segment | licentious | (ไลเซน'เชิส) adj. มักมากในกาม, หมกมุ่นในโลกียวิสัย, ไม่มีศีลธรรม, ผิดกฎหมาย, แหกคอกประเพณี, ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์., See also: licentiousness n. ดูlicentious, Syn. wanton, lustful | love | (ลัฟว) { loved, loving, loves } n. ความรัก, ความชอบมาก, ความใคร่, ความต้องการทางเพศ, เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ , กามเทพ (CupidหรือEros) , ความเป็นห่วง, สิ่งที่ชอบ, ความรักของพระผู้เป็นเจ้า. v. รัก, ชอบมาก, ต้องการ, ได้ประโยชน์มากจาก, สมสู่, สังวาส. -Phr. (for the love of เพื่อ โดยคำนึงถึง) | meditate | (เมด'ดิเทท) vi. คิดคะนึง, ไตร่ตรอง, เพ่งพิจารณาดู, มุ่งหมาย, เข้าฌาน. vt. มุ่งหมาย, วางแผน., See also: meditatingly adv. meditator n., Syn. intend | meditation | (เมดดิเท'เชิน) n. การคิดคะนึง, การไตร่ตรอง, การเพ่งพิจารณาดู, การมุ่งหมาย, การเข้าฌาน, Syn. contemplation, pondering | museful | (มิวซ'ฟูล) adj. ใคร่ครวญ, คิดคะนึง | noninterlaced | (จอภาพ) ชั้นดี <ความหมาย>ใช้บอกคุณภาพของจอภาพ ที่แสดงว่า ภาพบนจอนิ่ง ไม่เต้น ซึ่งเป็นผลดีกับสายตามาก หากจะซื้อคอมพิวเตอร์ หรือจอภาพใหม่ ควรคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย เพราะจะช่วยป้องกันมิให้ตาเสียได้ | notwithstanding | (นอทวิธสแทน'ดิง) prep. โดยไม่คำนึงถึง, แต่กระนั้นก็ตาม, แม้ว่า. -adv. อย่างไรก็ตาม, ก็เถอะ, Syn. nevertheless, yet | oblivious | (อะบลิฟ'เวียส) adj. ไม่คำนึงถึง, ไม่รู้ถึง, ลืม, ซึ่งทำให้ลืม., See also: obliviousness n., Syn. unaware | ponder | (พอน'เดอะ) vi., vt. ครุ่นคิด, คำนึง, ไตร่ตรอง, พิจารณา. | power supply | กระแสไฟเมิ่อพูดถึงกระแสไฟในเครื่องคอมพิวเตอร์ ต้องเข้าใจว่าคอมพิวเตอร์นั้นใช้ไฟกระแสดีซี (DC) ไม่ใช่กระแสเอซี (AC) ที่ออกจากปลั๊ก (คอมพิวเตอร์จะจัดการเปลี่ยนจาก AC เป็น DC ก่อน) สิ่งที่ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องกระแสไฟ ก็คือ ต้องแน่ใจว่ามีพอที่จะ เข้าไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของเครื่องให้พอ อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงไว้ด้วยเสมอว่า การที่กระแสไฟไหลไม่สม่ำเสมอ จะมีผลเสียต่อตัวเครื่องมาก ควรมีการติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมในเรื่องนี้ด้วย ดู UPS ประกอบ | pseudo code | รหัสเทียมรหัสลำลองหมายถึง การเขียนโปรแกรมโดยไม่ต้องคำนึงถึงไวยากรณ์ แต่เป็นภาษาที่นักเขียนโปรแกรมเข้าใจกันได้ มีลักษณะเป็นภาษาอังกฤษธรรมดาส่วนหนึ่ง เป็นภาษาทำโปรแกรม (programming language) อีกส่วนหนึ่งดู programming language ประกอบ | recollect | (เรค'คะเลคทฺ') v. ระลึก, จำได้, รำลึก, คิดคะนึง, หวนคิด, See also: recollective adj. | regardless | (รีการ์ด'ลิส) adj., adv. ไม่ระมัดระวัง, ไม่คำนึงถึง, ไม่เอาใจใส่, ไม่สนใจ, See also: regardlessness n., Syn. heedless, thoughtless | respect | (รีสเพคทฺ') n. ความนับถือ, ความเคารพ, ความยำเกรง, ความคารวะ, ความเอาใจใส่, ความสัมพันธ์, ความเกี่ยวข้อง, ประเด็น, ข้อ, ประการ vt. นับถือ, เคารพ, สัมพันธ์กับ, เกี่ยวกับ, คำนึง, พิจารณา, See also: respecter n., Syn. regard, esteem | rousing | (เรา'ซิง) adj. ตื่นเต้น, เร้าใจ, ปลุกใจ, (เปล่งเสียง) อึงคะนึง, กระฉับกระเฉง, แข็งแรง, มีชีวิตชีวา, สดชื่น. | scruple | (สครู'เพิล) n. ศิลธรรม, จรรยา, จำ-นวนน้อยมาก, ความลังเลใจ, ความกระดากใจ, ความคำนึงถึงศีลธรรมจรรยา, 20 grains , จำนวนเล็กน้อยมาก vi., vt. รู้สึกกระดากใจ, คำนึงถึงศีลธรรมจรรยา, Syn. moral standard, reluctance | scrupulous | (สครู'พิวลัส) adj. คำนึงถึงศีลธรรมจรรยา, กระดากใจ, ละเอียดรอบคอบ, ระมัดระวัง, See also: scrupulousness n., Syn. cautious | self-abandoned | adj. คำนึงถึงตัวเองเป็นใหญ่ | self-centered | (เซลฟฺ'เซนเทิร์ด) adj. คำนึงถึงตัวเอง, มุ่งแต่ตัวเอง, เห็นแก่ตัว, ถือเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง, Syn. self-important, selfish, conceited | self-centred | (เซลฟฺ'เซนเทิร์ด) adj. คำนึงถึงตัวเอง, มุ่งแต่ตัวเอง, เห็นแก่ตัว, ถือเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง, Syn. self-important, selfish, conceited | selfless | (เซลฟฺ'ลิส) adj. ไม่เห็นแก่ตัว, ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว, ไม่คำนึงถึงตัวเอง., See also: selflessly adv. selflessness n. | spite | (สไพทฺ) n. เจตนาร้าย, ความมุ่งร้าย, ความโกรธเคือง, ความอาฆาตแค้น vt. กระทำด้วยเจตนาร้าย กลั่นแกล้ง ทำให้โกรธ รบกวน, -Phr. (in spite of ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม แม้ว่า ทั้ง ๆ ที่เป็น โดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น) | unimaginable | (ยูนิแมจ'จะนะเบิล) adj. สุดที่จะคนึงคิด, เข้าใจยาก, คาดคิดไม่ถึง, เป็นไปไม่ได้ | whether | (เวธ'เธอะ) adj. หรือไม่ -Phr. (whether or no โดยไม่คำนึงถึง ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม) pron อันไหน, Syn. if |
| consider | (vt) คิด, คำนึงถึง, นึกถึง, พิจารณา, สนใจ | consideration | (n) การพิจารณา, การครุ่นคิด, การคำนึงถึง, ความเห็นอกเห็นใจ | disregard | (vt) ไม่สนใจ, ไม่คำนึงถึง, มองข้าม | irrespective | (adj) ไม่จำกัด, ไม่คำนึงถึง | meditate | (vi, vt) ตรึกตรอง, นึก, คำนึง, รำพึง, คิด, เข้าฌาน | regard | (vt) เห็นว่า, มองดู, คำนึงถึง, เกี่ยวกับ, พิจารณา, ฟัง, นับถือ | regardless | (adv) โดยไม่ระมัดระวัง, โดยไม่คำนึงถึง, โดยไม่ฟังใคร | respect | (vt) เคารพ, นับถือ, พาดพิง, เกี่ยวกับ, คำนึงถึง | unreflecting | (adj) ไม่ทันคิด, ไม่คำนึงถึง |
| code switching | (n) (ศัพท์เฉพาะทฤษฎีการแปล) การถ่ายความหมายของคำจากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่ง โดยไม่คำนึงถึงบริบท ผลงานแปลจึงขาดความพลิ้ว ลีลา และอรรถรส ดังเช่นการแปลด้วยซอฟแวร์แปล | Inclusive Education | (n) การศึกษาแบบเรียนร่วม การจัดการศึกษาให้กับกลุ่มบุคคลที่มีความต้องการพิเศษ เช่น คนพิการ คนด้อยโอกาส คนไร้สัญชาติ คนอพยพ โดยคำนึงถึงการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการเรียนรู้ในโรงเรียน หรือระบบการศึกษาแบบปกติ มีจุดมุงหมายเพื่อสร้างความเข้าใจ และการยอมรับความแตกต่าง ความสามารถระหว่างบุคคล เพื่อให้ผู้เรียนค้นพบศักยภาพของตนเอง และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติสุข | overed right | [over right] (n, phrase) ถือสิทธิเหนือกฎความถูกต้องอื่นใด หรือมีอำนาจกระทำอย่างไดอย่างหนึงออกนอกกฎเกณฑ์ปกติ มีอิทธิพลมากกว่าเงื่อนไขใดๆที่กำหนดไว้ เมื่อแสดงสิทธินี้แล้วทุกอย่างที่เป็นข้อจำกัดจะเป็นไปตามที่ผู้ถือสิทธิต้องการ | quackery | (n) หมอเถื่อน; การรักษาและคำแนะนำของหมอเถื่อนที่ "มั่ว" ไปตามข้อสังเกตและประสบการณ์ โดยไม่คำนึงถึงหลักทางวิทยาศาสตร์, ความมั่ว | WayLay | (name) ชื่อตัวแทนของบุคคล คนนึงในโลกออนไลน์ | เป็นแฟนกันมั้ย | เป็นเพลง เพราะๆ ที่ มีเด็กสาวคนนึง ร้องไ ชายหนุ่มฟัง ทั้ง2 ซึ้งมากมาย โอ้วๆๆๆ ซึ้งมากมาย เพราะๆๆๆๆจับใจ ในคืนวันที่ 12/10/08 maday Tomahawk | เป็นแฟนกันมั้ย | เป็นเพลง เพราะๆ ที่ มีเด็กสาวคนนึง ร้องให้ ชายหนุ่มฟัง ทั้ง2 ซึ้งมากมาย โอ้วๆๆๆ ซึ้งมากมาย เพราะๆๆๆๆจับใจ ในคืนวันที่ 12/10/08 maday Tomahawk | แฟนกันมั้ย | เป็นเพลง เพราะๆ ที่ มีเด็กสาวคนนึง ร้องให้ ชายหนุ่มฟัง ทั้ง2 ซึ้งมากมาย โอ้วๆๆๆ ซึ้งมากมาย เพราะๆๆๆๆจับใจ ในคืนวันที่ 12/10/08 maday Tomahawk |
| 配慮 | [はいりょ, hairyo] พิจารณา นึกถึง คำนึงถึง |
| 促す | [うながす, unagasu] (vt) กระตุ้น, เร่งเล้า บุคคลให้ทำอย่างใดอย่างนึง ทนายความเร่งเล้าจำเลยแสดงตัวตนออกมา |
| | auprès de | (prep) ข้างๆ กับ, ใกล้กับ เช่น s'assesoir auprès de qn(นั่งข้างๆใครคนนึง) |
|
เพิ่มคำศัพท์
ทราบความหมายของคำศัพท์นี้? กด [เพิ่มคำศัพท์] เพื่อใส่คำนี้พร้อมความหมาย เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ใช้ท่านอื่น ๆ
Are you satisfied with the result?
Discussions | | |